“พวกเขาเปลี่ยนการบังคับใช้แรงงานเป็นการจ้างแรงงานโดยสมัครใจ และพวกเขาไม่มีความสามารถในการจัดส่งสินค้าออกไป เพราะพวกเขาไม่มีเงินเพียงพอสำหรับการดำเนินงานพวกนี้”
“ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเงินหลายหมื่นล้านในโลกภายนอก พวกเขาก็สู้พวกเราไม่ได้”
“ตามแผ่นของฉัน เพื่อให้คนเหล่านั้นมีความขัดแย้งภายใน พวกเราจะใช้แผนระยะยาว โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีโอกาสกำจัดไป๋ยี่เฟย”
“แต่คุณละ?”
“คุณเคยฟังสิ่งที่ฉันพูดไหม?”
หงจุนไม่สามารถโต้แย้งได้
ก่อนหน้านี้ท่านฉวี่ไปหาหงจุนและบอกแผ่นการทุกอย่างให้เขา ทำให้การประชุมครั้งนั้น จึงมีหลายคนตั้งคำถาม
คนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนของท่านฉวี่
แต่หงจุนไม่มีความอดทนที่จะรอมากขนาดนั้น
ดังนั้นเขาจึงเลือกวิธีการที่ตรงไปตรงมา โดยฝังระเบิดจำนวนมากไว้ในห้องลับใต้ดินของตระกูลหง
มันค่อนข้างเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับยอดฝีมือระดับที่สอง
ท่านฉวี่จ้องมองหงจุน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ถึงเป็นอย่างนั้น ความคิดของคุณก็ไม่เลว แต่คุณใจอ่อนมากเกินไป!”
คนที่มีอำนาจบางคนที่อยู่ข้างๆ ก็พูดคล้อยตามท่านฉวี่ด้วย
“ใช่แล้ว ถ้าทำตามที่ท่านฉวี่พูดคงดีกว่านี้”
“นี่มันเป็นความผิดของคุณ!”
“แผนการตั้งเยอะ น่าเสียดายจริงๆ!”
คนพวกนี้เมื่อก่อนต่างแย่งกันประจบประแจงหงจุน แต่เนื่องจากตระกูลหงล่มสลาย ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดจึงไปประจบประแจงท่านฉวี่ และในขณะเดียวกันก็เหยียบย่ำและดูถูกหงจุน
“ฉันก็ไม่อยากจะว่าคุณเลย คนทั้งหมดของตระกูลคุณโดนฆ่าล้าง ทำไมคุณยังใจอ่อนอีก!”
“ฉันก็ไม่อยากจะว่าคุณอีก ในเมื่อคุณใจอ่อนแล้ว จะมาเสียใจอะไรตอนนี้?”
“ในเมื่อคุณใจอ่อน ไม่คิดถึงเรื่องที่จะแก้แค้นให้คนของตระกูลหง ตอนนี้เพราะผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิต คุณก็รีบมาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากท่านฉวี่ ไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าคุณคิดยังไง”
“ถ้าคุณฉลาดพอ ก็รีบไสหัวไปซะ”
“ตอนนี้คุณไม่ได้มีอำนาจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
คำพูดที่ดูถูกเหยียบหยามเหล่านี้ ทำให้หงจุนโกรธมากๆจนกัดฟันตัวเอง
หงจุนกำหมัดของตัวเองไว้แน่น เขามีความแค้นเต็มอก
เขาเกลียดตัวเองที่ไม่เอาไหนในตอนนี้ และเกลียดตัวเองที่ใจอ่อนในตอนนั้น
ตอนนั้นไป๋ยี่เฟยเลือกที่จะเสียสละตัวเอง เพื่อช่วยชีวิตจำนวนมากที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพื่อลดความคับแค้นใจของพวกเขา การกระทำของไป๋ยี่เฟย ทำให้หงจุนประทับใจในตัวเขา
แต่ว่ามันไม่สามารถลบล้างความแค้นที่ไป๋ยี่เฟยฆ่าล้างคนของตระกูลหง
เป็นเพราะเขาแอบเข้าไปในงานประชุม เห็นใบหน้าของประชาชนทั่วไปเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ และการพัฒนาเมืองเจาหยางต่างๆในอนาคต ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว
ตอนนั้นเขาครุ่นคิด ถ้ามันเปลี่ยนแปลงอย่างที่เขาพูดไว้ เมืองเจาหยางคงจะเป็นสวรรค์ของทุกคน!
