ฟางหยันประหลาดใจจ้องมองไป๋ยี่เฟย
ฟางหยันเป็นดาราที่ได้รับความนิยมมีแฟนคลับมากมายคนหนึ่งนะ เดินอยู่บนถนนใหญ่ย่อมต้องใส่ผ้าปิดปากกับแว่นกันแดดและ หมวกแก๊ปอยู่แล้ว อย่างนี้จึงไม่ถูกคนจำได้
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าจ้องมองหนึ่งที จำฟางหยันได้ ก็มีความประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน “เป็นคุณหรือ?”
สาเหตุที่ฟางหยันจำเขาได้ เป็นเพราะว่าไป๋ยี่เฟยพาเขามาถึงเมืองหลวง แต่ไม่ได้เนื่องเพราะไป๋ยี่เฟยคือไป๋ยี่เฟย ถึงยังไงตอนที่เธอไปพบกับไป๋ยี่เฟยในตอนแรก ไม่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของไป๋ยี่เฟยเลย
ฟางหยันเจอคนที่คุ้นเคยอยู่ที่นี่ ดีใจมากพูดว่า “ก่อนหน้านั้นไม่ใช่บอกว่ามีการร่วมงานกับอสังหาริมทรัพท์หลันโปกั่งหรือ? พรุ่งนี้เป็นการออดิชั่น วันนี้ก็มาถึงเมืองเทียนเป่ยล่วงหน้า กลางคืนไม่มีอะไรก็ออกมาเดินเล่น”
ฟางหยันถามไป๋ยี่เฟยอีกว่า “เป็นครั้งแรกที่ฉันมาถึงสถานที่นี้ คุณเป็นคนพื้นที่ ถ้าไม่ก็เป็นไกด์ให้ฉัน พาฉันไปเที่ยวสักหน่อยล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตอนนี้สมองเขาว่างเปล่าไปหมด นึกไม่ถึงมีสถานที่ไหนที่สามารถพาเธอไปเที่ยวเลยสักนิด ดังนั้นเขาส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก
ฟางหยันเห็นแบบนี้ นี่จึงสังเกตเห็นสีหน้าของไป๋ยี่เฟย “คุณนี่เป็นยังไงแล้วล่ะ? ทำไมรู้สึกว่าลักษณะท่าทีของคุณหมดอาลัยตายอยากมากล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยหยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นถามเธอว่า “ดื่มเหล้าไหม?”
ฟางหยันอยากรู้อยากเห็นจ้องมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที จากนั้นมั่นใจในตนเองเต็มเปี่ยมพูดว่า “ไป พี่ฟางเป็นพันแก้วไม่ล้มนะ!”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกก็ไม่รู้สึกว่าฟางหยันกำลังคุยอวดอยู่ ถึงยังไงก็เป็นศิลปินคนหนึ่ง เป็นศิลปินอยากจะมีทรัพยากรย่อมต้องคบค้าสมาคมต่างๆนานาอย่างแน่นอน ความสามารถในการดื่มเหล้าก็จะไม่แย่มาก
ไป๋ยี่เฟยพาฟางหยันไปที่บาร์แห่งหนึ่งในบริเวณใกล้เคียง
บาร์นี้ใหญ่มาก แต่กลับสลับซับซ้อนมาก
นอกจากสามารถดื่มเหล้าเต้นก็ยังมีรายการอื่นๆ
อย่างเช่นว่าแข่งมวยปล้ำได้ อย่างเช่นร้องเพลงได้อีก
เพราะว่าเธอเห็นเวทีอันหนึ่งที่อยู่กลางบาร์ บนเวทีก็มีผู้ชายรูปร่างใหญ่สองคนกำลังแข่งมวยปล้ำอยู่ แต่อยู่บนเวทีอีกฝั่งหนึ่งจะมีวงดนตรีวงหนึ่งในมือถือเครื่องดนตรีไว้ กำลังส่ายหัวร้องเพลงร็อคอย่างบ้าคลั่งอยู่
