ศพ ตอนที่ 283 จ่ายค่าเรียน
หลังฟังยายโม่พูดจบ เส้นประสาทที่ตึงของผมก็คลายออกทันที
ถ้าพูดแบบนั้น งั้นมู่หลงเหยียนกับยายโม่ก็ปลอดภัยแล้วซิ
ทํางานอย่างเรา ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าผีที่มีสุสานและไม่มีต่างกันยัง
ผีที่ไม่มีสุสาน นอกจากต้องทนทุกข์ตากลมตากฝนอยู่ข้างนอกแล้ว ยังต้องเร่ร่อนไปทั่ว
พอเร่ร่อนได้สักพักแล้ว สติปัญญาก็จะค่อยๆถดถอย กลายเป็นศพเดินได้แทน
ถ้าโชคดีหน่อยก็จะเร่ร่อนไปเจอบ้านที่ยังไม่มีใครอยู่ หรือเดินวนรอบๆวัดเพื่อสูดกลิ่นธูป ฟังคําสวดต่างๆ
ก็อาจจะกลับมามีสติเช่นเดิม
หากโชคดีอีกหน่อย ก็จะถูกพาตัวไปที่ยมโลก
แต่พวกที่ไม่มีหลุมศพแบบนี้ ถึงจะลงไปแล้ว ก็ยากที่จะได้กลับมาเกิดใหม่ทันที คล้ายกับคนที่ติดบัญชีดํา
ดังนั้น สุสานไม่เพียงทําให้พวกวิญญาณมีที่อยู่ ยังคล้ายกับบัตรประชาชนของผู้มีถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายด้วย
ขอแค่มีสุสานอยู่ และดวงวิญญาณไม่ได้เปื้อนแรงอาฆาตหรือความชั่วร้าย ปกติแล้ว ก็จะได้รับอนุญาตให้อยู่บนโลกมนุษย์ได้อีกพักหนึ่ง และยังสามารถลงไปรายงานตัวในนรกได้ทุกเมื่อ
สําหรับกฏและข้อจํากัดต่างๆ ตัวผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน
แต่ขอแค่มีหลุมศพและไม่มีแรงอาฆาต มู่หลงเหยียนและยายโม่ ก็ไม่จัดว่าเป็นผีไม่มีสุสาน หรือแทบไม่มีปัญหาใดๆเลยก็ว่าได้
ในเวลาเดียวกัน เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงคนชั่วพวกนั้น คนไหนบ้างที่ไม่มีแรงอาฆาตติดตัว
คนประเภทนี้ถ้าถูกยมทูตเห็นเข้าละก็รับประกันได้เลยว่าต้อง โดนจับลงไปยมโลกแน่ๆ
จากบาปที่ตัวเองก่อ ย่อมได้รับโทษที่ต่างกันไป แต่ยังไงก็ต้องตกนรก 18 ขุม ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ ขอแค่มีถนนหยินอยู่ใกล้ๆพื้นที่ของพวกเราก็เป็น “ พื้นที่ต้องห้าม” ของพวกคนชั่วนั่นแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็ค่อยๆถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วหันไปพูดกับมู่หลงเหยียนและยายโม่ว่า
“ งั้นก็ดี แบบนี้ผมเองก็จะได้สบายใจ !”
มู่หลงเหยียนกลับยกยิ้มที่มุมปาก “ เจ้ากาก ไม่เลวนี่ ! วันนี้เอาดอกไม้มาให้ฉัน แล้วยังรู้จักเป็นห่วงความปลอดภัยของฉันอีก ดูเหมือนนายก็ไม่ได้กากอะไรขนาดนั้นนะ! ”
เมื่อได้ยินคําพูดของมู่หลงเหยียน อารมณ์ที่เคยดีๆอยู่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นกลอกตาให้เธอทันที แต่ผมก็ขี้เกียจเถียงกับเธอ
มู่หลงเหยียนเห็นผมไม่พูด เลยไม่แซวผมอีก แต่พูดกับผมว่า “ เจ้ากาก เรื่ององค์กรตาผีนายสบายใจได้ สถานที่แห่งนี้พวกผู้อาวุโสที่มีพลังกล้าแกร่งและตําแหน่งสูงส่งในองค์กรไม่มาหรอก ถึงมากก็เป็นแค่พวกลูกกระจ๊อกเท่านั้นแหละ สู้กับพวกนั้นไม่ยากหรอก !”
