เวลาต่อมา ทุกคนในตระกูลหงรอให้ไป๋ยี่เฟยเข้ามา
จากนั้นผ่านไปสองชั่วโมง ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ปรากฏตัว
หงจุนขมวดคิ้วและพูด:“มันเกิดอะไรขึ้น อันที่จริงมันควรมาแล้วนะ”
หงฟ่านหัวเราะเสียงดังออกมา“ดูเหมือนเขาจะกลัวพวกเรา ก็เลยไม่กล้ามา”
หงจุนขมวดคิ้วส่ายหัวและพูด:“ไม่ใช่ มันมีบางอย่างผิดปกติไป”
“มีอะไรผิดปกติไปเหรอ?”หงฟ่านไม่สนใจ“จุนเอ๋อ แกคิดมากไปหรือเปล่า?”
หงจุนส่ายหัวและพูดอย่างเคร่งขรึม:“คุณพ่อ คุณไม่คิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลเหรอ?”
“ถ้าเขาต้องการล้างแค้นตระกูลหงของเราจริงๆ เขาควรรีบรวบรวมกำลังที่มีทั้งหมดเข้ามาต่อสู้กับพวกเราโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้พวกเราได้เตรียมตัว”
“แต่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น แต่เขากลับกำจัดคนของเราที่อยู่ด้านนอกไปทีละคน ด้วยวิธีการนี้ เหมือนกับบอกพวกเราว่าพวกเขาต้องการมาล้างแค้น จากนั้นเหมือนจงใจให้เวลาพวกเราได้เตรียมตัว
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หงฟ่านขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด:“เขาอาจจะคิดว่าฆ่าได้หนึ่งคนก็กำไรหนึ่งคน ไม่ได้คิดมากขนาดนี้หรือเปล่า?”
หงจุนส่ายหัวและไม่พูดอะไรอีก
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หงฟ่านอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ“ไม่รู้หงฉีไปอยู่ที่ไหน?ถ้าเขาอยู่ที่นี่ คงจะคิดอะไรได้ชัดเจนกว่านี้”
“แกลองโทรศัพท์หาน้องชายตัวเองดูหน่อยสิ ฉันโทรศัพท์ไปแล้วเขาไม่รับ”หงฟ่านหันหน้าไปพูดกับหงจุน
หงจุนได้ยินปุ๊บสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
โทรศัพท์ไปหาหงฉี เขาไม่รับสายแน่นอน เพราะเขาโดนไป๋ยี่เฟยฆ่าตายแล้ว
แต่เขาไม่รู้จะพูดยังไงกับหงฟ่านและหงฟ่านตอนนี้อายุก็เจ็ดสิบกว่าแล้ว ถ้าพูดกับเขาว่าลูกชายตายแล้ว เขาจะรับเรื่องนี้ได้เหรอ?
หงจุนไม่กล้าพูดออกไป ทำได้แค่ตอบว่า:“รอเรื่องของที่นี่จบลงแล้ว ฉันจะให้คนไปหาเขา”
“เฮ้อ มันเป็นช่วงวิกฤตของตระกูล ไม่รู้ว่ามันไปที่ไหน ทำให้คนอื่นเป็นห่วง”หงฟ่านอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง
ในขณะนี้ หงฟ่านมองไปรอบๆแล้วถามด้วยความสงสัยว่า:“ท่านประธานไปไหนแล้ว?”
หงจุนตกใจจนตัวสั่นและมองไปรอบๆ แต่เขาก็ไม่เห็นเต้าจ่างเหมือนกัน
ในเวลานี้มีลูกน้องคนหนึ่งตอบว่า:“เจ้าบ้าน เมื่อสักครู่ท่านประธานจากไปแล้ว”
เมื่อได้ยิน หงฟ่านหัวเราะทันทีและพูดกับหงจุน:“ดูเหมือนว่าเต้าจ่างจะมั่นใจในฝีมือของพวกเรามาก ดังนั้นเขาจึงจากไป ไม่เช่นนั้นเขาคงรออยู่ที่นี่พร้อมกับพวกเรา”
แต่หงจุนไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วมากขึ้น
จู่ๆ ความคิดในสมองก็แว๊บขึ้นมา เหมือนกับว่าเขาเดาอะไรบางอย่างออก
“คุณพ่อ แย่แล้ว พวกเราหลงกลแล้ว”
เมื่อหงฟ่านได้ยินก็อึ้งไปชั่วครู่ มองหงจุนด้วยความสงสัย
หงจุนพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า:“เขา……เขาไม่ได้แค่ต้องการแก้แค้นพวกเราอย่างเดียว แต่เขาต้องการครอบครองหลันเต่าด้วย!”