ในขณะที่เขาอยู่ในห้องใต้ดิน ตอนนั้นไป๋ยี่เฟยสามารถฆ่าเขาได้ แต่เพราะเสียงตะโกนของลู่เชี่ยน ทำให้ไป๋ยี่เฟยไม่ฆ่าเขา
เขาใช้หนึ่งชีวิตของตัวเอง เพื่อขจัดความแค้นของสามตระกูล
คนที่กล้าทำแบบนี้จะมีซะกี่คน?
ยิ่งไปกว่านั้น หงจุนรู้ดีว่าตระกูลหงทำอะไรไว้ในเขตที่สี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นเขาจึงใจอ่อน
เขารู้ว่าไป๋ยี่เฟยได้อาเจียนพิษออกมา แต่เพราะเขาใจอ่อน ก็เลยโกหกลู่เชี่ยนว่าไป๋ยี่เฟยต้องตายแน่นอน
แต่การตายของลู่เชี่ยน ทำให้ความแค้นทั้งหมดในจิตใจของเขาปะทุออกมาอีกครั้ง
“หงจุน รีบไสหัวไปซะ!”
มีคนๆหนึ่งที่อยากประจบประแจงท่านฉวี่ เดินออกมาแล้วผลักหงจุนออกไปและพูดเยาะเย้ย“ตอนนี้แกมันก็แค่หมาหัวเน่า อย่าอยู่ขายขี้หน้าตรงนี้อีกเลย!”
หงจุนกำหมัดของตัวเองไว้แน่นและเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองคนๆนั้นอย่างเลือดเย็น
คนๆนั้นตกใจจนตัวสั่น
หงจุนไม่ได้มีดวงตาที่อ้อนวอนขอความช่วยเหลือเหมือนเมื่อสักครู่ ตอนนี้ดวงตาของเขาเลือดเย็นเหมือนดาบคมๆสองเล่ม
ลักษณะท่าทางตอนนี้ของหงจุน พวกเขาเคยเห็นมาก่อน เขาเคยเป็นแบบนี้ตอนที่ตระกูลหงยังไม่ถูกฆ่าล้าง
ในเวลานั้น พวกเขาต่างก็คุกเข่าต่อหน้าหงจุน
“เพี๊ยะ!”
หงจุนตบหน้าคนๆนั้นอย่างจัง ศีรษะของคนๆนั้นหมุนไปข้างขวา ตั้งฉากเก้าสิบองศากับไหล่ของเขาพอดี
เขาตายแล้ว
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกคนตกตะลึง
บรรยากาศในห้องโถงตอนนี้เงียบสงัด
ท่านฉวี่เป็นคนที่ได้สติกลับมาก่อน เขาตะโกนทันที:“หงจุน!”
หงจุนมองกลับไปและฝืนยิ้มด้วยความเจ็บปวด:“ถ้าไม่ใช่คุณเคยช่วยชีวิตของพ่อฉัน และพ่อของฉันเคารพคุณมากๆ ถ้าฉันอยากจะฆ่าคุณ มันง่ายนิดเดียว!”
“คุณ!”ท่านฉวี่จ้องเขาด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
จากนั้นหงจุนมองดูทุกคนที่อยู่ในห้องโถงและพูดด้วยความโกรธ:“ยังมีพวกนกสองหัวอย่างพวกเจ้า อย่านึกว่าไม่มีตระกูลหงแล้ว พวกเจ้าก็สามารถดูถูกเหยียบหยามฉันได้ตามต้องการ?”
“แม่งเอ๊ย อย่างน้อยฉันก็ยังเป็นยอดฝีมือระดับที่สอง ถ้าจะฆ่าเศษสวะอย่างพวกเจ้า มันง่ายนิดเดียว!”
เมื่อคนเหล่านั้นได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก
หงจุนหันหน้าไปมองท่านฉวี่และหัวเราะอย่างเย็นชา:“ท่านฉวี่ คุณคิดว่าแผนการของคุณ พวกเขาจะมองไม่ออกเหรอ?”
“ฉันเคยต่อสู้กับเขา และรู้จักเขาดีพอ เขาเป็นคนที่มีความละเอียดและรอบคอบ แม้แต่เวลาที่เขาเผชิญหน้ากับความตาย เขาก็สามารถวิเคราะห์ทุกคนได้อย่างละเอียด คุณคิดว่า เขาจะเดาแผนการของคุณไม่ออกเหรอ?”
หงจุนหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดอีกครั้ง:“ตอนแรกฉันต้องการให้พวกคุณช่วยรวบรวมกำลังพลให้หน่อย ในเวลาเดียวกันฉันก็จะได้ช่วยเหลือพวกคุณด้วย แต่พวกคุณมันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”
“งั้นพวกคุณก็นั่งรอความตายเถอะ!”
หลังจากพูดจบ หงจุนหันหลังแล้วเดินจากไป แต่เมื่อเดินถึงหน้าประตู เขาก็หันหลังกลับมา ชี้ไปที่ท่านฉวี่และพูด:“ฉันจะจำทุกคำพูดที่พวกคุณพูดกับฉันในวันนี้”
“ถ้าเจอกันครั้งหน้า พวกคุณคงไม่ได้นั่งคุยกับฉันเหมือนวันนี้แน่นอน”
จากนั้นหงจุนก็จากไป
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงหวาดกลัวจนตัวสั่น ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ท่านฉวี่ก็ตะโกนออกมา:“เขาเป็นคนที่โอหังมากๆ!”
คนอื่นๆที่ได้สติ ก็รีบพูดปลอบใจทันที
“ท่านฉวี่อย่าโกรธเลย”
“ใช่ อย่าไปอารมณ์เสียกับหมาหัวเน่าอย่างเขาเลย เขาก็แค่พูดจาโอ้อวดเท่านั้น”
“เมื่อสักครู่เขายังอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากท่านฉวี่เลย ถ้าไม่ใช่ท่านฉวี่ปล่อยเขาไป เขาคง……”
เมื่อสักครู่ท่านฉวี่ตกใจมากๆกับการกระทำของหงจุน แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทำให้เขาสงบลงและรู้สึกสบายใจมากขึ้น
ท่านฉวี่ส่ายหัวและพูด:“ต้องโทษที่ฉันใจอ่อนเกินไป ต้องขอโทษทุกคนด้วย”
จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้ม:“แผนการของพวกเราก็ต้องดำเนินการต่อไป อย่าไปฟังคำพูดของหงจุน เขาก็เป็นแค่คนขี้แพ้ที่กลัวจนหัวหัด”
“พวกเราต้องส่งคนไปขวางถนนที่ไปเหมืองทองคำ ไม่ต้องกลัวพวกเขา ในเมื่อพวกเขาเป็นคนพูดเอง ห้ามทำร้ายประชาชนทั่วไป”
“ยังมีถนนที่ไปยังท่าเรือ ก็ขวางไว้ด้วย ถ้าให้ดีก็สร้างความเสียหายบ้าง อย่าปล่อยให้รถบรรทุกขับเข้าไปได้”
“อีกด้านหนึ่ง พวกเราควรก่อความวุ่นวายในเมืองแล้วโยนความผิดให้คนพวกนั้นด้วย”
“สุดท้ายพวกเราก็ชักชวนพวกโง่ๆอย่างประชาชนทั่วไป แล้วค่อยแตกหักกับพวกเขา”
“พวกคนที่มาจากโลกภายนอก กล้ามาลองดีกับพวกเรา พวกเขายังอ่อนหัดเกินไป!”
“ใช่ๆๆ ท่านฉวี่พูดถูก”มีคนพูดคล้อยตามทันที
“สุภาษิตจีนเคยกล่าวไว้ มังกรที่แข็งแกร่งยังไม่อาจสยบงูเจ้าถิ่นได้ และอีกอย่างที่นี่คืออาณาเขตของพวกเรา
“ไม่ใช่แค่นั้น พวกเรายังต้องทำให้คนจากโลกภายนอกพวกนั้นไสหัวออกไปจากอาณาเขตของพวกเรา!”
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็เห็นพ้องต้องกัน จากนั้นมีคนเข้ามาอุ้มศพของคนที่โดนหงจุนฆ่าตายออกไปจากห้องโถง และคนที่อยู่ในห้องโถงไม่มองศพนั้นแม้แต่ครั้งเดียว
……
ไป๋ยี่เฟยมาที่ตระกูลฉวี่เพียงลำพัง
เมื่อเขาเดินถึงหน้าประตู ไป๋ยี่เฟยก็เดินเข้าไปข้างในโดยไม่สนใจใครเลย