บทที่ 563
พูดจบ ชายกำยำก็มองไป๋ยี่เฟย ตัวเองพูดออกมาหนึ่งคำ“ไม่เลว!”
จากนั้นก็หันตัวเดินออกไปจากห้องครัว
พอได้ฟังคำพูดนี้จบ สองพี่น้องหยางเฉียวก็รู้สึกดีใจสุดๆ
หยางหลินกอดแขนของไป๋ยี่เฟย“พี่ชาย จากนี้ไปคุณเป็นพี่ชายของผมแล้ว!”
“คุณนี่สุดยอดจริงๆ!คิดไม่ถึงว่าจะทำอาหารเป็นด้วย แถมยังทำเก่งอีกต่างหาก!”
หยางเฉียวก็มองไป๋ยี่เฟยด้วยสีหน้านับถือชื่นชม ไม่ใช่การนับถือชื่นชมแบบชายหญิง แต่เป็นการนับถือฝีมือการทำอาหารของไป๋ยี่เฟย
ตื่นเต้นได้ไม่นาน ไป๋ยี่เฟยก็จับตะหลิว ผัดอาหารต่อ
“รบกวนคุณด้วยนะ” หยางเฉียวพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
อาหารที่ไป๋ยี่เฟยทำ ทำให้จ้าวเทียนพอใจอย่างมาก แล้วก็รักษาสัญญาที่พูดเอาไว้ด้วย แถมตอนที่จะจากไปก็ยังให้แท่งทองหนึ่งแท่งอีกต่างหาก
หยางหลินเห็นแล้วสองตาก็เปล่งประกาย เอามือมาลูบๆอย่างอดไม่ได้ แต่กลับถูกหยางเฉียวตีมือให้ปล่อยออก แล้วหยิบแท่งทองยื่นให้กับไป๋ยี่เฟย“นี่เป็นของคุณ”
ไป๋ยี่เฟยไม่รับ แต่พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ตอนนี้ฉันไม่มีที่พักชั่วคราว ขอพักอยู่ที่พวกคุณก่อน นี่ก็คิดซะว่าเป็นค่าพักของฉันก็แล้วกันนะ!”
หยางหลินดีใจขึ้นมาทันที แถมยังคิดฝันไปว่า“ถ้าทุกๆวันได้แท่งทองแบบนี้ล่ะก็ พวกเราก็จะออกไปจากเกาะนี้ได้แล้วสินะ?”
“คิดฝันซะสวยหรูเกินไปแล้ว!”หยางเฉียวจ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดขึ้น“รีบไปเร็วเข้า ที่บ้านไม่มีเนื้อแล้ว ไปซื้อเนื้อมาหน่อยสิ”
หยางเฉียวหันมาพูดกับไป๋ยี่เฟยต่อ“พี่ชาย คุณเอาแท่งทองนี้ไปเถอะ ถ้าไม่ใช่คุณ พวกเราก็คง……ถึงยังไง ทองแท่งนี้พวกเราก็รับไว้ไม่ได้หรอก”
พูดพลางก็กำลังจะยื่นทองให้กับไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยตบกลับไป“ฉันก็จะพักอยู่ที่นี่ฟรีๆไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ? อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง แต่เพียงแค่ออกมาแล้วลืมพกมาด้วยเท่านั้นเอง”
ทั้งสองคนผลักไปมาอยู่นาน ก่อนที่หยางเฉียวจะฝืนรับทองเอาไว้เอง
“พี่ไป๋ คุณรู้จักกับหลินจื่อได้ยังไงเหรอ?” หยางเฉียวถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตอนแรกเธอนึกว่าไป๋ยี่เฟยเป็นแขกที่มาทานอาหาร
แน่นอนว่าไป๋ยี่เฟยบอกไม่ได้ว่ารู้จักกันจากการทะเลาะวิวาท ไม่อย่างนั้นหยางหลินจะต้องโดนตีแน่ๆ ดังนั้นจึงพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“เจอกันระหว่างทางน่ะ”
หลินจื่อถือเนื้อกลับมา เห็นทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ก็ถามขึ้นมาหนึ่งประโยค“คุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
หยางเฉียวพูดตอบกลับ“กำลังคุยกันว่าพวกนายสองคนรู้จักกันได้ยังไงอยู่น่ะสิ”
หลินจื่อชะงักไปทันที จากนั้นก็หัวเราะแหะๆ“รู้จักกันตอนดื่มที่ร้านเหล้าน่ะ”
ไป๋ยี่เฟย“……”
อย่ากลัวฝ่ายตรงข้ามที่ฝีมือเก่งกาจ แต่ให้กลัวคนฝ่ายตัวเองที่ขี้ขลาดอ่อนแอ เล่นเองโดนเองซะแล้ว
หยางเฉียวสัมผัสได้ว่ามันมีอะไรทะแม่งๆอย่างทันที คำตอบที่ทั้งสองคนพูดมามันไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย แค่เห็นก็รู้แล้วว่ามันไม่ถูกต้อง ดังนั้นหยางเฉียวจึงคว้าตะหลิวของเธอมาเริ่มสั่งสอนเจ้าน้องชายทันที