“เร็วๆ!ตอนนี้รีบโทรศัพท์ไปยังเหมืองทองคำในเขตที่สี่”
หงฟ่านเห็นท่าทางของเขาแบบนี้ก็ยิ่งกังวล ถึงกับตกตะลึงไปเลย
ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของหงจุน แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้มันผิดปกติ ดังนั้นเขารีบหยิบโทรศัพท์แล้วโทรออกทันที
หลังจากโทรออกไปสองครั้ง หงฟ่านกล่าวด้วยความงุนงงว่า:“เหมืองทองคำที่สองและเหมืองทองคำที่หกติดต่อไม่ได้……”
หงจุนได้ยิน สีหน้าของเขาก็ขาวซีดทันที
เขาในตอนนี้ รู้ได้ทันทีเลยว่าทำไมเต้าจ่างถึงจากไป เพราะเขาไม่ได้คาดหวังอะไรจากตระกูลหงแล้ว และเขาก็ยังใช้ตระกูลหงเป็นโล่กำบังอีก
และตอนนี้หงฟ่านก็ตระหนักได้ในทันทีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างที่เขาคิด เขาถามด้วยความตื่นตระหนก:“ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี?”
หงจุนฝืนยิ้ม ส่ายหัวและพูด:“ในหลันเต่าเหมืองทองคำก็คือทุกสิ่งทุกอย่าง ใครมีเหมืองทองคำมากกว่า คนนั้นก็มีสิทธิ์มากกว่า เป็นเพราะพวกเราประมาทเอง”
“ไป๋ยี่เฟยเป็นคนฉลาดมาก เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการมาแก้แค้นพวกเรา เขาจงใจฆ่าคนของเราไปจำนวนมาก ทำให้พวกเราคิดว่าเป้าหมายต่อไปของเขาก็คือคฤหาสน์ของตระกูลเรา”
“อันที่จริงแล้ว เขาต้องการให้พวกเรารวบรวมคนทั้งหมดมาอยู่ที่คฤหาสน์ เพื่อให้เขามีเวลาไปแย่งเหมืองทองคำของพวกเรา”
“วิธีที่เขาใช้ มันช่างน่าเกรงขามจริงๆ!”
เมื่อฟังคำพูดเหล่านี้จบ หงฟ่านก็ยิ่งตื่นตระหนกและพูดอย่างกังวลว่า“แกพูดมาสิ ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี?”
“เอาอย่างนี้แล้วกัน”หงจุนครุ่นคิดและพูด“ให้คนของพวกเราพกปืนและรีบไปช่วยเหมืองทองคำที่สี่กับเหมืองทองคำที่ห้า เพราะเหมืองทั้งสองแห่งนี้อยู่ไกลจากเหมืองที่เราโดนแย่งไป พวกเขาน่าจะยังไปไม่ถึงเหมืองสองแห่งนี้”
“แต่ถ้าอย่างนั้น……”
หงฟ่านไม่ได้มีความอดทนมากนัก หลังจากฟังที่เขาพูดจบก็รีบพูดขึ้นมาทันที:“อย่าพูดอะไรอีกเลย รีบทำตามที่เขาพูดเดียวนี้”
ไป๋ยี่เฟยไม่ปรากฏตัวเลย ดังนั้น หงฟ่านจึงเชื่อในสิ่งที่หงจุนพูด
ตอนนี้หงฟ่านกลัวมากๆ ในเวลาเดียวกันก็ตระหนักได้ว่าตัวเองประเมินความสามารถของไป๋ยี่เฟยต่ำไปจริงๆ คำพูดของเต้าจ่างเคยเตือนเขา ไม่ใช่เพราะเต้าจ่างเป็นคนระมัดระวังมากจนเกินไป แต่เป็นเพราะไป๋ยี่เฟยเป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ต่อมาหงจุนนำกำลังที่เหลืออีกหนึ่งร้อยกว่าคน แบ่งเป็นสองทีมเพื่อส่งไปยังเหมืองทองคำที่สี่กับเหมืองทองคำที่ห้า
……
ในขณะที่เขากำลังออกไป เต้าจ่างก็มาถึงเหมืองทองคำที่สี่แล้ว
ในเขตที่สี่มีเหมืองทองคำทั้งหมดหกแห่งและเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดคือเหมืองทองคำที่สี่ มันใหญ่มากๆเท่ากับเหมืองทองคำที่เหลือห้าแห่งรวมกัน
ดังนั้นหลังจากเต้าจ่างคำนวณเสร็จ เขาก็รีบวิ่งไปที่เหมืองทองคำที่สี่ทันที เพื่อรอการปรากฏตัวของไป๋ยี่เฟย
แน่นอนเขาไม่ได้มาเพียงคนเดียว เขาพาศิษย์น้องของตัวเองและลูกน้องที่เหลืออีกหกคนที่เป็นยอดฝีมือระดับที่สองมาด้วย
พวกเขาในตอนนี้ กำลังยืนอยู่บนหอคอยของเหมืองทองคำ
ศิษย์น้องเต้าจ่างกับเต้าจ่างยืนอยู่ด้วยกัน พวกเขามองไปด้านนอกและยิ้มอย่างเย็นชา:“ไป๋ยี่เฟยเป็นคนฉลาด แต่น่าเสียดาย คู่ต่อสู้ของเขาคือศิษย์พี่”
“เขาน่าจะคิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่จะสามารถอ่านเกมส์ของเขาออก ถ้าเขามาที่นี่ เขาจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน”
เต้าจ่างสีหน้าปกติเมื่อได้ยินคำพูดนี้ แต่ดวงตาของเขาเผยให้เห็นความมั่นใจในตัวเอง จากนั้นพูดเบาๆว่า:“ยังไม่ควรประมาท ลูกน้องของเขาหลายคน มีฝีมือที่ไม่ธรรมดาเลย”
ศิษย์น้องเต้าจ่างรีบพูดประจบทันที:“คนพวกนั้นมีเพียงเฉินอ้าวเจียวกับซาเฟยหยางที่มีฝีมือ ฉันต่อสู้คนหนึ่ง อีกคนก็คงโดนศิษย์พี่จัดการได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว?”
