ฉุงโยวหมิงคิดว่าเขาได้ขึ้นเรือใหญ่ของเต้าจ่างและสหพันธ์วรยุทธแล้ว ยึดเอาอำนาจของฉุงเฉ่าซินมาแล้ว ยังใช้ชีวิตของพ่อแม่ของเขาเป็นข้ออ้าง สง่าผ่าเผยขนาดนั้น
แต่ว่าในความเป็นจริง ก็แค่เป็นฉุงเฉ่าซินที่วางแผนไว้แต่แรกแล้ว
“แต่ว่าน่าเสียดาย สหพันธ์วรยุทธหนานเหมินไม่ได้เอาพวกนายมาเป็นเรื่องจริงจังอะไรสักนิด พวกนายยังคิดเอาเองว่าได้กุมเส้นเศรษฐกิจของหนานเหมินแล้ว”
“ถึงกับคิดไม่ถึงว่าไม่กี่สิบปีก่อนพวกเขาก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือของสี่ตระกูลใหญ่มาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เพราะว่าไม่กี่สิบปีก่อนหน้านี้พวกเขาก็เชื่อมเข้าด้วยกันกับตระกูลลับในประเทศเหล่านั้นแล้ว”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ฉุงเฉ่าซินโง่งมไปแล้ว
จากนั้นเขาก็ส่ายหน้า ไม่เชื่อและไม่ยินยอม “นี่มันเป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!”
ฉุงโยวหมิงกลับยังคงมีท่าทางที่ไม่อยากเชื่อ “คุณพ่อ คุณพ่อ…กำลังหลอกใช้ฉันจริงหรือ?”
นายหญิงฉุงยังคงมีสีหน้าสับสนงุนงง “พวกนายกำลังพูดอะไรอยู่กันแน่?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจพวกเขา แต่มองกล่องเถ้ากระดูกของฉุงลี่ซือ เอ่ยถามเสียงเบา “เธอฟังเข้าใจหรือยัง?”
“เธอเต็มใจเสียสละความสุขของตัวเอง เพื่อแลกกับชีวิตของพวกเขา ผลลัพธ์ล่ะ? พวกเขาไม่ได้สนใจความสุขของเธอด้วยซ้ำ ยิ่งไม่สนใจความเป็นตายของเธอ”
“หยุนอิงก็แค่เอาตระกูลฉุงมาเป็นหมาก ส่วนเธอใช้ความสุขและชีวิตแลกกับตระกูลฉุง พ่อแม่พี่น้อง กลับทอดทิ้งเธอ”
“ตอนนี้เธอควรจะเห็นอย่างชัดเจน ว่าพวกเขาเป็นคนยังไงแล้วสินะ?”
“พวกเขาเป็นญาติของเธอ เป็นเธอที่ใช้ความสุขและชีวิตไปแลกมา ฉันสามารถไม่ฆ่าพวกเขา แต่ว่าพวกเขาไม่คู่ควรจะเป็นญาติของเธอแล้ว”
“ก็ถือว่าเป็นการคืนบุญคุณเลี้ยงดูหลายปีมานี้ให้พวกเขาแล้วกัน ตั้งแต่นี้ไป พวกเขาก็ไม่ใช่ญาติของเธออีก”
ทางหนึ่งพูดไป ไป๋ยี่เฟยก็หยิบกล่องเถ้ากระดูกของฉุงลี่ซือขึ้นมา เงยหน้าเอ่ยเสียงเย็น “ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธออีกแล้ว ไปกับฉันเถอะ”
เอ่ยจบ เขาก็หมุนกายจะเดินไปด้านนอก
เวลานี้ ฉุงเฉ่าซินพลันตะโกนเสียงดัง “ไป๋ยี่เฟย อยู่ที่นี่ปล่อยข่าวลือให้คนเข้าใจผิดให้น้อยหน่อย พูดจาไร้สาระ!”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจเขาสักนิด ยกเท้าขึ้นแล้วเดินไปด้านนอก ไม่หันหน้ามาสักนิด
ฉุงเฉ่าซินโกรธหนัก เดินขึ้นหน้าไม่กี่ก้าวไปหยุดเขาไว้ “นายคิดว่าตระกูลฉุงเป็นสถานที่อะไร? ที่นายอยากมาก็มา อยากไปก็ไปหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยหยุดลง แววตาเย็นชามองเขาเอ่ยว่า “วันนี้ฉันไม่ฆ่านาย แต่ฉันไม่ใช่ว่าไม่กล้าฆ่านาย!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันอยากจะไป นายขวางฉันได้หรือ?”
ฉุงเฉ่าซินได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะขึ้นมาทันที หัวเราะอย่างดุร้าย “ฉันขวางไม่ได้ แต่มีคนสามารถขวางได้!”
