“อี๊ด!”
ในขณะนี้ จู่ๆก็มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งข้ามถนนมา และพุ่งเข้าชนรถยนต์ของพวกเขา
สีหน้าของหลี่เฉียงตงเปลี่ยนไป รีบหมุนพวงมาลัยรถยนต์ หลบได้อย่างหวุดหวิด
“อ๊าก!”หลิวจื่อหยุนกรีดร้องออกมาทันที
หลังจากหลบรถยนต์ที่พุ่งเข้าชนคันนั้นได้ หลี่เฉียงตงก็รีบเหยียบเบรก การเหยียบเบรกกะทันหันทำให้ร่างกายของทั้งสองคนเอนไปข้างหน้า โชคดีที่พวกเขาคาดเข็มขัดนิรภัย ก็เลยโดนดึงกลับมายังที่เดิม
รถยนต์คันนั้นหันกลับมาแล้วหยุด และจอดอยู่ด้านหลังรถยนต์ของเขา
ในขณะนี้ ด้านหน้าพวกเขาก็มีรถคันหนึ่งปรากฎตัว จุดประสงค์ของพวกเขาก็คือหยุดรถยนต์ของหลี่เฉียงตงไว้
หลิวจื่อหยุนตกใจมากๆเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น“นี่……นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
หลี่เฉียงตงรู้ว่าคนที่มาหยุดพวกเขามีจุดประสงค์ไม่ดีแน่นอน แต่เขาก็ปลอบใจหลิวจื่อหยุนและพูด:“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล”
เมื่อพูดจบเขาก็เปิดประตูรถยนต์และลงจากรถ
หลิวจื่อหยุนมองเห็นหลี่เฉียงตงลงจากรถ เธอก็อยากจะลงจากรถเหมือนกัน เพราะคนๆนั้นคือผู้ชายของเธอ เธอจะหวาดกลัวแค่ไหนก็ไม่อยากให้เขาเผชิญหน้ากับศัตรูเพียงลำพัง
แต่ประตูรถยนต์โดนล็อก กระจกประตูรถยนต์ก็โดนปิด ทำให้เธอเปิดไม่ได้
หลี่เฉียงตงจงใจจะล็อกประตู เขารู้ว่าหลิวจื่อหยุนชอบบ่นตัวเอง แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับศัตรู หลิวจื่อหยุนก็จะยืนเคียงข้างหลี่เฉียงตงเสมอ และเธอสามารถเสียสละชีวิตเพื่อเขาได้
ในขณะนี้ เขาไม่ต้องการให้เธอเสียสละ เพราะเขาจะปกป้องหลิวจื่อหยุนเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกแล้ว
รถยนต์คันที่อยู่ด้านหน้าและคันที่อยู่ด้านหลังลงมาคันละสามคน มีสี่คนเป็นยอดฝีมือระดับสามขั้นกลาง อีกสองคนเป็นยอดฝีมือระดับสามขั้นสูง
คนทั้งหกล้อมหลี่เฉียงตงเอาไว้ มียอดฝีมือระดับสามคนหนึ่งเดินขึ้นมาหนึ่งก้าว มองหลี่เฉียงตงตั้งแต่หัวจรดเท้าและถาม:“คุณคือหลี่เฉียงตงใช่ไหม?”
หลี่เฉียงตงพยักหน้าและถามพวกเขา:“แล้วพวกคุณละ?พวกคุณเป็นใคร?ใครเป็นคนส่งพวกคุณมา?”
ชายคนนั้นตอบอย่างเย่อหยิ่ง:“พวกเราเป็นใครคุณไม่จำเป็นต้องรู้ เถ้าแก่ของพวกเรา เขาอยากจะเชิญคุณไปดื่มน้ำชา”
หลี่เฉียงตงเหลือบมองหลิวจื่อหยุนที่กังวลมากๆอยู่ในรถยนต์ ปลอบใจเธอด้วยรอยยิ้มและพูดเบาๆว่า:“ภรรยาของผมไม่ค่อยสบาย พวกเราไปด้วยไม่ได้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ชายคนนั้นก็ยิ้มอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าพวกเรามาเชิญคุณไปจริงๆเหรอ?”
“วันนี้คุณเต็มใจหรือไม่เต็มใจ คุณก็ต้องไปกับพวกเรา!”ยอดฝีมือระดับที่สามอีกคนพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลังจากพูดจบ มียอดฝีมือระดับที่สามขั้นกลางเดินไปทางหลี่เฉียงตง กำลังเอื้อมมือไปจับไหล่ของเขา
ก่อนที่พวกเขาจะลงมือ จู่ๆชายคนนั้นก็ปลิดออกไปทันที
“ตูม!”
