ตอนที่ 304 ปีศาจตัวที่สาม
วินาทีที่ร่างของผีตานีกลายเป็นควันสีเขียวและจางหายไปนั่น ก็มีแสงสีเขียวพุ่งขึ้นท้องฟ้า หลังจากนั้นก็ลอยหายเข้าไปในป่าลึกอย่างรวดเร็ว
ผมรู้ดี แสงสีเขียวนี่ก็คือร่างเดิมของผีตานี
และผีตานีตนนั้นก็ยังไม่ตาย เพียงแค่ร่างปีศาจโดนทำลาย และตัวเธอก็บาดเจ็บสาหัส
หากอยากจะกำจัดอีกฝ่ายให้สิ้นซาก ยังไงก็ต้องไปทำลายเหง้าของมัน
ไม่อย่างนั้นปีหน้าต้นกล้วยก็จะเติบโตและออกปลีอีกครั้ง ถึงเวลานั้นผีตานีก็จะออกมาปรากฏตัวอีกครั้ง
ผมจดจำทิศทางที่ลำแสงลอยหายไป คิดว่าอีกเดี๋ยวค่อยตามไปตัดรากถอนโคนก็ยังไม่สาย
แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมเป็นห่วง ยังเป็นเหล่าเฟิง
เมื่อกี้เขาเข้าไปปะทะกับผีตานี สุดท้ายยังโดนผีตานีตบจนล้มกลิ้ง กระเด็นออกไปไกลมาก เห็นได้ชัดว่าเขาต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่
ผมรีบหมุนตัว วิ่งไปทางเหล่าเฟิง เพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเขา
“ เหล่าเฟิง เป็นยังไงบ้าง ? ” ผมวิ่งไปพูดไป
หน้าเหล่าเฟิงค่อนข้างซีด มีรอยช้ำตามตัวเล็กน้อย ตอนนี้มีหยางเฉ่วประคองอยู่
เพียงแค่แขนซ้ายของเขา ดูเหมือนจะยุบลง ห้อยต่องแต่งอย่างกับคนไร้กระดูก สูญเสียความสามารถในการควบคุมไปแล้ว
สีหน้าท่าทางของเหล่าเฟิง เห็นได้ชัดว่ากำลังทรมานมาก หายใจหอบเหนื่อยอย่างต่อเนื่อง
เขาจ้องผม พร้อมพูดอย่างคนทรมาน “ แขนขวา แขนขวาเคลื่อน ขยับไม่ได้แล้ว ! ”
ผมรีบเข้าไปข้างหน้า ช่วยกันตรวจดูอาการของเหล่าเฟิงกับหยางเนิ้ว
เราพบว่านอกจากรอยข่วนบนไหล่แล้ว แขนขวาของเขาก็เคลื่อนอย่างไม่ต้องสงสัย และไม่ได้หักอย่างแน่นอน
แต่เหมือนเขาจะสุดพลังปีศาจไปเยอะพอสมควร บวกกับใช้พลังไปมากเกินไป ตอนนี้เลยค่อนข้างอ่อนแอ
“ นายทนหน่อยนะ ! ฉันจะย้ายกระดูกกลับมาให้ ” ขณะพูดผมก็เตรียมตัวจะลงมือ
หยางเฉ่วหยิบกิ่งไม้มาให้เหล่าเฟิงกัด เพื่อไม่ให้เขากัดลิ้นตัวเองในเวลาเดียวกันเธอก็ปรับท่าประคองเขาให้ดี
ผมเห็นเหล่าเฟิงพร้อมแล้ว หลังจากขยับแขนขวาของเขาสอง สามครั้งผมก็เริ่มออกแรง “ กึกกึก ”
ย้ายกระดูกแขนที่เคลื่อนของเหล่าเพิ่งกลับมาทันที
เหล่าเฟิงเจ็บจนเหงื่อออก กิ่งไม้โดนกัดจนเห็นเป็นรอยฟันลึก
แต่เหล่าเฟิงแมนมาก เขาไม่ร้องลั่นเลยสักนิด
“ เหล่าเฟิง นายลองขยับดู ! ”
เหล่าเฟิงเจ็บจนตัวสั่นอยู่บ้าง แต่เขาก็พยักหน้า พยายามควบ คุมแขนให้มันขยับสองสามครั้ง
แม้แขนจะบวม และยังต้องการพักฟื้น แต่ดูจากสภาพในตอนนี้มันก็กลับมาขยับได้ดังเดิมแล้ว
“ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว พวกนาย พวกนายสองคนรีบไปช่วยอาจารย์ฉันกับพวกท่านลุงติงเถอะ ! อย่าชักช้าอยู่เลย ฉันไม่ตายหรอก ” เหล่าเพิ่งทำหน้าจริงจัง ขณะพูดก็หยิบดาบจักรพรรดิขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันก็ผลักผมครั้งหนึ่ง
ตอนนี้ผีตานีสามตน โดนจัดการราบคาบไปแล้วหนึ่งตน อีกตนบาดเจ็บหนักสูญเสียงพลังรบ เหลือเพียงแค่ไปทำลายเหง้ามันเท่านั้น
ตอนนี้ เหลือแค่ผีตรงหน้าตัวสุดท้ายแล้ว