“สำหรับคนอื่นๆ ก็ให้ลูกน้องของศิษย์พี่ที่เป็นยอดฝีมือระดับที่สองจัดการ ไม่น่าจะเป็นปัญหา”
“ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้พวกเราไม่ล้อเล่นกับพวกมันอีก เห็นคนปุ๊บก็รีบเข้าไปจับตัวไป๋ยี่เฟยทันที คนอื่นๆที่เหลือก็คงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน”
ลูกน้องหกคนที่เป็นยอดฝีมือระดับที่สองที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย
จากนั้นเต้าจ่างก็ขมวดคิ้วและถามว่า:“ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?”
ศิษย์น้องเต้าจ่างมองดูนาฬิกาแล้วตอบ:“ผ่านไปสามชั่วโมงกว่าแล้ว”
จากนั้นเขาหัวเราะอย่างดูถูกเหยียดหยาม:“ฉันคิดว่าไป๋ยี่เฟยคงกลัว ผ่านไปนานขนาดนี้ก็ยังไม่มา คิดว่าเขาน่าจะเดาออกว่าพวกเราล่วงรู้แผนการของเขา ทำให้เขาไม่กล้ามา”
“ไม่!”เต้าจ่างขมวดคิ้ว ส่ายหัวและพูด“เขากล้ามาแน่ๆ”
ในขณะนี้ มีรถบรรทุกหลายคันกำลังขับเข้ามา
ศิษย์น้องเต้าจ่างเห็นและชี้ไปที่รถบรรทุก พูดด้วยรอยยิ้ม:“ศิษย์พี่ พวกเขามาแล้ว!”
คนที่เหลือต่างมีสีหน้าเคร่งขรึมและพวกเขาทั้งหมดก็มองไปที่รถบรรทุก
เมื่อรถบรรทุกเข้าใกล้ พวกเขาถึงพบว่า ทุกคนที่อยู่บนรถสวมเครื่องแบบของตระกูลหง และบางคนก็มีปืนอยู่ในมือ
คนพวกนี้เป็นคนที่ควรอยู่และปกป้องคฤหาสน์ของตระกูลหงไม่ใช่เหรอ
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น สีหน้าของเต้าจ่างก็เปลี่ยนไป“แย่แล้ว พวกเราหลงกลอีกแล้ว!”
“อ้า?”ศิษย์น้องเต้าจ่างมองหน้าเต้าจ่างด้วยสีหน้างุนงง
……
ในขณะนี้ ไป๋ยี่เฟยปรากฏตัวในคฤหาสน์ตระกูลหง
ตอนนี้ในคฤหาสน์ตระกูลหงว่างเปล่าและคนที่เหลือทั้งหมดก็โดนหงจุนพาตัวไปช่วยเหลือเหมืองทองคำที่สี่แล้ว
ดังนั้นสวีลั่งได้พาคนขององค์กรขวางซาแอบเข้ามาในคฤหาสน์ และได้ฆ่าลูกน้องที่เหลืออีกสิบกว่าคนได้อย่างรวดเร็ว
มีเพียงหงฟ่านและสมาชิกในครอบครัวของลูกน้องเท่านั้นที่อยู่ในห้องโถง
พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าอยู่กับพื้น กลัวจนตัวสั่น
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าห้องโถง นั่งลงที่โซฟาอย่างสบายใจ เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งม้วนแล้วจุดไฟ สูบบุหรี่หนึ่งคำแล้วมองไปที่หงฟ่าน“คุณเป็นเจ้าบ้านตระกูลหงชื่อหงฟ่านใช่ไหม?”
หงฟ่านเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ไป๋ยี่เฟย ถามด้วยความหวาดกลัว:“คุณ……คุณเป็นใคร?”
ไป๋ยี่เฟยตอบด้วยน้ำเสียงเบาๆ:“ฉันชื่อไป๋ยี่เฟย”
สีหน้าของหงฟ่านขาวซีดขึ้นมาทันที
เขาคือไป๋ยี่เฟย?
คนที่โดนเขาดูถูกดูแคลนและคิดว่าเขาแค่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด?