ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ตอนที่ 935

ตอนที่ 935

หลังจากรอเขายืนนิ่ง เขาตื่นตะลึงเต็มใบหน้าจ้องมองไป๋ยี่เฟย

สีหน้าไป๋ยี่เฟยกลับสงบเป็นธรรมชาติยืนอยู่ที่นั่น คล้ายดั่งเมื่อกี้ไม่ได้ประมือกันเลย

หงจุนจ้องเขม็งไป๋ยี่เฟย ตาล้วนแดงขึ้นแล้ว ไม่สมัครใจร้องตะโกนพูดว่า “แม่มึงเอ่ย คุณ……คาดไม่ถึงก้าวหน้าอีกแล้ว!”

“นี่เป็นไปไม่ได้!”

อยู่ในการรับรู้ของหงจุน พลังความสามารถของไป๋ยี่เฟยยังอยู่ในตอนต้นที่เขาได้ต่อสู้กันตัวต่อตัวกับเต้าจ่าง แต่ไป๋ยี่เฟยในเวลานั้น แม้แต่พลังความสามารถระดับที่หนึ่งล้วนไม่มี

แต่ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเป็นยอดฝีมือของระดับที่หนึ่งชั้นต่ำ เขาก็สามารถฆ่าอย่างสบายๆเช่นกัน

อู๋หยุนกับพานปู้ถิงที่ได้เห็นฉากนี้ในรถบรรทุกล้วนตะลึงงันเลย

การประมือกันเหล่านั้นก่อนหน้านั้นไม่สามารถมองออกถึงพลังความสามารถของไป๋ยี่เฟย ตกลงว่าแข็งแกร่งมากขนาดไหนเลย ถึงยังไงฝ่ายตรงข้ามล้วนเป็นผู้ที่ลี้ภัยกลุ่มหนึ่ง ไม่มีพลังความสามารถที่แท้จริงอะไร

แต่ตอนนี้ พอเขาประมือกันกับหงจุน ก็สามารถรู้ได้ว่า พลังความสามารถของไป๋ยี่เฟยมีความแข็งแกร่งมากขนาดไหน

“เสี่ยวอิงเอย เขา ตกลงว่าเป็นคนที่ทำอะไรกันแน่ล่ะ?” อู๋หยุนถามอย่างอึ้งชะงัก

หลิวเสี่ยวอิงได้ยินคำพูดภูมิใจอย่างมากบอกว่า “เขาเป็นคนที่ทำเรื่องใหญ่ เป็นวีรบุรุษ!”

……

ก่อนหน้านั้นไป๋ยี่เฟยเคยรับปากลู่เชี่ยนมาก่อน จะไม่ฆ่าหงจุน แต่นั่นคือแต่ก่อน ยิ่งกว่านั้นอีกความตายของลู่เชี่ยนเห็นได้ชัดว่า มีเรื่องอื่นแอบแฝงอยู่ ดังนั้นในตอนนี้เขาจะไม่ปฏิบัติตามอีกแล้ว

“ตอนนี้สำคัญที่สุดคือเผชิญหน้ากับข้าศึกที่มาจากภายนอก ผมไม่มีเวลามากขนาดนั้นมาจัดการเรื่องของพวกคุณ” ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อคุณมาเองแล้ว งั้นวันนี้ก็จัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนเถอะ”

ดังนั้นคำพูดของเขาเพิ่งพูดจบ อยู่ดีๆหงจุนเงยหน้าขึ้นฟ้าร้องตะโกน “อ่า!”

เดิมทีไป๋ยี่เฟยไม่ใส่ใจอยู่แล้ว กลับอยู่ในวินาทีถัดมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนอย่างกะทันหัน

หงจุนที่อยู่ต่อหน้าตามด้วยเสียงร้องตะโกนของเขา อยู่ดีๆเส้นผมกลายเป็นสีขาว ตาก็ค่อยๆกลายเป็นแดงฉานเช่นกัน

อาการนี้ กับอาการก่อนหน้านั้นของเขาคล้ายกันมากขนาดไหนล่ะ

ไป๋ยี่เฟยประหลาดใจเบิกตาโพลงทั้งคู่

หงจุนใช้ตาที่แดงฉานคู่หนึ่งจ้องมองข้างหน้า ในปากคำรามอยู่ “ความแค้นในการฆ่าพ่อ!”

