บทที่543
หลิวเสี่ยวอิงยิ้มแหะๆ “ก็เราไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้วนี่ ฉันเลยอยากจะเม้าท์กับเธอหน่อยก็เท่านั้น”
หลี่เสว่สงสัยหนักยิ่งกว่าเดิม จนถึงขั้นเริ่มระวังตัวแล้ว
จะให้โทษหลี่เสว่ก็ไม่ได้ หลี่เสว่จำได้ดีว่าตอนอยู่บนเรือคนมีคนปลอมตัวเป็นโจวฉวี่เอ๋อมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของฉินหัว พวกเธอก็ไม่มีทางจับพิรุธได้เด็ดขาด
แล้วหลิวเสี่ยวอิงในตอนนี้ก็มีจุดที่ผิดปกติไปเหมือนกันบวกกับในรถก็เหลือแค่พวกเธอสองคนเท่านั้น มันจึงทำให้เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยแบบนั้น
พอหลิวเสี่ยวอิงเห็นว่าหลี่เสว่กำลังระวังตัวมากขึ้น เธอจึงรีบพูดขึ้นว่า “อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด เพราะน้าสองฉันมาแล้วต่างหาก”
สิ้นเสียง หลี่เสว่ก็โล่งอกลงทันทีและเข้าใจเจตนาของหลิวเสี่ยวอิงแล้ว
“เราจะไปตอนนี้เลยใช่มั้ย?” หลี่เสว่ถามไปด้วยความดีใจ ทันทีที่พิษถูกแก้เธอก็สามารถมีลูกได้แล้ว และเธอก็ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ไป๋ยี่เฟยต้องเดือดร้อนอีก
หลิวเสี่ยวอิงพยักหน้า “ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยยังไม่รู้ว่าอาสองมาแล้ว”
หลี่เสว่ อืม แล้วขอร้องไปว่า “ช่วยไม่บอกเรื่องนี้กับเขาได้มั้ย? ถ้า ถ้าเกิดว่ารักษาได้แล้ว เราก็แค่ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
หลิวเสี่ยวอิงเงียบไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา “เธอไม่ต้องห่วง ฉันไม่บอกไป๋ยี่เฟยหรอก”
แต่เธอกลับแอบแลบลิ้นในใจ ไป๋ยี่เฟยรู้เรื่องนี้ไปนานแล้วย่ะ แถมยังกำชับให้เธอห้ามบอกให้หลี่เสว่รู้ด้วย สองคนนี้นี่ช่าง เป็นคู่ที่เกิดมาเพื่อคู่กันจริงๆ!
……
พอกลับมาถึงบ้าน เพื่อฉลองที่หลี่เสว่ได้ขึ้นเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจ ไป๋ยี่เฟยจึงบอกให้หวังโหลวไปจองห้องวีไอพีของ โรงแรมเทียนเป่ยไว้ห้องหนึ่ง
และในเวลาเดียวกัน เพื่อเป็นการฉลอง ลูกน้องของไป๋ยี่เฟยทุกคนวันนี้ยังได้หยุดงานอีกหนึ่งวัน
พอหลี่เสว่กลับมาถึงวิลล่าก็รีบเก็บของทันที
พอไป๋ยี่เฟยเห็นอย่างนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดไปว่า “ที่รัก กว่าจะเดินทางก็พรุ่งนี้ ค่อยเก็บคืนนี้ก็ได้ครับ!”