และผีตัวนี้ ก็เป็นตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผีทั้งสาม ผีตานีที่ฆ่าคนตายคาบ้าน
พวกอาจารย์ และปีศาจตนนี้สู้กันมานานขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ จะเห็นได้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดไหน
ผมรู้ว่ามันร้ายแรงขนาดไหน หากไม่กำจัดผีตัวนี้ให้สิ้นซาก พวกเราก็ไม่อาจอยู่อย่างปลอดภัยได้ หรือแม้แต่มีอันตรายถึงชีวิต
ผมมองเหล่าเฟิงที่กำลังหายใจหอบเหนื่อย และพยายามลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก จากนั้นผมก็พูดขึ้นมาว่า “ ได้! นายพักผ่อนก่อนนะ ! ”
พอพูดจบ ผมก็มองหยางเฉ่ว “ หยางเฉ่ว พวกเราไป ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ยกดาบไม้ขึ้นแล้ววิ่งไปทางที่พวกอาจารย์อยู่ทันที
หยางเนิ่วหันมาพยักหน้าให้เหล่าเฟิง จากนั้นก็รีบวิ่งตามไป
เหล่าเพิ่งตัวสั่น เขาเองก็อยากไปช่วย
แต่เมื่อกี้เขาสู้กับผีตานีตนนั้นหนักเกินไป บวกกับเขาสูญเสียพลังไปกับกระจกหยินหยางค่อนข้างเยอะ
และสุดพลังปีศาจเข้าไป แถมยังมีปัจจัยอื่นๆอีก
ผลลัพธ์เขาเพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าว ก็ “ ปัก ” ล้มลงกับพื้น และสลบไปในทันที
ฝั่งของอาจารย์และท่านนักพรตต์ ก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด
แม้ว่าอาจารย์และท่านนักพรตตูจะเป็นมีวิชาอาคมเก่งกล้า แต่พวกเขาก็ยังไม่อาจปราบปีศาจตนนี้ได้
ผมและหยางเนิ่วมาถึงสนามรบอย่างรวดเร็ว พอเห็นโอกาสโจมตีพวกเราก็เข้าไปทันที
แม้เราสองคนจะไม่พลังไม่สูงมาก แต่พวกเราก็มาถึงขั้นถือเต้าจงและเตียนเฟิงแล้ว
ถ้าสู้ตัวต่อตัวละก็ เราสามคนไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของผีตานีตนนี้ได้เลย
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เหมือนกัน มีพวกอาจารย์เป็นตัวหลักส่วนพวกเราก็คอยลอบโจมตี
ในเวลาเดียวกันก็สามารถช่วยลดแรงกดดันได้บ้าง
เดิมที่เป็นการสู้ที่รับมือยากมาก ไม่อาจหาฝ่ายแพ้ชนะได้สักที
แต่หลังจากผมและหยางเฉ่วเข้ามา สถานการณ์ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
ผีตานีตนนี้จะต้องแบ่งสมาธิมาคอยระวังผมและหยางเฉ่ว ดังนั้นเธอจึงเริ่มตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ตอนแรกผีตานีตนนี้ยังคิดว่าผมและหยางเฉวอ่อนแอ จึงโจมตีใส่พวกเราสารพัดวิธี คิดจะฆ่าเราสองคนก่อน
แต่ผมสองคนก็ไม่ได้โง่ พอยัยปีศาจนี่เข้ามาพวกเราก็ถอยหนีขณะเดียวกันพวกอาจารย์ก็จะเข้าไปกันข้างหน้าเอาไว้
ทำให้ผีตานีจนปัญญา ได้แต่คำราม “ โฮกโฮกโฮก ” ด้วยความโมโห
เธอในตอนนี้ ไม่อาจสู้ได้ จะถอยก็ถอยไม่ได้ ได้แต่กัดฟันปะทะกับพวกเราต่อไป
แต่จากสถานการณ์แบบนี้ การที่ผีตานีตนนี้จะโดนฆ่าเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว
เหมือนการต่อสู้จะผ่านไปราวๆสิบนาทีกว่าๆ จู่ๆหยางเฉวก็ได้โอกาส เธอเล็งไปที่ร่างผีตานี พร้อมหยิบยันต์ขึ้นมาหนึ่งแผ่น
หยางเนิ่วใช้วิชายันต์ผนึกเก่งที่สุด ตอนนี้พอยันต์ลอยออกจากมือ เธอก็ยกมือข้างเดียวทำเป็นรูปดาบ
พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เพี้ยง !”
คาถาเพิ่มดังขึ้น ยันแผ่นนั้นก็เปล่งแสงออกมา “ ตูม” ทันใดนั้นเองมันก็เข้าไปที่หลังผีตานี
ผีตานีตนนี้แข็งแกร่งที่สุด มันก็รับรู้ได้ถึงอันตราย จึงหมุนตัวพ่นควันสีเขียวออกมา คิดจะเปายันต์ให้ปลิว
ราวกับยันต์แผ่นนี้ติดปีก มันลอยผ่านม่านควันสีเขียว พุ่งตรงไปหาผีตานีอย่างเดียว
ผีตานีทำหน้าหวาดกลัว รีบกางกรงเล็บ คิดจะฉีกยันต์แผ่นนี้ทิ้ง
แต่มือของเธอเพิ่งสัมผัสกับยันต์ หยางเฉ่วก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ ทำลาย ! ”
“ ตูม” เสียงระเบิดดังขึ้น ยันต์แผ่นนั้นระเบิดในทันที
พลังของยันต์ ทำให้กรงเล็บที่ง่างออกไป โดนระเบิดเป็นแผลหลายแห่ง เลือดสดๆไหลหยดตามนิ้ว
เมื่อเห็นภาพนี้ ผมก็พุ่งเข้าไป ยังไม่รอให้ผีตานี้รู้ตัว ดาบของผมก็เกือบประชิดตัวเธอแล้ว
แม้ผมจะทำได้สมบูรณ์แบบขนาดไหน แต่การเคลื่อนไหวของปีศาจตนนี้ก็เร็วเกินไป วินาทีที่ผมกำลังจะแทงโดนเธอ เธอก็เบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว
ดาบไม้เฉียดคางรอยบาดเล็กน้อย
การโจมตีครั้งนี้ไม่อาจฆ่าเธอได้ ช่างน่าเสียดายมาก แต่ผมก็ยังมีลูกเล่นอีกอย่าง
วินาทีที่ผีตานีเบี่ยงตัวหลบ ผมก็ใช้มือขวา “ แปะ ” แปะยันต์ทำลายเข้าไปที่เอวของอีกฝ่าย
ดวงตาของอาจารย์ ก็เห็นฉากนี้
บวกกับยันต์ของผม เป็นวิชาที่อาจารย์ถ่ายทอดให้ทั้งหมด เมื่อเห็นผมแปะยันต์ทำลายลงบนเอวผีตานี
เขาก็ดีใจขึ้นมาทันที
พวกเราสู้กันมาตั้งนาน ยังหาโอกาสเข้าใกล้อีกฝ่ายไม่ได้เลย
ผลลัพธ์กลับคิดไม่ถึงว่าผมและหยางเนิ่วที่เพิ่งเข้ามาได้แค่สิบกว่านาที กลับลงมือทำสำเร็จทั้งคู่
อาจารย์ไม่คิดอะไรมากนัก เสกคาถายันต์ทำลายก่อนผม แล้วสุดท้ายก็ประสานมือเป็นรูปดาบ และพูดขึ้นว่า “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง ทำลาย ! ”
เสียงเพิ่งดังขึ้น แสงสีขาวก็ทอประกาย
“ ตูม ” ยันต์ทำลายระเบิดในทันที
พลังของอาจารย์มีเยอะกว่าผมและหยางเฉ่ว ยันต์ที่เขาเป็นคนที่องคาถาย่อมทรงพลังกว่าของผมอยู่แล้ว
หรือจะบอกว่ายันต์แผ่นนี้ มีพลังมากกว่าตอนผมเสกคาถาถึงสองเท่า
พลังเวทอันทรงพลัง ทำให้เอวผีตานีโดนระเบิดจนเป็นแผลเหวอะ เลือดไหลไม่หยุด ตัวสั่นไปหมด
ท่านนักพรตตู้และเหล่าฉินที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งล้วนเป็นคนเจนสนาม พวกเขากำลังรอโอกาสนี้อยู่
จึงเป็นธรรดาที่พวกเขาจะไม่ปล่อยมันไป
ทั้งสองคนต่างแยกย้ายลงมือ ยังไม่รอให้ผีตานีได้ลุกขึ้นมาพวกเขาก็พุ่งเข้าไปหาแล้ว
ดาบเล่มหนึ่งปักลงที่หน้าอกของผีตานี ดาบอีกเล่มหนึ่งก็ปักลงบนหน้าผากผีตานี
ผีตานีตนนั้นตัวสั่น ยังไม่ทันได้ร้องออกมา ร่างปีศาจของเธอก็กลายเป็นควันสีเขียว แล้วลอยหายไปในอากาศ