คำพูดนี้เอ่ยจบ ประตูบ้านพลันปรากฏคนสามคน
ถึงกับเป็นเหลียงเหว่ยชาว เต้าจ่างและเมิ่งฉิง
เมิ่งฉิงด้านหนึ่งเดินมาข้างหน้า ด้านหนึ่งหัวเราะเสียงเย็นเอ่ยว่า “ดวงของนายไม่ใช่ดีแบบธรรมดาจริงๆ ถึงตอนนี้แล้วยังไม่ตายอีก!”
ด้วยการปรากฏตัวของสามคนนี้ ฉุงโยวหมิงก็ขาอ่อน ก้นกระแทกลงไปบนพื้น ดวงตาของเขามองไปที่ฉุงเฉ่าซินอย่างตกตะลึง
ในเมื่อฉุงเฉ่าซินสามารถเรียกพวกเจ้านายใหญ่มาได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้น ที่ไป๋ยี่เฟยเพิ่งจะพูดเมื่อครู่ ล้วนเป็นเรื่องจริง
“คุณพ่อ คุณ….คุณ…..”
ฉุงเฉ่าซินพลันตะโกนเสียงดัง “ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกชายแท้ๆของฉัน ตราบใดที่ขวางการก้าวย่างของฉัน ฉันกำจัดหมดไม่มีพลาด!”
ฉุงโยวหมิงสีหน้าขาวซีดอย่างที่สุด
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่สามคนที่ปรากฏตัว ไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก กลับถามอย่างสงบว่า “พวกนายคิดว่าสามารถขวางฉันได้หรือ?”
กำลังของเมิ่งฉิงและเต้าจ่างนั้นเทียบเขาไม่ได้ แต่กำลังของเหลียงเหว่ยชาวและไป๋ยี่เฟยนั้นพอประมาณ เช่นนั้นถ้าพวกเขาสามคนร่วมมือกัน จะฆ่าไป๋ยี่เฟย ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้
ดังนั้นเหลียงเหว่ยชาวยิ้มเย็นเอ่ยว่า “นายและฉันกำลังเท่าเทียมกัน มีอีกสองคนร่วมมือเพิ่มเข้ามา จะฆ่านายยากมากหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ก็เอากล่องเถ้ากระดูกของฉุงลี่ซือวางไว้บนชั้นวางดอกไม้อีกด้านอย่างสงบนิ่ง
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็หมุนตัวมา เงาร่างขยับ หมัดหนึ่งทุบไปทางเหลียงเหว่ยชาว
เหลียงเหว่ยชาวตกใจ รีบปล่อยหมัดออกไป
“ปัง!”
หลังจากเสียงดังลั่น เหลียงเหว่ยชาวถึงกับถอยหลังไปเจ็ดแปดเมตร ไป๋ยี่เฟยกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเลยสักนิด
เหลียงเหว่ยชาวชั่วขณะนั้นตกใจอย่างมาก “นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาล้วนเป็นพลังระดับหนึ่งชั้นกลาง ควรจะมีกำลังเทียบเท่ากันถึงจะถูก
ไป๋ยี่เฟยเอ่ยเรียบๆ “ระดับของพวกเรานั้นเหมือนกันจริงๆ แต่ว่าเธออย่าลืมไป เธอฝึกฝนอย่างยากลำบากมาหลายสิบปีถึงได้มาถึงระดับหนึ่งชั้นกลาง ส่วนฉัน ใช้เวลาเพียงแค่สามปี”
“อีกอย่าง ตอนนี้ฉันยังไม่มีเวลาว่างพอที่จะเข้าสู่ระดับสูงเท่านั้น”
“นาย!” เหลียงเหว่ยชาวสีหน้าไม่น่ามอง “อย่ามาเสแสร้ง พวกเราสู้พร้อมกัน!”
คำพูดหลุดออกมา เต้าจ่างและเมิ่งฉิงร่วมมือกับเหลียงเหว่ยชาวลงมือพร้อมกัน
“พลังของนายแข็งแกร่งยิ่งกว่านิดหน่อยแล้วจะอย่างไร?”
“พวกเราสามคนร่วมมือกัน ไม่เชื่อว่าจะทำให้นายตายไม่ได้!”
ไป๋ยี่เฟยจ้องทั้งสามคน ดวงตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว
เขาเองไม่ได้แสร้งทำ แต่เป็นเขาที่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่เอ่อล้นอยู่ในร่างของตนเอง น่าจะเกี่ยวกับเหล้าสีเขียวนั้น
นี่ทำให้เขาสงสัยเล็กน้อย ตอนนี้ที่แท้แล้วเขาอยู่ความฝันหรือว่าตื่นขึ้นมาแล้วกันแน่?