หลี่เสว่ส่ายหน้า “การเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจนั้นฉันไม่เคยมีประสบการณ์เลยสักนิด ฉันเลยอยากจะเตรียมตัวให้ดี แล้วฝึกฝนตัวเองให้เยอะๆ พรุ่งนี้ไปจะได้ไม่ถูกคนอื่นเขาหัวเราะเยาะเอาค่ะ”
“ใครว่าล่ะครับ ภรรยาของผมนั้นฉลาดจะตาย เรียนรู้อะไรก็เร็ว” ไป๋ยี่เฟยพูดชมเธอ
หลี่เสว่มองเขาอย่างไม่ชอบใจ “ไม่ต้องมายอฉันเลยค่ะ ตัวเองเป็นยังไงฉันรู้ดีแก่ใจ”
ไป๋ยี่เฟยแตะจมูกเบาๆ ด้วยความเขิน “โอเคครับ ที่รักว่ายังไงก็ว่าตามนั้น”
หลี่เสว่เก็บของไปพูดไป “เสื้อผ้าในตู้นั้นถูกจัดไว้ตามฤดูกาล คุณจัดการเอาเองนะคะ อีกอย่าง เสื้อสูทตัวนี้จะต้องซักแห้ง ห้ามเอาไปซักในเครื่องซักผ้าเด็ดขาด……”
ไป๋ยี่เฟยมองดูหลี่เสว่ที่กำลังสั่งโน่นสั่งนี่ จนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ที่รัก คุณพูดอย่างกับว่าคุณจะไม่กลับมาแล้วอย่างนั้นแหละ”
หลี่เสว่ชะงักไป ความจริงเธอเองก็มีความคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน เธอคิดว่าถ้าเรื่องที่เธอไม่สามารถมีลูกรักษาไม่หายละก็ เธอก็เลือกที่จะออกจากชีวิตของไป๋ยี่เฟยไป เธอจะเป็นตัวถ่วงของไป๋ยี่เฟยไม่ได้ ไป๋ยี่เฟยจำเป็นต้องมีลูกสักคนถ้าเธอมีให้ไม่ได้ ก็มีแต่ต้องจากไป ให้เขาไปแต่งกับผู้หญิงคนอื่น
ส่วนเธอนั้น ตอนนี้ได้ขึ้นเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจเป่ยไห่แล้ว ถึงแม้จากแยกจากไป๋ยี่เฟยแล้ว เธอก็ยังมีอำนาจมากพอที่จะช่วยเหลือไป๋ยี่เฟยได้
ความจริงนี่เองก็เป็นเหตุที่เธอขอร้องให้ไป๋หยุนเผิงช่วยเธอเหมือนกัน แค่ตอนนั้นเธอยังไม่มั่นใจว่าการที่เธอมีลูกไม่ได้นั้นจะรักษาให้หายได้รึเปล่าเท่านั้น
“คุณจะคิดมากแบบนั้นไปทำไมคะ? แต่ว่านะ ถ้าฉันไปแล้ว ฉันเองก็คงต้องยุ่งมากแน่ๆ คงไม่ค่อยมีเวลาได้กลับมาหรอกค่ะ” หลี่เสว่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไป๋ยี่เฟยคิดๆ ดูแล้วรู้สึกว่ามันก็จริง ด้วยความอาลัย เขาจึงพูดไปว่า “ที่รักครับ ความจริงคุณไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้นะครับ คุณยังมีผมอยู่ทั้งคนไม่ใช่รึไง?”
“ไม่ได้ค่ะ เราต่างก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด” หลี่เสว่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ไป๋ยี่เฟยฟังแล้วก็รู้สึกประทับใจขึ้นมาทันที ไม่เสียแรงที่เป็นภรรยาของเขา ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน!
ไป๋ยี่เฟยที่มองดูหลี่เสว่ก้มเก็บของอยู่ ก็เกิดความรู้สึกอยากทำอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกพ่อตาแม่ยายของเขาขัดจังหวะไว้ก่อน
“เสว่เอ๋อ ลูกนี่ช่างเป็นที่น่าภาคภูมิใจของพ่อกับแม่จริงๆ!” หลิวจื่อหยุนเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
พอหลิวจื่อหยุนรู้ว่าลูกสาวของตัวเองได้เป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจเธอก็ยิ้มจนแก้มแทบปริแล้ว
พอหลี่เสว่ได้เห็นหน้าพ่อกับแม่ เธอเองก็รู้สึกดีใจเหมือนกัน “พ่อคะ แม่คะ”
หลี่เฉียงตงยิ้มไปพยักหน้าไป แสดงออกถึงความชมเชย ส่วนหลิวจื่อหยุนนั้นก็ดึงหลี่เสว่ไปถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างการเลือกตั้ง
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดแทรก เขาแค่พูดขึ้นคำเดียวว่า “พ่อครับ”
หลี่เฉียงตงเดินมาตรงหน้าเขา แล้วพูดเบาๆ ว่า “พ่อของแกมาแล้ว จะไปเจอเขาหน่อยมั้ย?”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งไป ไป๋หยุนเผิงมาที่นี่เหรอ?