หยางหลินเป็นคนที่โกหกไม่เก่ง ภายใต้การเค้นถามของหยางเฉียว สุดท้ายก็พูดเรื่องที่ทะเลาะวิวาทกันออกไป จากนั้นก็ถูกตีไปตามลำดับ
ชั้นหนึ่งเป็นร้านอาหาร ชั้นสองก็คือที่ที่พวกเขาพักอาศัยอยู่ มีห้องอยู่แค่สองห้อง ไป๋ยี่เฟยอยู่กับหยางหลิน
หยางหลินปีนขึ้นมาบนเตียง
ไป๋ยี่เฟยยิ้มๆ“พี่ของนายดีกับนายมากนะ”
หยางหลินสบถ เชอะ ออกมา“ผมรู้ ผมจะบอกอะไรคุณให้ นี่เห็นแก่พี่ผมหรอกนะ ถ้าคนอื่นกล้ามาตีผม ผมจะเอาให้หนักเลย”
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“จริงๆแล้วพี่สาวของนายดีกับนายมากจริงๆ นายควรจะขอบคุณเธอนะ”
“เธอไม่อยากให้นายออกไปทะเลาะวิวาทข้างนอก”
“ถ้าเกิดวันดีคืนดีนายไปทะเลาะวิวาทแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ก็จะเหลือพี่สาวนายแค่คนเดียวนะ”
หยางหลินอึ้งชะงักไป มุดหัวเข้าไปในผ้าปูที่นอน“ใช่ ถ้าอย่างนั้นพี่ผมก็จะถูกกลั่นแกล้งรังแกอยู่คนเดียว ผมก็จะไม่สามารถอยู่กับเธอได้แล้ว”
ในห้องไม่มีหน้าต่าง พออยู่ไปนานก็รู้สึกอุดอู้
ช่วงบ่ายไม่ได้มีกงการอะไรทำ ไป๋ยี่เฟยก็เลยคิดที่จะออกไปเดินเล่นๆ
ตอนที่ออกไปเห็นท่าทางของหยางหลินก็ไม่ได้เรียกเขา แต่พอเดินออกไปก็ได้ยินเสียงของน้ำ“ซู่ๆ”ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้สนใจ ลงไปสูดอากาศ
ตอนที่กลับมา ก็บังเอิญเดินผ่านห้องน้ำพอดี
ห้องน้ำอยู่ตรงกลางของระหว่างทั้งสองห้อง
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยเดินผ่าน ประตูห้องน้ำก็กำลังเปิดออกพอดี
หยางเฉียวคลุมผ้าขนหนูสีขาวหนึ่งผืนเดินออกมา จากนั้นพอทั้งสองเจอกันก็อึ้งกันไป
รอยย่นและรอยกระต่างๆบนใบหน้าของหยางเฉียวก็ไม่มีแล้ว แทนที่ด้วยใบหน้าแสนสวย ผิวขาวนวล
หยางเฉียวตกใจ ก้มหัวลงรีบเดินไปทันที
ไป๋ยี่เฟยไม่ต้องคิดเยอะก็รู้สาเหตุแล้ว
โตมาสวยขนาดนี้ แต่ต้องมาอยู่บนเกาะที่โหดร้าย โดยที่ไม่พึ่งพาใคร กลัวว่าจะใช้ชีวิตลำบาก ก็เลยทำให้ตัวเองดูหน้าตาน่าเกลียดลงสักหน่อย
คิดๆดูแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทาง หยางเฉียวคงจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจริงๆ
กลับมาถึงห้องได้ไม่นาน หยางเฉียวก็มาเคาะประตู“พี่ไป๋ คุณมีเวลาไหม พวกเรามาพูดคุยกันสักหน่อยสิ”
ไป๋ยี่เฟยออกมาจากห้อง เห็นหยางเฉียวกลับมาหน้าตาน่าเกลียดเหมือนเดิมแล้ว ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะตามเธอลงไปข้างล่าง
ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะ
ไป๋ยี่เฟยเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน“เธอไม่ต้องไปตีหลินจื่อแล้ว จริงๆเขาก็อยากจะช่วยหาเงินให้เหมือนกัน ก็เลยไปทะเลาะวิวาท เขาบอกว่าความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือหาเงินให้มากพอ ที่จะพาเธอออกไปจากที่นี่ด้วยกัน”
หยางเฉียวพยักหน้า ทำไมเธอถึงไม่เคยคิดแบบนี้เลย เพียงแค่“พี่ไป๋ เรื่องเมื่อตะกี้ ช่วยเก็บเป็นความลับได้ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจขึ้นมา พยักหน้าพูดตอบ“อื้อ”
จากนั้น หยางเฉียวกับไป๋ยี่เฟยก็คุยเล่นกัน จากที่ได้คุยกับหยางเฉียว ทำให้เขาได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับหลันเต่ามากขึ้น