เขาค่อนข้างไม่ชัดเจนว่าฝันหรือความเป็นจริง
แต่ว่า สิ่งเดียวที่ทำให้เขากระจ่างแจ้งก็คือ หลังจากตอนที่เหล้าสีเขียวนี้เข้าสู่ร่างกายแล้ว ทำให้พลังในร่างของเขาเปลี่ยนเป็นบริสุทธิ์มากขึ้น แล้วก็ทำให้จิตใจของเขาสงบมากยิ่งขึ้น
ไม่เช่นนั้น ด้วยความโกรธที่ควบคุมไม่ได้ของเขา คนตระกูลฉุงวันนี้ สักคนก็ไม่รอดชีวิต!
เหลียงเหว่ยชาวปล่อยหมัดอย่างรวดเร็ว พุ่งไปทางไป๋ยี่เฟยอย่างหนาแน่น
ไป๋ยี่เฟยดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ หมัดที่รวดเร็วในสายตาของเขาเปลี่ยนเป็นช้าลงมาก
เขาปล่อยหมัดออกไปอย่างเฉยเมย ทั้งร่างกายของเขาสงบนิ่งมาก แต่อากาศที่อยู่โดยรอบรุนแรงอย่างมาก
ด้วยเสียงกระทบของอากาศ หมัดของไป๋ยี่เฟยผ่านหมัดมากมายเข้าไปแล้ว กระทบเข้ากับไหล่ของเหลียงเหว่ยชาวตรงๆ
เหลียงเหว่ยชาวลอยออกไปในทันที แล้วยังมีเลือดออกมาในอากาศด้วย
ส่วนการโจมตีของเต้าจ่างและเมิ่งฉิงต่างตกลงบนร่างของไป๋ยี่เฟย ในใจของทั้งสองคนยินดีมาก
ในนาทีต่อมาพวกเขาก็พบว่า ไป๋ยี่เฟยถึงกับหายไปแล้ว
ที่จริงแล้วไม่ใช่ เพียงแค่ความเร็วของเขาเร็วเกินไป พวกเขามองไม่ชัดก็เท่านั้น
“อ๊า!”
“ปัง!”
ทั้งสองคนล้วนยังไม่มีสติกลับมา ก็ถูกไป๋ยี่เฟยมาถึงด้านหลังของพวกเขาแล้วต่อยคนละหมัดจนลอยออกไป
“ปัง!”
“ปัง!”
“ปัง!”
ทั้งสามคนตกมาที่พื้นในเวลาเดียวกัน ทั้งยังกระอักเลือดออกมาในเวลาเดียวกันด้วย
ก่อนหน้านี้ พลังของไป๋ยี่เฟยแค่เพียงประมือกับเหลียงเหว่ยชาวได้สูสี ดังนั้นเผชิญกับการร่วมมือของทั้งสามคน แน่นอนว่าสู้ไม่ได้
แต่ว่าตอนนี้ เกรงว่าแม้แต่ทั้งสามคนนี้ร่วมมือกัน แม้แต่กระบวนท่าเดียวของไป๋ยี่เฟยพวกเขาก็รับไม่อยู่
แต่ว่าพริบตาเดียว ทั้งสามคนล้วนพ่ายแพ้แล้ว
นี่ทำให้เห็นว่า พลังของไป๋ยี่เฟยได้เกินหน้าพวกเขาไปไกลมากแล้ว
ไป๋ยี่เฟยมาถึงด้านหน้าของเต้าจ่างด้วยสีหน้าสงบ คำพูดที่ออกมากลับเต็มไปด้วยการเสียดสี “แต่ก่อนฉันคิดว่านายเป็นคนที่น่ารังเกียจมากที่สุด แต่ว่าตอนนี้…..นายก็เป็นแค่เบี้ยตัวเล็กที่ถูกหลอกใช้ตัวหนึ่งเท่านั้น”
“พวกเขาหลอกใช้นายเพื่อเติมเต็มผลประโยชน์ในใจ เปลี่ยนนายให้เป็นสุนัข”
“นายคิดว่าตัวนายเองร้ายกาจมาก ยังคิดอีกว่าต่อไปได้รับคลังเก็บทอง ก็สามารถรวมโลกนี้ไว้ได้ กลายเป็นผู้ครองโลกใช่หรือไม่?”
พร้อมกับการเดินเข้ามาของไป๋ยี่เฟย เต้าจ่างก็หวาดกลัวโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดในร่างกาย คลานไปข้างหลังทีละนิด ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ส่วนในเวลานี้ไป๋ยี่เฟยก็หมุนกายกลับไปทางเมิ่งฉิง
เมิ่งฉิงเห็นเช่นนี้ก็ถูกทำให้ตกใจจนสั่นสะท้าน เขาลากร่างตัวเองไปด้านหลัง
ไป๋ยี่เฟยมองเขา พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยาม “เมิ่งฉิง นายมันเป็นขยะ!”
หลังจากเอ่ยจบก็ไม่ได้สนใจอีก แต่ว่ามองไปทางเหลียงเหว่ยชาว
เมิ่งฉิงถูกคนพูดนี้ทำให้ตกใจจนสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองขึ้นมา