ยังมีอีกฝั่งหนึ่งมีวงล้อหมุนใหญ่อันหนึ่ง ทุกคนยืนอยู่ที่ข้างๆวงล้อหมุนข้างบนวงล้อหมุน มีคนหนึ่งรับผิดชอบหมุนโดยเฉพาะ เข็มชี้ของวงล้อหมุนชี้ไปถึงใครคนนั้นก็ดื่มเหล้า และข้างบนก็ยังมีตัวเลขที่สอดคล้องกัน ตัวเลขเป็นเท่าไหร่ก็ดื่มเท่านั้น
คนเหล่านั้นเล่นจนคึกคักไม่ธรรมดา
ฟางหยันมองเห็นสภาพที่คึกคักขนาดนี้มีความประหลาดใจเล็กน้อย “คิดไม่ถึงอยู่ในเมืองเล็กๆอย่างนี้ยังมีบาร์แบบนี้อยู่!”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองลักษณะท่าทีที่พูดเสียงดังของฟางหยัน ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะว่าอยู่ในบาร์เสียงดังเกินไป ฟางหยันไม่พูดเสียงดังไม่ได้
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยไม่มีความทะยานอยากจะพูด
ไป๋ยี่เฟยไปถึงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ไม่ได้ร้องตะโกนเลย แต่ใช้เสียงตามปกติพูดว่า “เอาเหล้าสองขวด”
แต่พนักงานเสิร์ฟที่อยู่เคาร์เตอร์บาร์ฟังออก ให้เหล้าสองขวดแก่ไป๋ยี่เฟยกับฟางหยัน
ฟางหยันเห็นแบบนี้หัวเราะ แฮ่ๆ หนึ่งทีพูดว่า “คุณอยากจะทำให้ฉันเมาใช่หรือไม่ จากนั้นฉวยโอกาสทำอะไรกับฉันสักหน่อยหรือ?”
“ฉันบอกกับคุณ คุณอย่าฝันดีที่สุด ความสามารถในการดื่มเหล้าของฉันดีมากนะ อีกทั้งฉันก็ไม่อยากให้พรุ่งนี้เช้าตรู่ก็ขึ้นการค้นหายอดนิยม”
พูดคำนี้จบ หลังจากฟางหยันหาแก้วเทให้ตนเองจนเต็ม ก็จะไปเทให้ไป๋ยี่เฟยแต่ว่าเธอนิ่งอึ้งไปเลย
เพราะว่าไป๋ยี่เฟยยกขวดดื่มโดยตรง ก็เหมือนดั่งดื่มน้ำเปล่า
ฟางหยันตื่นตะลึงเหลือเกิน “ยอดเยี่ยมขนาดนี้หรือ?”
ฟางหยันรู้สึกว่าตนเองได้รับการยั่วยุ จากนั้นดื่มเหล้าในแก้วสองทีหมดเลย ก็ยกขวดดื่มเช่นกัน
สิ่งที่พวกเขาดื่มคือเหล้าแดง ไม่ใช่เหล้าขาว ถึงแม้ว่าความรุนแรงไม่เท่าเหล้าขาว แต่หนึ่งขวดลงไป ก็ยังมีการรับไม่ไหวเล็กน้อย ดังนั้นทั้งสองคนล้วนลอยๆเล็กน้อยแล้ว
หลังจากดื่มหมดแก้วหนึ่ง ย่อมทิ้งแว่นกันแดดของตนเองไว้บนเคาร์เตอร์บาร์อย่างแน่นอน พูดกับไป๋ยี่เฟยอย่างอาจหาญว่า “เห็นหรือยัง? ความสามารถในการดื่มเหล้าของพี่ฟางนี่ จะไม่ใช่คุยอวดอย่างแน่นอน โอ๊ะ…..โอ๊ะ คุณยังเอาอีกหรือ?”
คำพูดของฟางหยันยังพูดไม่จบ ไป๋ยี่เฟยก็บอกกับพนักงานเสิร์ฟว่า “เอาอีกสองขวด”
พนักงานเสิร์ฟเอาเหล้าสองขวดมาให้ ไป๋ยี่เฟยเปิดออกขวดหนึ่งดื่มต่อโดยตรง
ฟางหยันเห็นแบบนี้นิ่งอึ้งไปเลย
เห็นลักษณะท่าทีของไป๋ยี่เฟย ดูเหมือนตั้งใจซื้อความเมาอยู่ จากนั้นเธอไม่ได้ดื่มต่ออีกขวดหนึ่ง แต่ถามเขาว่า “พี่น้อง คุณเป็นยังไงแล้วหรือ? พบเจอกับเรื่องอะไรใช่หรือไม่?”
แต่ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจฟางหยัน มัวแต่ดื่มเหล้าด้วยตนเอง
ฟางหยันเห็นแบบนี้แย่งขวดเหล้าของไป๋ยี่เฟยมาทันที “เหว่ย อย่าดื่มเลย!”
“คุณก็แค่บอกว่าคุณได้พบเจอกับเรื่องอะไรล่ะ? ยังไงแต่ก่อนคุณก็เคยช่วยฉันครั้งหนึ่งคุณก็บอกกับฉันหน่อย ฉันอาจจะช่วยคุณได้”
“เพราะว่าเงินหรือ?” ฟางหยันอดไม่ได้ที่จะพูดคาดเดา
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขมๆเสียงหนึ่ง “ถ้าเนื่องเพราะเงินก็ดีแล้วจริงๆ”
นัยน์ตาของไป๋ยี่เฟยเต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าสลดกับโศกาอาดูร ถ้าหากสามารถใช้เงินแลกชีวิตน้องสาวเขากลับมา เขาหมดเนื้อหมดตัวก็ไม่เสียดายเช่นกัน
แต่ว่า ไม่ได้เลย
ในเวลานี้มีชายเยาว์วัยที่รูปร่างสูงใหญ่บึกบึนสวมใส่ไม่ตามกระแสคนหนึ่ง นั่งอยู่ข้างกายฟางหยัน กล้าหาญมากเอามือข้างหนึ่งกอดบนไหล่ของฟางหยัน “คนสวย มาดื่มเป็นเพื่อนกับพี่ชายสักแก้ว”
ฟางหยันทันใดนั้นตื่นตกใจหนึ่งที สะบัดแขนของเขาออกทันที “ขอโทษ ฉันมีแฟนแล้ว”
พูดคำนี้จบ ก็ยื่นมือเกาะแขนของไป๋ยี่เฟยไว้
ไป๋ยี่เฟยเมาเล็กน้อยแล้ว เขาดื่มเหล้าแดงไปหนึ่งขวดครึ่ง
ตอนนี้ฟางหยันก็มีความเมาเล็กน้อย บนใบหน้าทั้งสองคนล้วนแฝงไว้ด้วยความเมาเล็กน้อย ยืนอยู่ด้วยกันรู้สึกเข้ากันได้ดีมาก
จากนั้นวัยรุ่นคนนั้นจ้องมองฟางหยันประหลาดใจเหลือเกิน “คุณ……คุณคือ…….ฟางหยันหรือ?”
ฟางหยันเห็นแบบนี้ปฏิเสธทันที “ฉันไม่ใช่ คุณจำคนผิดแล้ว!”
อยู่ในเมืองเล็กๆนี้ถ้าหากถูกคนจำได้ เธอยังเกาะแขนผู้ชายคนอื่นไว้อีก พรุ่งนี้ย่อมต้องขึ้นการค้นหายอดนิยมอย่างแน่นอน
แท้ที่จริงมีข่าวฉาวเล็กน้อยมาสร้างกระแสความนิยม ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย สามารถเพิ่มอัตราการเปิดเผยได้ แต่กลับอยู่ในสถานที่แบบนี้ ภาพพจน์เธอต่อภายนอกจะเป็นเด็กหญิงที่ไร้เดียงสานะ สะอาดบริสุทธิ์มาก ย่อมถูกทำร้ายไม่ได้แน่นอน
ต่อเรื่องนี้วัยรุ่นมั่นใจมาก “ก็คือคุณ คุณก็คือฟางหยัน!”
ฟางหยันอยากจะใส่แว่นกันแดดไว้ แต่ว่าถูกชายเยาว์วัยห้ามไว้ ฟางหยันร้อนใจแล้ว “คืนให้ฉัน!”
วัยรุ่นไม่ได้สนใจฟางหยัน แต่หันหน้าไปมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที พบเห็นไป๋ยี่เฟยธรรมดามาก ไม่มีลักษณะท่าทีพิเศษอะไร ก็เลยหัวเราะเหยียดหยามเสียงหนึ่ง เหยียดหยามเต็มตา
ชายเยาว์วัยยิ้มแล้วยิ้มอีกพูดกับฟางหยันอีกว่า “คุณหนูฟางเป็นครั้งแรกมาที่นี่ใช่ไหม?”
เถ้าแก่ใหญ่ที่แท้จริงอยู่ในเมืองเทียนเป่ย พวกเขาย่อมเคยเห็นไป๋ยี่เฟยแน่นอน แต่มาเฟียเล็กๆที่ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แบบนี้ ย่อมไม่เคยเห็นไป๋ยี่เฟยอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เขาไม่รู้ว่าคนข้างหน้านี้ก็คือไป๋ยี่เฟยเลย ตอบอย่างนี้ก็ยังไม่สมัครใจมาก ดาราดังคนหนึ่งอย่างฟางหยันจะชอบคนที่ธรรมดาๆคนหนึ่งอย่างนี้ได้ยังไงล่ะ?
ฟางหยันใบหน้าขึงลง “บอกแล้วฉันไม่ใช่ คุณจำผิดแล้ว คืนแว่นกันแดดให้ฉัน!”
ชายเยาว์วัยได้ยินคำพูดนี้เหยียดหยามจ้องมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที โผล่รอยยิ้มที่หยิ่งยโสหนึ่งทีออกมา “คืนให้คุณได้ แต่ว่าคุณต้องเข้ามาเอาด้วยตนเอง!”
พูดคำนี้จบ เขาชี้ไปบนเวทีที่อยู่ตรงกลางนั้น ชี้แล้วชี้อีก “เห็นหรือยัง? ผมก็ขึ้นไปตอนนี้ ถ้ามีฝีมือก็ให้แฟนคุณมาเอากับผม!”
จากนั้นชายเยาว์วัยเดินไปข้างเวที กระโดดสองทีก็ขึ้นไปเลย
บนเวทีมีสองคนกำลังแข่งมวยปล้ำ แต่ว่าหลังจากมองเห็นผู้ชายคนนี้ขึ้นมาแยกออกจากกันทันที จากนั้นต่างคนต่างโค้งคำนับกับวัยรุ่นอย่างเคารพนบนอบ
“คุณชายติง!”
คนที่อยู่ใต้เวทีเดิมทียังเต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่ ชั่วพริบตาเดียวก็ระเบิดแล้ว
“โอ้พระเจ้า ถึงขนาดเป็นคุณชายติง!”
“คุณชายติงขึ้นเวทีแล้ว!”
“คือใครอยากจะแข่งกับคุณชายติงหรือ?”
“ใครกล้าหาญขนาดนี้ล่ะ? คุณชายติงเป็นแชมป์เทควันโดของจังหวัดนะ!”
ผู้คนตื่นตระหนกร้องเหลือเกิน และเสียงเหล่านี้ฟางหยันย่อมได้ยินอยู่แล้ว ทันใดนั้นเปลี่ยนสีหน้าเลย
ฟางหยันดึงไป๋ยี่เฟยหนึ่งที แกล้งทำเป็นลักษณะท่าทีตามสบายมาก “ช่างน่าเบื่อจริงๆ เพียงแค่แว่นตาอันหนึ่งเท่านั้น ยังไงก็ได้ ฉันไม่เอาแล้ว พวกเราไปเถอะ”
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยไม่ได้ขยับ
ฟางหยันอึ้งชะงักหันหน้าไปมอง อยู่ดีๆก็เห็นไป๋ยี่เฟยลุกขึ้นมา จากนั้นเดินไปยังเวที
แน่นอนจะรีบขึ้นไปดึงเขาไว้ทันที “คุณจะทำอะไรล่ะ?”
ในตอนแรกเธอเคยเห็นไป๋ยี่เฟยชกต่อยกัน ในเวลานั้นในมือยังถือมีดอยู่ แต่ตอนนั้นคนเหล่านั้นเป็นอันธพาลทั่วไป แต่คนที่ชื่อว่าคุณชายติงที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ได้ยินพวกเขาพูดว่าเป็นแชมป์เทควันโด เห็นได้ชัดไม่เหมือนกับคนเหล่านั้น
แม้ว่าฟางหยันไม่ค่อยสนใจไป๋ยี่เฟยเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงพวกเขาก็มาด้วยกัน เธอก็ไม่อยากทำให้ไป๋ยี่เฟยได้รับบาดเจ็บเพราะว่าเธอ
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจฟางหยันเลย แต่ขึ้นไปบนเวทีโดยตรง
เห็นสภาพแบบนี้ สีหน้าของฟางหยันยิ่งไม่ดีแล้ว