“แล้วพ่อคิดว่ายังไงล่ะครับ?” ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบ เพียงแค่ถามกลับไปอย่างนั้น
หลี่เฉียงตงถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “ไปเจอเขาหน่อยก็ดี!”
ตรงข้างนอกสวนหน้าบ้าน รถเก๋งสีดำธรรมดาคันหนึ่งจอดอยู่ตรงนั้น
พอไป๋ยี่เฟยเห็นรถคันนั้น ไป๋ยี่เฟยก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกศาล ตอนนั้นหลี่เสว่ก็ถูกรถคันนี้ส่งกลับมาเหมือนกันแต่ตอนนั้นหลี่เสว่บอกว่า คนที่มาส่งเธอเป็นอู๋กุ้ยเซียง
หลังลังเลไปแป๊บหนึ่ง ไป๋ยี่เฟยก็ตัดสินใจเปิดประตูรถออก แล้วนั่งเข้าไปข้างใน
ไป๋หยุนเผิงดูไม่แปลกใจเลยที่ไป๋ยี่เฟยมา เขายื่นบุหรี่ให้ไป๋ยี่เฟยไปมวนหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยรับมันไป พอจุดไฟเสร็จ เขาก็ค่อยๆ ดูดมันอย่างช้าๆ
ในมือของไป๋หยุนเผิงเองก็มีบุหรี่ที่จุดไว้มวนหนึ่งเหมือนกัน พอดูดไปทีหนึ่ง เขาก็ค่อยๆ พูดขึ้นว่า “ยังโกรธฉันอยู่อีกเหรอ?”
“พูดเกินไปแล้วครับ ไม่มีคำว่าโกรธหรือไม่โกรธหรอก” ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ
ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ไป๋หยุนเผิงก็ยังรู้สึกถึงความไม่พอใจที่มีต่อเขาอยู่ดี “งั้นก็แสดงว่าเกลียดฉันสินะ?”
ไป๋ยี่เฟยขำอีก “ใช่ที่ไหนครับ?”
“คุณเป็นคนมอบโหวจวี๋กรุ๊ปให้ผมเอง ถึงตอนนี้มันจะไม่ใช่ของผมแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้ผมก็ยังมีคริสตัลกรุ๊ปที่อาศัยโหวจวี๋กรุ๊ปถึงเติบโตมาได้”
“การที่ภรรยาของผมได้เป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจ มันก็เพราะคุณ”
“ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่า ต่อให้ผมจะถูกพวกคุณทอดทิ้ง แต่พวกคุณก็ยังเป็นคนที่ให้กำเนิดผมอยู่ดี”
“ดังนั้น จะให้ผมเกลียดคุณได้ยังไงล่ะครับ?”
ไป๋หยุนเผิงเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วพูดว่า “ในคำพูดของแกมันมีความเกลียดชังแฝงอยู่”
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากจะเถียงกับไป๋หยุนเผิงแล้ว “มีอะไรก็พูดมาเลยครับ ผมไม่ว่าง”
พอไป๋หยุนเผิงเห็นอย่างนั้น สายตาของเขาก็ต่ำลง เพื่อบดบังความผิดหวังของตัวเองเอาไว้ จากนั้นก็พูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “สิทธิ์ในการเลือกมันอยู่ที่แก แกสามารถตัดสินใจเลือกได้ด้วยตัวเอง เรื่องบางเรื่องนั้น แกก็น่าจะรู้”
“ผู้นำของตระกูลไป๋คือฉัน แต่คนที่จะกำหนดผู้สืบทอดนั้นไม่ใช่ฉัน แต่เป็นพวกตาแก่ที่หลงตัวเองพวกนั้น”
“ฉันแค่อยากบอกแกว่า ไม่ว่าแกจะเลือกยังไง ฉันก็จะยืนอยู่ข้างแก”
“ต่อให้แกจะบอกว่าไม่เห็นค่าของตำแหน่งผู้นำตระกูลไป๋เลยก็ตาม พ่อกับแม่ก็ยังจะยืนข้างแกอยู่ดี”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกตะลึงอย่างไม่คาดคิด “เพราะอะไร?”
“แล้วมีสิทธิ์อะไร?”
“แค่คิดว่าไป๋เซี่ยวจะอยู่กับพวกคุณไปตลอดเหรอ?”
“พวกคุณเอาแต่บอกว่ามันเป็นการทดสอบผม หลังจากฆ่าฉุงโยวเวยในครั้งนั้น ก็บอกว่าเป็นการทดสอบ และผมก็สอบผ่าน มาตอนนี้ก็ให้ผมเป็นตัวล่อ แล้วมันก็เป็นการทดสอบอีก และผมก็น่าจะสอบผ่านด้วยใช่มั้ยครับ?”
“การทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่ผ่านการทดสอบ ก็จะมีแบบทดสอบอย่างอื่นมาอีก มันเป็นการทดสอบแบบไหนกันครับ?”
“แล้วตอนนี้คุณมาบอกว่าสนับสนุนในการที่ผมไม่สืบทอดตระกูลไป๋ มันเพื่ออะไรเหรอครับ?”
“ผมผ่านการทดสอบแล้ว แล้วทำไมถึงจะสืบทอดตระกูลไป๋ไม่ได้เหรอครับ?”
“ที่ไป๋เซี่ยวไม่อยากให้ผมสืบทอดตระกูลไป๋มาโดยตลอด มันเพราะแบบนี้ใช่มั้ย?”
“หึ เขาไม่อยากให้ผมสืบทอด ผมก็ไม่ต้องสืบทอดแล้วใช่มั้ย? เขามีสิทธิ์อะไร!”
ความจริงไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจตระกูลไป๋เลย เขาแค่ไม่พอใจที่คนพวกนี้เอาแต่หลอกใช้เขา แต่ก็ไม่ยอมให้เขาได้รับในสิ่งที่เขาควรได้ เรียกมาก็มา เรียกไปก็ไป
ไป๋หยุนเผิงพูดว่าอะไรนะ เพราะไป๋เซี่ยวไม่อยากให้เขาสืบทอดตำแหน่ง จึงได้ถือโอกาสนี้ทำตามที่ไป๋เซี่ยวต้องการ แล้วทำไมไป๋ยี่เฟยต้องยอมทำตามด้วยล่ะ?
แต่ว่า ทั้งหมดนี้มันเป็นแค่สิ่งที่ไป๋ยี่เฟยคิดเท่านั้น ไป๋หยุนเผิงไม่ได้คิดแบบนั้นเลย
หลังจากที่ไป๋หยุนเผิงได้ยินแบบนั้น เขาก็อึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะตั้งสติได้ ไป๋ยี่เฟยกำลังเข้าใจเขาผิด แต่เขาก็ไม่ได้อธิบาย และพูดไปอย่างเรียบเฉยว่า “เมื่อกี้ฉันบอกไปแล้วว่า เรื่องนี้คนที่ตัดสินใจก็คือแก และไม่ว่าแกจะเลือกอะไรเราก็จะยืนอยู่ข้างแกเสมอ”
“อีกอย่าง ลูกสะใภ้คนนี้ ถูกใจฉันกับแม่ของมาก”
ไป๋ยี่เฟยทำเสียงฮึดฮัด “ภรรยาของผมไม่ต้องการให้พวกคุณมาชอบ แค่ผมชอบคนเดียวมันก็เกินพอแล้ว”
ไป๋หยุนเผิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เหมือนยังอยากพูดอะไร แต่ไป๋ยี่เฟยก็ชิงพูดขึ้นก่อน “ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยครับ? ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ลงจากรถไปโดยไม่หันมามองแม้แต่นิดเดียว
พอเห็นอย่างนั้น รอยยิ้มของไป๋หยุนเผิงก็ขมขื่นมากขึ้นไปอีก
นิสัยแบบนี้ มันก็คล้ายกับเขาเหมือนกันนะเนี่ย……