แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ไป๋ยี่เฟยที่เดินออกมาจากห้องโถง ถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มบอดี้การ์ดของท่านฉวี่
ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่พูดเบาๆว่า: “ท่านฉวี่ถูกฉันฆ่าแล้ว”
ต่อจากนั้นคนเหล่านั้นก็นิ่งอึ้งไปสักครู่ ต่างคนต่างแยกย้ายกันออกไป
แม้ว่าจะประหลาดใจมาก แต่ว่าพวกเขาอยู่ที่หลันเต่ามาเป็นเวลานาน มีความเชื่อมาโดยตลอดใครที่สามารถให้เงินพวกเขาได้ใครก็เป็นเจ้านาย และพวกเขาไม่มีทางมีความจงรักภักดีมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้น มีบางคนในนั้นก็จำไป๋ยี่เฟยได้
……
หลังจากที่กลับไป เย่ฮวนและหลินขวางมองไปที่ไป๋ยี่เฟยแล้วถามว่า: “จัดการแล้วเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า พูดอย่างราบเรียบว่า: “ฆ่าแล้ว”
“ฆ่าแล้วเหรอ?” เย่ฮวนและหลินขวางพูดด้วยความประหลาดใจ
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าอีกครั้ง
เย่ฮวนและหลินขวางสบตากันแวบหนึ่ง หลังจากนั้นเย่ฮวนก็ถามอีกว่า: “ฆ่าใครเหรอ?”
“ท่านฉวี” ไป๋ยี่เฟยตอบ
เย่ฮวนและหลินขวางก็ประหลาดใจอย่างฉับพลันอีกครั้ง ต่อจากนั้นหลินขวางถามเขาว่า: “นี่มันตรงเกินไปหรือเปล่า?”
“ไม่อย่างนั้นล่ะ?” ไป๋ยี่เฟยมองไปที่พวกเขา “ตรงไปอย่างง่ายดายไม่ดีกว่าเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ฉันอยากจะฆ่าไอ้แก่นี้ตายมาตั้งนานแล้ว!”
เย่ฮวนและหลินขวาง: “…..”
“ตอนนี้สามารถกลับไปให้คนงานเริ่มทำงานได้แล้ว ไม่มีใครมาขัดขวางพวกเธอได้อีกแล้ว”ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ดังนั้นเย่ฮวนและหลินขวางจึงจากไป
หลังจากที่พวกเขาจากไป ในห้องก็เหลือเพียงไป๋ยี่เฟยและฉางเชี่ยวเท่านั้น
ฉางเชี่ยวมองไป๋ยี่เฟยแบบนี้ ยื่นบุหรี่ให้เขาก่อนหนึ่งม้วน ต่อจากนั้นถามว่า: “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
ความจริงตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไป๋ยี่เฟยไม่ได้เก็บอารมณ์ของตัวเองไว้ในใจ แต่แสดงออกมาบนใบหน้า ดังนั้นจึงสามารถมองออกได้อย่างง่ายดายว่า ตอนนี้อารมณ์ของเขาเป็นอย่างไร
ฉางเชี่ยวตระหนักว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล“วันนี้นายไม่ค่อยเหมือนเดิมนะ ที่สำคัญไอโหดเหี้ยมก็หนักหน่วง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยยิ้มเจื่อนๆแล้วพูดว่า: “อันที่จริงก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น นายก็รู้ว่าฉันมีข้อเสียที่จิตใจลังเลไม่มีความเด็ดขาด ตอนนี้ฉันอยากจะแก้ไข”
เมื่อฉางเชี่ยวได้ยินเช่นนี้ ถามอย่างลังเลว่า: “ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริงๆเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า
ความจริงไป๋ยี่เฟยก็ไม่แน่ใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็สามารถถามจางหัวปินได้ทั้งหมด หรือว่าฉางเชี่ยว และทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น
แต่ว่าเขาไม่กล้า
เขากลัวว่าจะรับผลลัพธ์ไม่ใช่สิ่งที่เขาไม่อยากได้มากที่สุด
เมื่อเดินออกจากห้องทำงาน ไป๋ยี่เฟยเดินไปที่ห้องของตัวเองไปด้วยคิดถึงปัญหาไปด้วย
ตอนนี้เมืองเจาหยางมั่นคงลงมาแล้ว เขาสามารถส่งมอบให้ฉางเชี่ยวดูแลได้อย่างสมบูรณ์ ที่สำคัญที่นี่ยังมีเย่ฮวนและหลินขวางอยู่ ไม่ทางมีปัญหาอะไร คนเหล่านี้ของเขาก็สามารถถอนตัวกลับไปได้
และไป๋ยี่เฟยตัวของเขาเองก็ตั้งใจว่าจะกลับไปที่คลังเก็บทอง บอกเหตุการณ์ของช่วงนี้ให้จื่ออีพวกเขา
และเป้าหมายหลักของพวกเขาที่มาที่หลันเต่า หนึ่งคือเป็นการหลบหนีเพียงชั่วคราว อีกหนึ่งอย่างก็คือล่อให้เต้าจ่างกับเหลียงเหว่ยชาวและคนที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาออกมา
แต่ว่าเต้าจ่างรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่หลันเต่าแล้ว คาดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังก็ต้องเคลื่อนไหวในไม่ช้านี้
แต่ว่าเพียงเต้าจ่างคนเดียวเขาก็ไม่สามารถรับมือได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเหลียงเหว่ยชาวและคนคนนั้นที่อยู่เบื้องหลังของเขา ดังนั้นเขาต้องกลับไปที่คลังเก็บทองก่อน ตามจื่ออีและฉินหัว เขาถึงจะปลอดภัยกว่า
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ตลอดทาง เดินมาถึงที่ประตูห้องของตัวเอง ตอนที่กำลังจะเปิดประตู พบว่าประตูของห้องข้างๆเปิดออก มีคนสองคนออกมา คือลู่เหมียวเหมียวและลู่หยาง
และลู่เหมียวเหมียวกับลู่หยางพวกเขาสองคนต่างคนต่างสะพายกระเป๋าเป้ใหญ่ไว้ และจะจากไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าท่าทางที่ตื่นตระหนก โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นไป๋ยี่เฟย
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ อดได้ที่จะขมวดคิ้ว ต่อจากนั้นก็เดินตามไป
เพราะไป๋ยี่เฟยเคยกำชับไว้เป็นพิเศษ พวกเขาสองคนไม่ใช่นักโทษ ก็ไม่จำเป็นต้องถูกกักบริเวณ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างอิสระ
ดังนั้นไม่มีใครสนใจว่าพวกเขาจะไปที่ไหน พวกเขาออกจากอาคารใหญ่แห่งนี้ทันที
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยเดินมาถึงที่ประตู ชายชุดดำคนหนึ่งก็ถามไป๋ยี่เฟยว่า: “จะให้ผมตามพวกเขามั้ยครับ?”
“ไม่ต้อง ฉันไปเอง” ไป๋ยี่เฟยตอบพลางส่ายหน้า
หลังจากที่พูดจบก็ก้าวเท้าเดินตามไป
ไป๋ยี่เฟยมองร่างของสองพี่น้องที่จากไป คิดในใจว่า: เป็นเพราะว่าฉันจิตใจลังเลไม่มีความเด็ดขาดหรือเปล่า ดังนั้นจึงก่อให้เกิดสถานการณ์ของวันนี้?
ถ้าหากตัวเองเด็ดขาดกว่านี้สักนิด ถ้าอย่างนั้นเขาเผชิญกับหลิวเสี่ยวอิงก็จะใจกว้างขึ้นมาเล็กน้อยหรือไม่ และหลิวเสี่ยวอิงก็จะไม่…..
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า เขาไม่กล้าคิดอีกต่อไป
แต่ว่าหลังจากที่เขาฆ่าท่านฉวี อารมณ์หงุดหงิดของเขาก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย
และสิ่งที่เขาพูดกับฉางเชี่ยวก่อนหน้านี้ไม่ใช่พอเป็นพิธี แต่รู้สึกจริงๆว่าบางทีเขาควรจะแก้ไขข้อเสียนี้จริงๆ
ตอนนี้เขาต้องการจัดการบุญคุณความแค้นระหว่างเขากับลู่เหมียวเหมียวสองพี่น้อง ดังนั้นจึงได้ตามมาด้วยตัวเอง
สำหรับผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เขาไม่ได้สนใจ ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจคือ เขาไม่อยากถูกคนอาฆาตแค้นอย่างไม่เป็นธรรมแบบนี้อีกแล้ว
ไป๋ยี่เฟยตามลู่เหมียวเหมียว สองพี่น้องออกจากสำนักงานเทศบาลอย่างสมบูรณ์
และสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยไม่รู้คือ ในอีกอาคารหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไปจากตัวอาคาร หลิวเสี่ยวอิงที่สีหน้าซีดเซียว และทั้งร่างกายอ่อนแอ กำลังมองไปที่ไป๋ยี่เฟยโดยไม่กะพริบตา
ในขณะนี้นี่เอง เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน“เธอยังปล่อยวางไม่ลง”
หลิวเสี่ยวอิงไม่ได้ประหลาดใจมากนัก แต่มองไปที่ร่างของไป๋ยี่เฟย และส่ายหน้าเบาๆ: “จำเป็นต้องปล่อยวาง”
ผู้หญิงคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง: “ทำไมไม่พยายามไขว่คว้า? แม้ว่าจะไม่มีจุดจบ อย่างน้อยเธอก็เคยได้พยายามไขว่คว้ามาก่อน”
เมื่อหลิวเสี่ยวอิงได้ยินก็ยิ้มเจื่อนๆ“แม้ว่าจะรู้ว่าตัวเองจะตาย เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดกับฉัน ฉันจะไปพยายามไขว่คว้าทำไม?”
“ถ้าอย่างนั้นจากนี้ไปก็กลายเป็นคนแปลกหน้าจริงๆเหรอ?” หญิงสาวคนนั้นถามอีกครั้ง
หลิวเสี่ยวอิงค่อยๆหันกลับมา มองหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังของเธอ เธอไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเหลียงยู่ที่หายไปจากบนเรือ
“ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”
เหลียงยู่มองเธอแล้วพูดเบาๆว่า: “ดังนั้น เธอก็ยังปล่อยวางไม่ได้”
หลิวเสี่ยวอิงส่ายหน้าแล้วยิ้มเจื่อนๆ หลังจากนั้นเงยหน้ามองไปที่เหลียงยู่แล้วถามเธอว่า: “แล้วเธอล่ะ? เธอก็กับเขา…..”
“ไม่!”เหลียงยู่ปฏิเสธทันที “ฉันไม่ได้! ฉันกับเขาเป็นไปไม่ได้!”
เหลียงยู่ที่เดิมทีสีหน้าท่าทางเฉยเมย ตอนนี้ก็จำต้องยิ้มเจื่อนๆ “ฉันกับเธอไม่เหมือนกัน ไม่มีใครบนโลกนี้ที่ใส่ใจฉัน”
แม้แต่จื่ออีที่เคยปลอบโยนเธอ
เพราะตอนที่จื่ออีรับไป๋ยี่เฟยเป็นลูกศิษย์ จื่ออีก็เคยบอกกับเธอว่า ไป๋ยี่เฟยสำคัญมากกว่า ที่สำคัญไม่ว่าไป๋ยี่เฟยมีความต้องการอะไร เธอก็จะตอบสนองความต้องการเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข
ดังนั้นไม่มีใครที่จะใส่ใจเธอจริงๆ
เธอเป็นคนที่ถูกบนโลกนี้ทอดทิ้ง
ในเวลานี้หลิวเสี่ยวอิงถามอย่างกะทันหัน: “ใช่แล้ว เธอยังไม่ได้บอกฉันนะว่า เธอมาที่นี่ได้อย่างไร?”
เหลียงยู่ชะงักนิ่ง หลังจากนั้นยิ้มแล้วตอบว่า: “มาผ่อนคลาย บังเอิญมาเจอเธอเข้าพอดี ก็ถือโอกาสดูแลเธอ”
หลังจากที่พูดจบ เหลียงยู่พยุงหลิวเสี่ยวอิงไปที่ข้างเตียง แล้วพูดว่า: “เธอพักผ่อนให้เพียงพอเถอะ ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะยืนตากลมอยู่ที่ข้างหน้าต่าง”
หลิวเสี่ยวอิงนอนลงบนเตียง
……
ไป๋ยี่เฟยตามลู่เหมียวเหมียวสองพี่น้องมาถึงที่สุสาน เห็นพวกเขาสองคนกำลังคุกเข่าก้มคำนับเผากระดาษเงินให้พ่อแม่ของพวกเขา
ไป๋ยี่เฟยยืมเงียบๆอยู่ที่ข้างต้นไม้ข้างหลังของพวกเขา
เมื่อตอนที่กระดาษเงินกำลังจะหมด ลู่เหมียวเหมียวถามลู่หยางอย่างลังเล: “เสี่ยวหยาง พวกเราจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ?”
ลู่หยางอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย มองไปที่หลุมฝังศพกัดฟันพูดว่า: “พี่สาว หรือว่าพี่ไม่อยากล้างแค้นให้พ่อแม่และพี่ใหญ่เหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่…..”ลู่เหมียวเหมียวส่ายหน้าทันที
ลู่หยางก็พูดว่า: “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องลังเลอีกแล้ว ก็จัดการตามนี้แล้วกัน”
สีหน้าของลู่เหมียวเหมียวกลายเป็นซีดเซียวขึ้นมา
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยได้ยินการสนทนาของพวกเขา ก็มีความสงสัย พวกเขาบอกว่าจะจัดการอย่างไรกันแน่?
ไป๋ยี่เฟยมีความสนใจ ดังนั้นไม่ได้เดินออกมาเปิดโปงพวกเขา
หลังจากที่ลู่เหมียวเหมียวสองพี่น้องเผากระดาษเงินหมดและคุกเข่าก้มคำนับแล้ว ก็ลุกขึ้นเดินออกไป
ไป๋ยี่เฟยหลบซ่อนออกจากสายตาของพวกเขาได้ รอหลังจากที่พวกเขาจากไปแล้วค่อยตามไปอีกครั้ง