“ เออใช่ แล้วก็ ! เพลงดาบของนายห่วยขนาดนี้ คืนนี้ไม่ต้องกลับไปแล้วนะ ฉันจะสอนวิชาดาบให้ชุดหนึ่ง ไม่อย่างนั้นได้ออกไปขายหน้ากันพอดี! ”
มู่หลงเหยียนไม่ได้สุภาพกับผมมากนัก แสดงนิสัยเจ้าอารมณ์ออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่มู่หลงเหยียนก็เป็นแบบนี้แหละ ผมเองก็ขี้เกียจเถียงเธอ
เถียงไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา สุดท้ายก็ไม่ได้โดนอัดหรือไม่ก็โดนล้ออีกตามเคย
ด้วยเหตุนี้ ผมเลยพยักหน้าให้มู่หลงเหยียน แสดงว่าผมตกลง
ต่อจากนั้น มู่หลงเหยียนก็ส่งดอกเบญจมาศให้ยายโม่ จากนั้นก็หยิบดาบยาวขึ้นมากวัดแกว่ง บอกให้ผมทําตามเธอ
เมื่อกี้ผมได้เรียนรู้วิถีดาบของมู่หลงเหยียนแล้ว สง่างามและชาญฉลาด แถมยังโจมตีได้อย่างเฉียบคม
ลูกเล่นเต็มไปหมด
มันดีกว่าวิชาดาบข้างถนนของผมหลายร้อยเท่าจริงๆนั่นแหละ ผมก็หยิบดาบขึ้นมาเรียนอย่างตั้งใจอยู่ข้างๆ
ปกติมู่หลงเหยียนจะค่อนข้างเจ้าอารมณ์กับผม อะไรนิดๆหน่อยๆก็ขู่ผม หรือแม้แต่ลงมือลงไม้กับผมเลยก็มี
แต่ตอนสอนวิชาดาบให้ผม เธอกลับระมัดระวังมาก หรือแม้แต่ไม่ใส่อารมณ์กับผม
แถมเธอยังเข้ามาใกล้ชิดผมเป็นครั้งคราว ชี้แนะนําเรื่องท่าทางของผม เพราะอยู่ใกล้มาก ผมสีดําของเธอเลยปลิวมาโดนหน้า ผมกลิ่นหอมอ่อนๆทําให้คนสับสน.
เรื่องก็เป็นแบบนี้ ผมอยู่จวนมู่หลงหนึ่งคืนเต็ม
เพราะมีเวลาจํากัด ผมเลยเรียนและฝึกอยู่ที่นี่อย่างต่อเนื่อง
และยังไม่ขาดตอน มู่หลงเหยียนเองก็ไม่ให้ผมพัก บอกว่าเรียนแล้วต้องเรียนให้จบในรวดเดียว
ผลลัพธ์พอผมเรียนวิชาดาบชุดนั้นเสร็จแล้ว ผมก็เหนื่อยจนแทบหมดลมหายใจ
ตอนนั้นเองมู่หลงเหยียนถึงปล่อยให้ผมไปพัก แถมยังกําชับกับผมอีกว่า พอกลับไปแล้วหมั่นฝึกฝนเป็นสองเท่า หากเรียนสําเร็จแล้ว วันข้างหน้ามันจะมีประโยชน์กับผม
สําหรับเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าตัวเองจะต้องทําได้แน่ๆ
เพราะเหนื่อยเกินไป หลังจากนั่งพิงที่ภูเขาปลอมพักหนึ่ง
สุดท้ายตัวผมก็หลับไปซะอย่างงั้น
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็พบว่าฟ้าสว่างแล้ว
เมื่อมองสิ่งที่ตัวเองนิ่งอยู่อีกที่ มันใช่ภูเขาปลอมที่ไหนละ มันเป็นหินก้อนใหญ่ชัดๆ
ลานบ้านที่อยู่รอบๆก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นปารกร้างว่างเปล่า
ดาบที่ถืออยู่ในมือ ในเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นไม้ท่อนหนึ่ง
ภาพมายา ภาพที่เห็นเมื่อวาน นอกจากมู่หลงเหยียนและยายโม่ ของทุกอย่างก็เป็นของปลอมทั้งหมด
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็ทิ้งท่อนไม้ท่อนนั้น แล้วกําลังจะเดินออกไปจากที่นี่
แต่ทันใดนั้นเอง ผมกลับพบว่าตรงหน้าอกมีชุดผู้หญิงโทรมๆชุดหนึ่งคลุมอยู่
ผมอึ้งไปพักหนึ่ง ค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบ
เอ๊ะ ! นี่มันของจริงนิ!
แถมบนชุดนี้ยังมีกลิ่นคุ้นๆด้วย นี่มันไม่ใช่ของมู่หลงเหยียนเหรอ
ผมใจเต้นแรง ต้องใช่แน่ๆ ชุดนี้ต้องเป็นของมู่หลงเหยียนแน่ๆ แถมชุดนี้ยังเป็นของจริงอีกด้วย
สงสัยเมื่อคืนมู่หลงเหยียนเห็นผมฝึกจนเหนื่อย นอนหลับอยู่ตรงนี้แล้ว เธอก็เลยกลัวว่าอากาศจะหนาวเลยเอาชุดของเธอมาห่มให้ผม
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่ยังไงมันก็รู้สึกอบอุ่นนั่นแหละ
ผมหยิบชุดออกแล้วค่อยๆลุกขึ้น กวาดสายตามองรอบๆ จากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา “ ขอบใจนะน้องศพ
ฉันเอาชุดวางไว้ตรงนี้นะ มีเวลาว่างแล้วจะมาหาเธอใหม่นะ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็วางชุดบนก้อนหินที่เต็มไปด้วยมอส และกําลังจะเดินออกไป
ผลลัพธ์ภายใต้ความคลุมเคลือ จู่ๆข้างหูของผมก็มีเสียงมู่หลงเหยียนดังขึ้น “ ชุดเหม็นเพราะนายแล้ว
ของอยู่ในรถเข็นนายแล้ว เทศกาลกวงกุ้นอย่าลืมเซ่นไหว้ให้ฉันด้วยละ! ”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็งงในทันที
เรื่องอะไรกัน ? รถเข็น ? เทศกาลกวงกัน ? เซ่นไหว้ ?
ผมรับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดดูเถาเปาทันที
สุดท้ายเมื่อมองไปที่รถเข็น ผมก็พบว่ามันมีมากกว่า 20 รายการ เสื้อผ้าผู้หญิงสไตล์เกาหลี เสื้อโค้ทยาวแคชเมียร์ กางเกงยีนส์ขาสั้น เอวสูงสไตล์วินเทจ รองเท้าส้นสูงหัวแหลมกันลื่น ฯลฯ
พระเจ้า! นี่มันเรื่องบ้าอะไร? ทําไมมันถึงได้เยอะขนาดนี้ละ
ตอนนี้แม้แต่ผีผู้หญิงก็ฉลองเทศกาลกวงกุ้นกันแล้วเหรอ?
เมื่อกี้ผมยังรู้สึกอบอุ่นหัวใจอยู่เลย แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกแย่สุดๆ
แค่ชุดนี้ชุดเดียว แถมยังเพิ่งผ่านไปแค่ค่อนคืน ตอนนี้กลับใช้ของในรถเข็นพวกนี้มาแลก มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ?
“ นี่ นี่มันเยอะเกิน เกินไปหน่อยหรือเปล่า? ” ผมทําท่าทางอมทุกข์
อาจารย์ให้เงินเดือนผมแค่ 1,200 หยวน อั่งเปาที่คุณเหวินให้ไว้ก่อนหน้านี้ ก็เอาไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่เกือบหมดแล้ว
ผมกวาดสายตามองราคาแวบหนึ่ง ทั้งหมด 5,000 กว่าหยวน แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อละ ?
สุดท้ายมู่หลงเหยียนกลับพูดอย่างเย็นชา “ เจ้ากาก ให้นายซื้อข องแค่ไม่กี่อย่างจะเป็นอะไรไป! บ่นอยู่ได้ ! ฉันไม่ได้ซื้อชุดใหม่มาตั้งหลายร้อยปีแล้ว อีกอย่าง ของพวกนี้ก็ถือเป็นค่าสอนวิชาดาบให้นาย ! แล้วก็
เมื่อวานฉันช่วยถามให้นายแล้ว จะมีส่วนลดในเทศกาลกวงกัน ของพวกนี้รวมกันแล้ว จะใช้เงินประมาณสามพันกว่า นายจะซื้อหรือเปล่าดูเอาเองก็แล้วกัน ฮึ………..”
หลังจากพูดจบ เสียงมู่หลงเหยียนก็ไม่ดังขึ้นอีก ทิ้งให้ผมทําหน้าไปไม่เป็นอยู่คนเดียว
สามพันกว่า พูดว่าเยอะก็ไม่เยอะ พูดว่าน้อยก็ไม่น้อย
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เอาเถอะ ! เงินก้อนนี้ยังพอหามาคืนได้ คิดซะว่าเป็นค่าเรียนวิชาดาบ และถือเป็นการซื้อเสื้อผ้าให้ผีเมียที่น่าสงสารไม่ได้ซื้อใหม่มาหลายร้อยปีก็แล้วกัน