“ความแค้นในการฆ่าภรรยา!”

“ความแค้นที่ฆ่าล้างตระกูล!”

“ฆ่า!”

เขาทั้งร้องตะโกนอยู่ ทั้งชูมือขึ้นโบกง้าวในมือไปมาฟันมั่วไปทั่ว

เขาเสียสติแล้ว แม้แต่คนที่เขาพามาเองล้วนฟันฆ่าอย่างไม่ไว้ไมตรีสักนิด

ไป๋ยี่เฟยเห็นฉากนี้ ขมวดคิ้วขึ้นมา

และอยู่ในเวลานี้ ในที่สุดพนักงานรักษาความปลอดภัยของเมืองกวงหมิงก็มาถึงแล้ว พวกเขาสวมใส่ชุดเครื่องแบบล้อมรอบประตูโรงแรมเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ผู้ที่ลี้ภัยเหล่านั้นไม่มีที่จะหนี ได้เพียงแต่ทิ้งอาวุธนั่งยองๆอยู่กับพื้น

และหงจุนที่เสียสติแล้ว แยกแยะคนของตนเองกับศัตรูไม่ออกแล้ว เพียงเห็นเป็นคนก็พุ่งเข้าไป

หงจุนก็มีพลังความสามารถระดับที่หนึ่งชั้นต่ำอีก คนธรรมดาเหล่านี้ก็เหมือนดั่งกุ้งตัวเล็ก อยู่ต่อหน้าเขาอ่อนแอทนไม่ไหว

ไป๋ยี่เฟยมองเห็นฉากนี้ลงมือทันที เท้าเหยียบพุ่งออกไปทันที

หงจุนรู้สึกถึงการใกล้ชิดของไป๋ยี่เฟย ฟันเข้าไปหนึ่งที

และไป๋ยี่เฟยที่อยู่กลางอากาศ อยู่ดีๆตากลายเป็นสว่างออกมา

หมัดหนึ่งเขาชกอยู่ที่มีดของหงจุน จากนั้นหงจุนรวมกับมีดทั้งตัวลอยออกไปพร้อมกัน

“ปั้ง!”

หงจุนที่ล้มอยู่กับพื้นฝุ่นกระจายออกมาแผ่นหนึ่ง

ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าในตอนนี้หงจุนอันตรายมาก ก็ไม่ลังเลมากเช่นกัน เข้าไปอย่างรวดเร็วอยากจะฆ่าหงจุน

แต่หงจุนที่ล้มอยู่กับพื้นพลิกตัวขึ้นมาแล้ว จับผู้ลี้ภัยคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆโยนไปยังไป๋ยี่เฟย

ไป๋ยี่เฟยเตรียมตัวหลบพ้นอย่างรวดเร็ว รอตอนที่เขาเห็นหงจุนอีกครั้ง พบเห็นว่าเขากระโดดหลายทีหนีออกจากวงล้อมรอบไปแล้ว อีกทั้งยังฟันพนักงานรักษาความปลอดภัยทำให้ได้รับบาดเจ็บสองคน

ในเวลานี้ ไป๋หู่ สวีลั่งพวกเขารีบเร่งเข้ามาแล้ว

เฉินอ้าวเจียวมองเห็นฉากที่วุ่นวายนี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา “นี่เป็นเรื่องอะไรกัน?”

ไป๋ยี่เฟยกลับไม่ได้ตอบเขา แต่ขมวดคิ้วครุ่นคิด

จื่ออีเคยบอกมาก่อนว่า สาเหตุที่คนของตระกูลไป๋จะปรากฏสภาวะแบบนั้น เป็นเพราะว่าในตระกูลมีคนประสานกับคนที่เดนเหนือเทพยุทธ์ จึงทำให้พันธุกรรมเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ว่าหงจุนจะมีอีกได้ยังไงล่ะ?