คนที่เหลือเห็นเหตุการณ์ไม่ชัดเจน แต่พวกเขาเห็นร่างของชายคนนั้นปลิวออกไปแล้วกระแทกกับรถยนต์ จากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้น
ทั้งห้าคนอึ้งไปเลย
หลิวจื่อหยุนที่กังวลมากๆอยู่ในรถยนต์ก็อึ้งเหมือนกัน
เมื่อสักครู่เธอพึ่งบอกว่าไป๋หยุนเผิงทั้งหล่อทั้งรวยและเก่งมากๆ ยังบอกว่าเขาเก่งกว่าหลี่เฉียงตงร้อยเท่า แต่ตอนนี้หลี่เฉียงตงยืนอยู่ตรงนั้น ท่าทางสงบเยือกเย็น ดูเหมือนเขาจะเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจ
หนึ่งในยอดฝีมือระดับที่สามชั้นสูงมองเขาด้วยความตกใจ“คุณ……คุณทำอะไรลงไป?คุณทำได้ยังไง?”
ยอดฝีมือระดับสามอีกคนเดาออกและพูด:“คุณเป็นยอดฝีมือระดับที่สองใช่ไหม?”
สำหรับพวกเขา ยอดฝีมือระดับที่สองมีอยู่แค่ในตำนาน เพราะที่นี่คือเมืองเทียนเป่ยและเป็นเมืองเล็กๆ มันไม่ใช่เมืองหลวง พวกเขาไม่เคยเจอยอดฝีมือระดับที่สองมาก่อน
แต่ว่าหลี่เฉียงตงเป็นยอดฝีมือระดับที่หนึ่ง และยอดฝีมือระดับที่สองก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา
“พวกคุณทำให้รถยนต์ของฉันมีรอยขีดข่วน ฉันก็เป็นคนที่มีเหตุผล ถ้าพวกคุณยอมจ่ายเงินเพื่อชดใช้ ฉันก็จะปล่อยพวกคุณไป”หลี่เฉียงตงพูดเบาๆ
หนึ่งในยอดฝีมือระดับที่สามได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธทันที“แม่งเอ๊ย คุณเป็นยอดฝีมือระดับสองแล้วไง?ฉันไม่เชื่อว่าพวกเราทั้งหกคนจะเอาชนะคุณไม่ได้!”
หลังจากพูดจบ ทั้งห้าคนพุ่งไปทางหลี่เฉียงตง ยังเหลืออีกหนึ่งคนโดนหลี่เฉียงตงโจมตีจนปลิวออกไป ตอนนี้ยังลุกไม่ขึ้น
และผลลัพธ์ที่พวกเขาพุ่งเข้ามา ไม่บอกก็รู้
……
ในช่วงเวลาแค่หนึ่งนาที ทั้งห้าคนโดนหลี่เฉียงตงโจมตีจนล้มลงไปอยู่ที่พื้น ทุกคนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
หลี่เฉียงตงยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าปกติและถามพวกเขา:“ตอนนี้พวกคุณยอมชดใช้หรือยัง?”
หนึ่งในยอดฝีมือระดับที่สามชั้นสูงรีบพยักหน้า:“ยอม พวกเรายอมชดใช้!”
คนอื่นๆที่เหลือก็รีบพยักหน้าทันที
หลังจากพูดเสร็จ คนเหล่านี้ก็ล้มลุกคลุกคลานมายังด้านหน้าของหลี่เฉียงตง นำเงินที่ติดตัวมาทั้งหมดยื่นให้หลี่เฉียงตง“ท่านหลี่ พวกเราขอโทษ พวกเราเอาเงินทั้งหมดชดใช้ให้คุณแล้ว คุณคิดว่าเงินจำนวนนี้พอไหม?”
หลี่เฉียงตงไม่ใช่คนที่ไม่มีเงินขนาดนี้ เขาไม่ได้นับจำนวนเงิน เขาหยิบเงินขึ้นมาและถามพวกเขา:“เถ้าแก่ของพวกคุณเป็นใคร?ทำไมต้องเชิญพวกเราไปดื่มน้ำชา?”
ทั้งหกคนสบตากัน และไม่รู้จะพูดยังไง
หลี่เฉียงตงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่ถามด้วยรอยยิ้ม:“คือเมิ่งฉิงหรือว่าหนิวต้าย?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทั้งหกคนหน้าซีดไปเลย
……
ในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล ไป๋ยี่เฟยได้ช่วยเหล่าสวีและภรรยาไว้และไล่คนพวกนั้นออกไป ทำให้พวกเขาขอบคุณไป๋ยี่เฟยครั้งแล้วครั้งเล่า
“เสี่ยวเฉิน ครั้งนี้ขอบคุณมากจริงๆ มิฉะนั้น พวกเราคงถูกพวกมันเอาเปรียบแน่ๆ!”
ไป๋ยี่เฟยไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของเขา ดังนั้นเขาจึงบอกว่าตัวเองชื่อเฉินห้าว
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม:“ไม่เป็นไร ฉันเพิ่งเห็นเหตุการณ์แบบนี้จากในข่าว และรู้สึกว่ามันคล้ายคลึงกัน”
ภรรยาของเหล่าสวีรู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยรู้เรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากไป๋ยี่เฟยยังบาดเจ็บอยู่ ก็เลยไม่ได้พูดคุยกับเขามาก แต่เธอกลับคุยกับหลี่เสว่ พูดเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ก่อนคลอดบุตร และประสบการณ์ขณะคลอดบุตรให้เธอฟัง
หลี่เสว่ตั้งใจฟังมากๆ
ไป๋ยี่เฟยมองพวกเธอแล้วยิ้มออกมา เหล่าสวีและภรรยาเป็นคนชนบทที่มีชีวิตเรียบง่าย และภรรยาของเหล่าสวีก็เป็นคนที่กระตือรือร้นเป็นพิเศษ
ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ ยากมากที่จะเห็นฉากแบบนี้
……
เมื่อเห็นว่าหลี่เสว่ใกล้จะคลอดบุตรแล้ว ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยไม่ได้คิดอะไร และไม่อยากยุ่งอะไรด้วย ดังนั้นเขาจึงแยกตัวออกจากโลกภายนอก เพื่อใช้เวลาอยู่กับภรรยาของตัวเอง
ในขณะเดียวกัน เขาสามารถสัมผัสชีวิตของคนธรรมดาทั่วไป ทำให้เขาสามารถพบกับความสงบ เพื่อจดจำความรู้สึกนั้นไว้
เขาสามารถคาดเดาได้ว่า เมื่อเขาเข้าใจความรู้สึกนั้นจริงๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่งแน่นอน
แต่น่าเสียดาย ขณะที่เขาต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แต่มีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นกับเขาเสมอ
ช่วงบ่ายของวันนี้ ภรรยาเหล่าสวีได้พาเขาไปตรวจสุขภาพ ทำให้ในห้องผู้ป่วยก็มีเพียงหนุ่มสาวคู่นั้นที่ไม่ค่อยพูดคุยกับพวกเขา
ตอนนี้อาการของไป๋ยี่เฟยดีขึ้นมากแล้ว เขาหันหน้าไปถามชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ“พวกคุณบาดเจ็บตรงไหน?ทำไมฉันดูไม่ออก?”
ชายหนุ่มคนนั้นก้มหน้าเล่นมือถืออยู่ เมื่อได้ยินคำพูดก็เงยหน้าและตอบว่า:“ไม่ระวังหกล้มเอง”
ไป๋ยี่เฟยมองผู้หญิงคนนั้นที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอหน้าบวม มองยังไงก็ไม่เหมือนคนหกล้ม
เธอนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย สีหน้าของเธอเหม่อลอย ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆเลย แม้แต่คนของหนี้นอกระบบเข้ามาหาเรื่องในห้องผู้ป่วย เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้ถามเพิ่ม แต่พูดกับหลี่เสว่ว่า:“ที่รัก พวกเราออกไปเดินเล่นกันเถอะ?”
หลี่เสว่พยักหน้า จากนั้นประคองไป๋ยี่เฟยออกจากห้องผู้ป่วย
พวกเขาเดินเล่นที่สวนดอกไม้ในโรงพยาบาลหนึ่งรอบและนั่งลงบนเก้าอี้ไม้
หลังจากที่ทั้งสองคนนั่งลง ไป๋ยี่เฟยยื่นมือโอบกอดหลี่เสว่ไว้ หลี่เสว่ก็ซบบนไหล่ของเขา ทั้งสองคนนั่งกอดกันท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่อบอุ่น พวกเขารู้สึกอุ่นใจมากๆ
จู่ๆหลี่เสว่ก็ถามขึ้นมา:“คุณชอบเธอไหม?”
“อ๊าก?”ไป๋ยี่เฟยตกตะลึงไปชั่วครู่และได้สติ จากนั้นมองใบหน้าที่ใสสะอาดของหลี่เสว่ มุมปากของเธอมีรอยยิ้มเล็กน้อย และเธอก็ไม่ได้อารมณ์เสีย
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกผิดมากๆ“ฉัน……ในตอนนั้นเข้าสู่ภาวะแปรสภาพ ฉันไม่มีสติสัมปชัญญะ ฉัน……”
ไป๋ยี่เฟยอยากจะอธิบาย แต่ยังไม่ทันได้อธิบาย หลี่เสว่ก็ถอนหายใจเบาๆและพูด:“คุณชอบเธอหรือเปล่า?”
มันไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบาย ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะไม่ยินยอมก็ตาม เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นกับคุณชอบเธอหรือไม่ในตอนนี้มันไม่เกี่ยวกัน หลี่เสว่แค่อยากรู้ว่า คุณชอบเธอหรือเปล่า?
ไป๋ยี่เฟยนิ่งเงียบไปทันที