แต่เดิมหลันเต่าไม่ได้อยู่ภายใต้การพัฒนาของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงแค่ที่เดียว แต่เป็นแปดประเทศที่ช่วยกันพัฒนา สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงแค่ครอบครองหนึ่งในแปดส่วนเท่านั้น
ทั้งแปดประเทศล้วนแต่มีอาณานิคมเป็นของตัวเอง พูดง่ายๆก็คือมีเมืองเป็นของตัวเองคนละเมืองนั่นเอง ที่นี่ชื่อว่าเมืองหลัน เป็นเมืองที่สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงแห่งประเทศจีนปกครองดูแลอยู่
เมืองหลันมีเหมืองทองทั้งหมดหกแห่ง แบ่งออกเป็นหกเขต ที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้คือเขตสาม
ที่ไป๋ยี่เฟยทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ว่าจะลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่แต่อย่างใด แต่อยากที่จะกลับเมืองเทียนเป่ย
เขาอยากจะไปขโมยน้ำมัน
ไป๋ยี่เฟยถามหยางเฉียว“ที่นี่มีรถอะไรให้นั่งได้บ้างไหม? เช่นพวกรถประจำทาง”
หยางเฉียวส่ายหัว“ไม่มี มีแค่พวกประชาชนชั้นสูงเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้นั่ง”
เพราะว่าค่ารถหนึ่งคันแพงมากๆ สามารถซื้อตั๋วเรือได้สองใบเลยประชาชนชั้นล่างแบบพวกเขาคิดอยากที่จะกลับไปเท่านั้น เงินที่เก็บก็เอามาซื้อตั๋วค่าเรือ
จะไปซื้อรถทำไม?
ไป๋ยี่เฟยฟังจบก็ตกใจไม่น้อย
มีแค่ประชาชนชั้นสูงเท่านั้นถึงจะมีเงินซื้อรถได้ ยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นของที่ใช้แล้วทิ้งด้วย พวกประชาชนชั้นล่าง มีเงินขนาดนี้สู้เอาไปซื้อตั๋วเรือกลับบ้านไม่ดีกว่าเหรอ
ไป๋ยี่เฟยตกใจอย่างช่วยไม่ได้ อยู่ที่นี่ มีเงินสามารถที่จะทำอะไรตามใจชอบก็ได้ รวมถึงการกระทำผิดกฎหมายด้วย
ไม่สิ อยู่ที่นี่ ไม่ได้เรียกว่าผิดกฎหมายเลยด้วยซ้ำ
มันคือการสนองความโลภต่างหากล่ะ
ถามหน่อยว่า ถ้ามีเงิน อยากทำอะไรก็ทำได้ ถึงขนาดที่ฆ่าคนก็ยังได้ แล้วคนพวกนี้ยังจะอยากไปจากที่นี่เหรอ?
จู่ๆหยางเฉียวก็ถามไป๋ยี่เฟย“คุณจะไปจากที่นี่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยชะงัก ก่อนจะพยักหน้าอย่างจริงจัง“แน่นอน”
เขาต้องไปจากที่นี่อย่างแน่นอน ข้างนอกนั่นยังมีเพื่อนพี่น้องของเขา คนในครอบครัวของเขา แล้วก็ภรรยาของเขากำลังรอเขาอยู่
ดังนั้น เขาต้องออกไปจากที่นี่
หยางเฉียวยิ้มๆ“แค่มองก็รู้แล้วว่าคุณไม่ใช่คนที่นี่”
“มองออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”ไป๋ยี่เฟยถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
หยางเฉียวยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดตอบกลับมา“เพราะว่าในสายตาของคุณไม่มีความโลภยังไงล่ะ”
ทุกๆคนบนเกาะแห่งนี้ล้วนแต่มีความโลภความต้องการทั้งนั้น
ความโลภของพวกประชาชนชั้นสูงไม่ต้องพูดถึง แต่ประชาชนชั้นล่างนี่สิ ความโลภของพวกเขาก็คือการเก็บเงินให้มากพอ เพื่อที่จะออกไปจากที่นี่ ความโลภแบบนี้มันแรงกล้าซะยิ่งกว่าความโลภของพวกประชาชนชั้นสูงเสียอีก
หยางเฉียวหยุดนิ่งไปสักพัก ก่อนจะกัดริมฝีปากพูดขึ้น“ถ้าคุณสามารถออกไปจากที่นี่ได้ ฉันขอร้องคุณสักเรื่องได้ไหม”
“เรื่องอะไร?”
“ถ้าเกิดคุณจากไปได้ ช่วย……”หยางเฉียวกัดริมฝีปาก“ช่วยพาหลินจื่อไปด้วย ถ้าคุณสามารถรับปากได้ จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”