ผ่านไปนานมาก ไป๋ยี่เฟยชี้ไปยังผู้ที่ลี้ภัยเหล่านั้นพูดว่า “จับพวกเขาทั้งหมดไปขังไว้”

คนทั้งหลายพยักหน้าต่อๆกัน รีบดำเนินการทันที

การลอบสังหารครั้งนี้ก็จบแบบรีบร้อนอย่างนี้แล้ว

……

ตอนที่ไป๋ยี่เฟยกลับถึงรถบรรทุก สายตาที่อู๋หยุนกับพานปู้ถิงจ้องมองเขาเปลี่ยนไปทันที

ไป๋ยี่เฟยหันหน้าไปรู้สึกผิดกับอู๋หยุนพวกเขายิ้มหนึ่งทีพูดว่า “คุณน้าขอโทษ ทำให้ท่านตื่นตระหนกตกใจแล้ว”

“ไม่มี ไม่มี” อู๋หยุนส่ายหัวทันที อีกทั้งยังโบกมือแล้วโบกมืออีก

ในเวลานี้ หลิวเสี่ยวอิงที่อยู่ข้างคนขับส่งผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนหนึ่งให้กับไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยรับมาอย่างเป็นธรรมชาติมากเช็ดหน้าเช็ดแล้วเช็ดอีก

และหลังจากไป๋ยี่เฟยขึ้นรถแล้ว พานปู้ถิงไม่กล้าตำหนิต่อว่าไป๋ยี่เฟยอีกเลยเช่นกัน

ในเวลานี้ หัวหน้าของพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นเดินมาข้างหน้าไป๋ยี่เฟยถามว่า “ลูกพี่ไป๋ จะสืบภูมิหลังของคนเหล่านี้ให้ชัดเจนหรือไม่?”

“ไม่ต้อง ขังไว้ก็พอ” ไป๋ยี่เฟยพูด

“ครับ”

หลังจากคนนั้นขานรับแล้วหมุนตัวออกไปทันที

อู๋หยุนกลับประหลาดใจจนเบิกตาโพลงทั้งคู่ “ลูกพี่ไป๋หรือ?”

เสียงนี้ทำให้เขานึกถึงเรื่องที่ผู้จัดการหวังพูดอยู่ในโรงแรมเหล่านั้นขึ้นมา

ที่แท้คนที่ก่อตั้งเมืองเจาหยางกับเมืองกวงหมิง คาดไม่ถึงก็คือวัยรุ่นคนนี้ที่อยู่ต่อหน้า

และในที่สุดก็รู้ว่าทำไมสิบล้านล้วนไม่สามารถทำให้ไป๋ยี่เฟยมีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย

ดูพานปู้ถิงที่มีปริญญาเอกอีก อายุยังน้อยก็มีตำแหน่งรองประธาน เทียบกับไป๋ยี่เฟย ล้วนไม่คุ้มที่จะเอ่ยถึง

ทันใดนั้นอู๋หยุนอึดอัดขึ้นมา

หลังจากไป๋ยี่เฟยเช็ดเหงื่อเสร็จ ก็เลยสตาร์ทรถขับไปยังโรงพยาบาล

ไป๋ยี่เฟยนึกถึงเรื่องที่หลิวเสี่ยวอิงเคยบอกกับเขามาก่อน

หลิวเสี่ยวอิงเป็นเลือดแพนด้าพิเศษ และตอนที่เธอเพิ่งคลอดออกมา เพราะว่าเป็นโรคเม็ดเลือดแดงแตกสลายในทารกแรกเกิด จำเป็นต้องเปลี่ยนเลือด แต่ล้วนรู้ว่าเลือดแพนด้าพิเศษกว่า โดยพื้นฐานเท่ากับไม่มีทางช่วย

แต่ว่าพ่อแม่ของหลิวเสี่ยวอิงไม่ได้ละทิ้งหลิวเสี่ยวอิงเลย หลิวเสี่ยวอิงบอกว่าแม่ของเธอ เพิ่งคลอดลูกเสร็จ ก็คุกเข่าอยู่ต่อหน้าหมอ วิงวอนหมอช่วยเหลือเธอ

