บทที่ 527
5 พันล้านเลยนะ!
เฝิงเซียนเซียนรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าในเวลานี้และใบหน้าของหล่อนก็ปวดแสบปวดร้อน
เพราะก่อนหน้านี้หล่อนพูดอะไรไปมากมาย โดยบอกว่าตระกูลเย่นั้นรวย และไป๋ยี่เฟยก็ไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ทว่าความจริงก็ได้ตบหน้าหล่อนแล้ว
เพราะสุดท้ายเย่ฮวนไม่ได้เสนอราคาดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงได้รับบัตรเลื่อนขั้นใบที่ 1 ไป
เฝิงเซียนเซียนเกลียดจนอยากหาช่องว่างเพื่อเข้าไป
“ที่รักคะ ทำไมคุณถึงไม่เสนอราคาล่ะ?” เฝิงเซียนเซียนถามเย่ฮวนอย่างไม่พอใจ “เรามีเงิน ไม่เห็นจะต้องกลัวที่จะแข่งกับเขาเลยสักนิด!”
เย่ฮวนจ้องไป๋ยี่เฟยอย่างแนบแน่น สีหน้าของเขาอึมครึมชวนให้คนตกใจ เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “แข่งกับคนบ้า สิ่งเดียวที่แพ้ก็คือตัวเราเอง! ”
เมื่อพูดจบ เฝิงเซียนเซียนก็ตะลึงอยู่อย่างนั้น “ที่รักคะ คุณหมายถึงอะไรกัน? คุณกลัวเขางั้นเหรอ?”
เย่ฮวนตะคอกอย่างเย็นชา และพูดอย่างเฉยชาว่า “ผมพูดไปแล้วว่า อย่าแข่งกับคนบ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีบัตรเลื่อนขั้นตั้งสามใบ แต่เขากลับได้ใบที่1 ไปและที่เหลืออยู่สองใบนั้นเขาไม่เหลือเงินพอที่จะแย่งอีก เช่นนั้นเราคงจะได้รับบัตรเลื่อนขั้นที่ราคาต่ำกว่าไปแล้ว”
“แต่นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ตระกูลเย่ของเราเสียหน้ามาก!” เฝิงเซียนเซียนเห็นด้วยกับคำพูดของเย่ฮวน แต่สำหรับหล่อนแล้ว ศักดิ์ศรีของตระกูลเย่นั้นมีความสำคัญมากกว่า
เย่ฮวนเหลือบมองหล่อนอย่างเฉยชา “ศักดิ์ศรีคุ้มค่าเงินหรือเปล่าล่ะ?”
“เราเป็นนักธุรกิจ และนักธุรกิจต้องเข้าใจว่า จะต้องทำยังไงถึงจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด!”
“เข้าใจไหม?”
เฝิงเซียนเซียนนิ่งเงียบไร้ซึ่งคำพูด เย่ฮวนพูดถูก แต่เฝิงเซียนเซียนกลับรู้สึกว่าตัวเองโดนตบหน้า และไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคนี้ในใจได้
“แต่กรุปใหญ่อย่างพวกเรา ทั้งตระกูลใหญ่ ศักดิ์ศรีและชื่อเสียงไม่ใช่ว่าจะสำคัญกว่าเหรอ?” เฟิงเซียนเซียนถามด้วยความจริงใจ
เย่ฮวนหยุดและมองเฝิงเซียนเซียนอย่างเงียบๆ พร้อมกับถามว่า “เราเป็นอย่างนี้คือเป็นยังไง?”
“ใช่ …” เฝิงเซียนเซียนไม่สามารถพูดเหตุผลออกมาได้
เย่ฮวนตบมือเล็กๆของเฝิงเซียนเซียน และพูดอย่างเฉยชาว่า “ดูนั่นสิ! อย่างน้อยเราก็ได้รับบัตรเลื่อนขั้นในราคาต่ำสุดใบหนึ่งมา”
เย่ฮวนคิดอย่างดี
ไป๋ยี่เฟยรับได้บัตรเลื่อนขั้นใบที่1 ในราคา 5 พันล้านหยวน และตอนนี้เขาไม่มีเงินเหลือแล้ว
ดังนั้น บัตรเลื่อนขั้นทั้งสองใบถัดไปเขาก็จะไม่ประมูลอีกต่อไป เช่นนั้นเขาก็จะจ่ายไปสูงสุด แค่ไม่กี่พันล้านหยวนก็สามารถได้รับบัตรเลื่อนขั้นอีกใบ
คุ้มค่ากว่า 5 พันล้านของไป๋ยี่เฟยเสียอีก
และทุกคนในห้องก็มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เพราะทุกคนล้วนเป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ และมีหลายคน ที่คิดได้ระดับนี้
“ประธานเย่ยังคงเฉียบขาดอยู่นะ!”
“ใช่แล้ว ประธานเย่ยังได้รับบัตรเลื่อนขั้นในราคาที่ถูกกว่าและเขาก็ยังได้รับเงินก้อนหนึ่งมาฟรีๆ!”
“ไป๋ยี่เฟยนี่ยังเด็กเกินไป!”
ทุกคนพากันซุบซิบกันและพวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกว่าว่าไป๋ยี่เฟยยังเด็กเกินไป และโง่เขลาเกิน
แต่ไป๋ยี่เฟย กลับรู้สึกเฉยๆ กับการวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน
หวังโหลวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนนี้พอใจแล้วหรือยัง?”
ไป๋ยี่เฟยส่งเสียงอืมไปทีหนึ่ง และสั่นบัตรเลื่อนขั้นต่อหน้าหวังโหลว “ก็ไม่เลวนะ!”
หวังโหลวยิ้มเจื่อนๆอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อหลี่เสว่เห็นดังนั้นกลับยิ้มอย่างจริงใจ นับว่า ไป๋ยี่เฟยขาดทุนจริง แต่ไป๋ยี่เฟยก็ได้กดหัวเย่ฮวนจนสำเร็จ ซึ่งทำให้หล่อนดีใจมาก
……
เมื่อทุกคนสงบลง สวี่ชางก็หยิบบัตรเลื่อนขั้นออกมาอีกใบหนึ่งและตะโกนใส่ไมโครโฟนว่า “นี่คือบัตรเลื่อนขั้นใบที่2 ราคาประมูลเริ่มต้น 1.5 พันล้านหยวน!”
“อะไรนะ?”
ทุกคนตกตะลึง!
“เชี้ยเอ๊ย! สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงนี่ช่างใจดำเสียจริง!”
“ฉันคิดว่ามันจะเหมือนกับราคาเริ่มต้นของบัตรเลื่อนขั้นใบที่1 เสียอีก!”
“ฉันก็คิดเหมือนกัน…”
เย่ฮวนสีหน้าดำทันทีเขาคิดไม่ถึงเลยว่า สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงนี่จะใจดำจนถึงขั้นนี้ หากคิดคำนวณแบบนี้ราคาการประมูลเริ่มต้นของบัตรเลื่อนขั้นใบที่3 ก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็น 2 พันล้านหยวนแล้วสิ!
ไม่กี่คนที่อยู่ทั้งฝั่งไป๋ยี่เฟยก็หัวเราะขึ้นมา ราคาประมูลเริ่มต้น 1.5 พันล้านหยวน แค่เริ่มต้นก็เพิ่มราคาขึ้นเป็น 5 ร้อยล้านหยวนเลย เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะขึ้นราคาอีกครั้งเป็นไปไม่ได้เลยที่เย่ฮวนจะใช้เงิน 1 พันกว่าล้านหยวนเพื่อได้บัตรเลื่อนขั้น!
หลังจากที่ทุกคนบ่นกันแล้วก็ต่างพากันมองไปที่เย่ฮวน
เย่ฮวนไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังของทุกคน และชูป้ายขึ้น “1.6 พันล้านหยวน”
หลังจากตะโกนราคาออกไปเย่ฮวนก็มองไปที่ไป๋ยี่เฟย อย่างยั่วยุ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบัตรเลื่อนขั้นในราคา 1.1 พันล้านหยวน แต่ก็ได้รับบัตรเลื่อนขั้นในราคา 1.6 พันล้านหยวนซึ่งมันก็ดีกว่า 5 พันล้านหยวนของไป๋ยี่เฟยมาก
เฝิงเซียนเซียนก็คิดอย่างนั้นในใจเช่นกัน และมองไป๋ยี่เฟยเหมือนกับเย่ฮวน สายตานั้นดูเหมือนกำลังจะบอกว่า ถ้ามีความสามารถพอก็เสนอราคาสิ!
ไป๋ยี่เฟยเพิกเฉย แต่เขากลับคิดในใจว่า แม้เขาจะไม่มีเงินอีก 5 พันล้านหยวน แต่ถ้าเขาเสนอราคา เขาต้องมีทักษะและเขาก็ไม่สามารถฝังตัวเองลงไปในนั้นได้
เฝิงเซียนเซียนเห็นดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกภูมิใจ ราวกับว่าเขาได้กลับมายังที่นี่อีกครั้ง “ทำไมตอนนี้ไม่เสนอราคาแล้วล่ะ เฮ้ย ทำไมฉันลืมไปเลย คนนี้ซื้อบัตรเลื่อนขั้นไปแล้วทั้งหมด 5 พันล้านหยวนถ้วนนิ!”
“เกรงว่าตอนนี้คงไม่มีเงินเสนอราคาแล้วล่ะสิ?” ฉันว่าหลังลงจากเรือแล้ว แม้แต่กินข้าวยังเป็นปัญหาเลย!”
เห็นได้ชัดว่า คำพูดเฝิงเซียนเซียนกำลังเยาะหยันไป๋ยี่เฟย โดยพูดว่าไป๋ยี่เฟยมันโง่ ซื้อบัตรเลื่อนขั้นด้วยเงิน 5 พันล้านหยวน และสุดท้ายยังทำให้ตัวเองแม้แต่ข้าวยังซื้อกินไม่ได้ก็ด้วยซ้ำ!
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ คำพูดนี้พูดได้ไม่ผิดจริง เพราะนั่นตั้ง 5 พันล้านหยวนเลยนะ! หรือง่ายๆคือเป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่ไป๋ยี่เฟยมีนั่นเอง!
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจในคำเยาะเย้ยของทุกคน เขาเหลือบมองไปเย่ฮวนที่ยั่วยุเขา และยกมุมปากเล็กน้อย แม้ว่ากูจะไม่มีเงินเหลือแล้ว แต่กูจะไม่มีวันปล่อยให้มึงได้รับบัตรเลื่อนขั้นง่ายๆ หรอก!
ไป๋ยี่เฟยจึงยกป้ายขึ้นอย่างใจเย็น “2 พันล้านหยวน”
“โครม!”
ทุกคนเบิกตากว้าง เห็นไม่ผิดใช่ไหม? ไป๋ยี่เฟยยกป้ายขึ้นอีกแล้ว?
ยังประมูลได้ 2 พันล้านหยวนเลย!
เขาไม่มีเงินแล้วไม่ใช่เหรอ?
เย่ฮวนและเฝิงเซียนเซียนจ้องไป๋ยี่เฟย อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง และจ้องไป๋ยี่เฟย อย่างกับว่าออกมาจากอุโมงค์
ทั้งหลี่เสว่และหวังโหลวมองไปที่ยี่เฟยด้วยความประหลาดใจ และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกังวลในใจ
เย่ฮวนยืนขึ้น ชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยและพูดด้วยความโกรธว่า “ไป๋ยี่เฟย นี่คุณทำบ้าอะไรอยู่? คุณไม่มีเงินที่จะเสนอราคาไปมั่วแล้วนะ?”
เมื่อพูดจบ เฝิงเซียนเซียนก็ยืนขึ้น “ใช่แล้ว! ไม่มีเงินเสนอราคาอะไรแล้วนิ?”
ทุกคนต่างพากันพยักหน้า
“ใช่เขาใช้ทรัพย์สินทั้งหมดของเขาเพื่อประมูลบัตรเลื่อนขั้นไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ทำไมถึงยังกล้าเสนอราคาอีก?”
“มันไม่ใช่เหรอ? พอเขาประมูลราคา แล้วถ้าตระกูลเย่ไม่ประมูลตามเขาแล้ว เขาก็ไม่มีเงินที่จะหยิบออกมาไม่ใช่ว่าอยากพนันหาที่ตายเหรอ?”
“ดังนั้นแสดงว่า ไอ้หนุ่มทำตามอารมณ์ตัวเองเท่านั้น!”
หลี่เสว่ฟังทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ และถามด้วยความเป็นห่วงอย่างอดไม่ได้ว่า “ที่รักคะ เรายังมีเงินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างสบายใจ และพูดว่า “ควรมีสิ”
“เอ๊?” หลี่เสว่ ตะลึงตาค้าง เดิมทีหล่อนคิดว่าที่ไป๋ยี่เฟย กล้าเสนอราคานั้น จะต้องมีการฉวยไว้แน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเพียงคำตอบที่คลุมเครือ
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเฉยชา “วางใจเถอะ ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย”
หลังจากได้ยินคำนั้นหวังโหลว “… ”
ไป๋ยี่เฟยก็ยืนขึ้นเช่นกัน พร้อมกับพูดอย่างเฉยชาว่า “ใครบอกว่าผมไม่มีเงิน
หลี่เสว่ “…… ”
ทุกคนผงะหมายความว่าไง? ไป๋ยี่เฟยยังมีเงินอยู่อีกเหรอ?
เย่ฮวนและเฝิงเซียนเซียนก็ตะลึงเช่นกัน นี่มันเรื่องอะไรกัน? ไป๋ยี่เฟยยังมีเงินเยอะขนาดนั้นได้ไง? นี่มันเป็นไปไม่ได้!
ใช่แล้ว! มันเป็นไปไม่ได้หรอก!
“ไป๋ยี่เฟย อย่าเสแสร้งอีกเลย มีใครไม่รู้บ้างว่าคุณน่ะมีทรัพย์สินน้อยขนาดนั้น แล้วยังอยากเสแสร้งอยู่ที่นี่ต่อไปอีกงั้นเหรอ”
เฝิงเซียนเซียนชี้ไป๋ยี่เฟยแล้วตะโกนด่า
เย่ฮวนขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เฝิงเซียนเซียนคิดหรอก แม้ว่าคริสตัลกรุ๊ปไม่ใช่ธุรกิจเล็กๆ และไม่สามารถแข่งกับเย่ซื่อกรุ๊ปได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีทรัพย์สินหมื่นล้านขึ้นไป
ถ้าคิดอย่างนี้ ไป๋ยี่เฟยก็ยังสามารถหยิบเงินออกมาจ่ายค่าบัตรเลื่อนขั้นได้อีก
“ไป๋ยี่เฟยคุณมีบัตรเลื่อนขั้นแล้วทำไมยังต้องเสียบเท้าเข้าไปอีกล่ะ?” เย่ฮวนถามด้วยน้ำเสียงเข้ม
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเฉยชาว่า”ผมซื้อให้ภรรยาผมน่ะ!”
พอพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงตาค้าง