ตอนที่หลิวเสี่ยวอิงพูดถึงสิ่งนี้ ตาล้วนแดงแล้ว

แม้ว่าในเวลานั้นเธอเป็นเพียงแค่เด็กทารก แต่ต่อสิ่งนี้เธอซาบซึ้งในบุญคุณมาก เพราะว่านี่ก็คือความรักที่ยิ่งใหญ่ของพ่อแม่

ดังนั้นไป๋ยี่เฟยก็สามารถเข้าใจได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ท่าทีอู๋หยุนไม่ดีต่อเขาขนาดนี้ เขาก็จะไม่โมโห

บนรถ อยู่ดีๆหลิวเสี่ยวอิงแอบพูดกับไป๋ยี่เฟยคำหนึ่งว่า “ขอบคุณ”

ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นส่ายหัวนิดๆ ยิ้มแล้วยิ้มอีกกับหลิวเสี่ยวอิงอีก

อู๋หยุนกับพานปู้ถิงที่นั่งอยู่แถวข้างหลังมองเห็นฉากนี้ ยิ่งเพิ่มความอึดอัดแล้ว

หลังจากถึงโรงพยาบาล ไป๋ยี่เฟยก็เลยพูดกับอู๋หยุนและหลิวเสี่ยวอิงว่า “คุณน้า ผมยังมีเรื่องเล็กน้อยที่ต้องไปทำ ก็จะไปก่อนแล้ว ท่านสามารถอยู่นี้ต่อได้ ที่นี่ปลอดภัยมาก ไม่ต้องเป็นห่วง”

ไป๋ยี่เฟยยิ้มพูดกับอู๋หยุนอย่างมีมารยาทสองคำ ไป๋ยี่เฟยก็ออกไปเลย

รอไป๋ยี่เฟยไปแล้ว พานปู้ถิงจึงเดินไปข้างกายอู๋หยุนถามเสียงเบาๆว่า “คุณน้า ถ้าไม่ก็ฉวยเวลานี้ ผมกับเสี่ยวอิงเธอ……”

อู๋หยุนจ้องมองพานปู้ถิงอย่างเย็นชาหนึ่งที

เธอนึกถึงตอนที่อยู่ในโรงแรมก่อนหน้านั้น ลักษณะท่าทีของพานปู้ถิงเหมือนดั่งรุ่นอาวุโสคนหนึ่งสั่งสอนหลิวเสี่ยวอิง ยังบอกว่าหลิวเสี่ยวอิงโง่เขลา แต่ตอนที่อยู่นอกโรงแรมพบเจอกับอันตราย ล้วนไม่รู้เนื้อรู้ตัวสักนิด อีกทั้งยังขวางพวกเขาไว้ไม่ให้ขึ้นรถ

ทั้งตอนที่อันตรายมาถึง ตกใจกลัวจนเหมือนอะไร เป็นการเปรียบเทียบที่เห็นได้ชัดกับลักษณะท่าทีที่กล้าหาญของไป๋ยี่เฟย

แม้ว่าพานปู้ถิงไม่เป็นกังฟูไม่สามารถเทียบเท่ากับไป๋ยี่เฟย แต่บุคลิกดีกับลักษณะนิสัยที่แสดงให้เห็นก่อนหน้านั้น เห็นได้ชัดมากว่ามีความต่างกันอย่างแท้จริง

อู๋หยุนพูดอย่างเย็นชาว่า “ปู้ถิงเอย คุณดูสิเสี่ยวอิงกับไป๋ยี่เฟยมีความสัมพันธ์ที่ดีขนาดไหน ฉันก็พอใจมากกับไป๋ยี่เฟยเช่นกัน วันหลังเรื่องนี้พวกเราก็จะไม่ต้องเอ่ยถึงอีกเลย”

ในเวลานั้นพานปู้ถิงก็ตลึงตาค้างเลย

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

Status: Ongoing

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท