“นั่นก็คือคนที่เช่าเรือเรา แต่ทำไมผมรู้สึกว่าลักษณะท่าทีของเขาไม่เหมือนคนที่มีเงินมากล่ะ?”
“คุณรู้เหี้ยอะไร ตอนที่เขามาเช่าเรือกับผม ล้วนไม่ได้ถามราคา โยนเงินหนึ่งล้านให้กับเราโดยตรง คุณว่าเขามีเงินหรือไม่ล่ะ?”
“ไอ้ควย ช่างเป็นคนมีเงินจริงๆนะ!”
“แต่ว่าล่ะ ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายขนาดนี้ พอเห็นแล้วก็รู้ว่าเป็นคนที่จะถูกโดนหลอกได้ง่าย”
ลูกเรือทั้งสองคนพูดคุยกันเสียงเบาๆอยู่อีกฝั่งหนึ่งของดาดฟ้าเรือ
แม้ว่าไป๋ยี่เฟยจะตายแล้ว แต่พลังความสามารถทั้งชีวิตของเขาไม่ได้ลดถอยเลย ดังนั้นคำพูดของลูกเรือทั้งสองคนนั้นเขาสามารถได้ยินอย่างชัดเจน แต่ว่าเขาไม่ใส่ใจเลยสักนิด
สำหรับเขาในตอนนี้มากล่าวแล้ว สิ่งที่เขายิ่งใส่ใจกว่าก็คือสิ่งที่เขาอยากยืนหยัดให้แน่ชัด ดังนั้นทั้งสองคนนี้เขาไม่ได้วางไว้ในสายตาเลยสักนิด
ในเวลานี้ อยู่ดีๆหลิวเสียวิ่งอุตลุดออกมาจากข้างหลังไป๋ยี่เฟย “พี่ไป๋!”
สำหรับหลิวเสียที่อยู่ดีๆวิ่งอุตลุดออกมา ไป๋ยี่เฟยล้วนไม่แปลกใจเลยสักนิด เพราะเขารู้ว่าหลิวเสียแอบตามมาด้วยกัน เพียงแค่เขาไม่อยากไปสนใจเท่านั้น
“พี่ไป๋ ตกลงว่าคุณเป็นอะไรกันแน่? พบเจอกับเรื่องที่ไม่สุขใจอะไรใช่หรือไม่?”
หลิวเสียยืนอยู่ข้างกายไป๋ยี่เฟย ถามอย่างมีความกังวลเล็กน้อยว่า “ถ้าไม่คุณบอกกับฉัน ฉันอาจจะช่วยคุณได้ ถึงแม้ว่าช่วยคุณไม่ได้ ฉันก็ย่อม…….”แต่ไม่ว่าหลิวเสียพูดยังไง ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ไปสนใจเธอเหมือนเดิม นี่ทำให้หลิวเสียไม่พอใจเล็กน้อย
แต่ว่าจะไม่ได้ทำให้ไปง่ายๆขนาดนั้น ก็พูดจ้ออยู่ต่อหน้าเขาต่อไป “ฉันสามารถเป็นผู้รับฟังคนหนึ่งได้ เล่าเรื่องที่คุณไม่สุขใจออกมา ไม่แน่ว่าอารมณ์คุณก็จะดีขึ้นหน่อยแล้ว ฉัน……”
“ผมจะตายแล้ว” อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยตัดคำพูดเธอเลย
หลิวเสียหยุดชะงัก กะพริบตาต่อๆกัน “คุณว่ายังไงนะ?”
“ผมจะตายแล้ว” ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเย็นชา “ดังนั้น อย่ามายุ่งกับผม”
หลิวเสียอึ้งชะงักจ้องมองไป๋ยี่เฟย ยิ้มแห้งๆพูดอยู่ว่า “พี่ไป๋ การล้อเล่นนี้ล้วนไม่น่าขำเลยสักนิด”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วขึ้นมา จากนั้นนึกถึงอะไรขึ้นมา อยู่ดีๆหันหน้าไปยิ้มแล้วยิ้มอีกกับหลิวเสีย อีกทั้งรอยยิ้มยังมีความมิจฉาเล็กน้อย “ผมจะตายแล้ว ถ้าไม่คุณอยู่เป็นเพื่อนผมเถอะ?”
ทันใดนั้นหลิวเสียดีใจจนพยักหน้าต่อๆกัน “ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณล่ะ แต่ว่าคุณอย่าแช่งตนเองอย่างนี้เลย!”
“สิ่งที่ผมพูดคือความจริง ผมจะตายแล้วจริงๆ” ไป๋ยี่เฟยยิ้มมิจฉากับหลิวเสียเหมือนเดิม “อีกทั้งอยู่เป็นเพื่อนที่ผมว่า ไม่ใช่ความหมายนั้นที่คุณเข้าใจ แต่คือให้ผม……”
คำพูดข้างหลังยังไม่ได้พูดจบ แต่จ้องมองแสงที่ระยิบระยับอยู่ในสายตาไป๋ยี่เฟย รวมกับรอยยิ้มมิจฉาที่อยู่มุมปาก ทันใดนั้นหลิวเสียรู้สึกถึงอะไรขึ้นมา ตกใจจนรีบถอยหลังก้าวหนึ่ง
“พี่……พี่ไป๋ ฉัน…….ฉันอยู่ดีๆนึกได้ว่ามีธุระนิดหน่อย…….ก็…….ก็ไปก่อนแล้ว!”
หลังจากพูดจบหมุนตัววิ่งเข้าไปในห้องผู้โดยสารเหมือนดั่งหนีตาย
หลังจากไป๋ยี่เฟยเห็นเธอวิ่งเข้าไปแล้วเก็บรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าขึ้นมา ถอนหายใจลึกๆหนึ่งทีพูดว่า “จริงๆเลย……”
……
หลิวเสียวิ่งเข้าไปในห้องผู้โดยสารแล้ว ตกใจจนหายใจหอบตลอด ใบหน้ากับหูล้วนแดงเหลือเกิน
ในวันนี้หลิวเสียสวมใส่เพียงชุดลำลองชุดหนึ่ง ก็ไม่ได้แต่งหน้าเป็นพิเศษเช่นกัน ก็คือลักษณะท่าทีตามเดิมของเธอ กลับเห็นได้ชัดว่าดูสวยกว่าที่เธอตั้งใจแต่งหน้าเยอะเลย
หลิวเสียตบหน้าอกของตนเองตบแล้วตบอีกพูดว่า “พี่ไป๋ย่อมรำคาญฉันแล้วแน่นอน ตั้งใจทำให้ฉันตกใจ เขาไม่ใช่คนแบบนั้นล่ะ!”
“สาวสวย คุณมาจากที่ไหนเหรอ?”
อยู่ดีๆมีเสียงที่ทั้งหยาบคายทั้งแฝงไว้ด้วยเจตนาร้ายเสียงหนึ่งดังขึ้น
หลิวเสียถูกทำให้ตื่นตกใจอีกที รีบหมุนตัวไปดู พบเห็นว่าอยู่ข้างหลังเธอเป็นชายวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดทำงานสองคน
ผู้ชายทั้งสองคนรูปร่างล้วนสูงใหญ่บึกบึนมาก เห็นแล้วก็รู้สึกว่ายุ่งไม่ไหว
อีกทั้งพวกเขาเหมือนดื่มเหล้ามาแล้ว เสื้อผ้าล้วนเปิดกระจายออก ทั้งยังปรากฏขนที่อยู่บนหน้าอกออกมา เห็นแล้วทำให้คนคลื่นไส้
ทั้งสองคนจ้องมองหลิวเสีย นี่จึงปรากฏรอยยิ้มมิจฉาออกมาแล้วจริงๆ
พวกเขาทำงานอยู่ในทะเลตลอดเวลา แทบจะยากที่จะเจอกับผู้หญิงอย่างมาก ยิ่งกว่านั้นอีก นี่ยังเป็นสาวสวยสะอาดบริสุทธิ์ที่ดูแล้วอ่อนหวานมากคนหนึ่ง ย่อมจะเกิดเจตนาชั่วขึ้นมาอยู่แล้ว
ในตอนนี้หลิวเสียก็มีปฏิกิริยากลับคืนมาได้ทันที บนใบหน้าเธอใจเย็นมากพูดว่า “ฉัน…….ฉันเป็นลูกสาวของกัปตันเรือ แอบตามขึ้นมา”
เดิมทีเขาก็คือแอบตามไป๋ยี่เฟยขึ้นมาอยู่แล้ว ตอนนี้ถ้าถูกจับได้แล้ว สภาพการณ์ก็จะแย่
และทั้งสองคนนั้นหลังจากได้ยินคำพูดของหลิวเสีย สบตากันหนึ่งที จากนั้นในนั้นคนหนึ่งรู้แจ้งกระจ่างในฉับพลันพูดว่า “ที่แท้เป็นลูกสาวของกัปตันเรือนั่นเอง!”
หลิวเสียรีบพยักหน้า
จากนั้นอีกคนหนึ่งพูดต่อว่า “แต่กัปตันเรือของเราปีนี้แค่สามสิบกว่าเท่านั้น จะมีลูกสาวโตขนาดนี้มาได้ยังไงล่ะ?”
ได้ยินคำพูดนี้หลิวเสียรู้สึกไม่ดีในทันที หมุนตัวก็อยากจะวิ่งหนี
แต่ว่าทั้งสองคนนี้ดูเหมือนคาดเดาได้ว่าหลิวเสียจะวิ่งหนีมานานแล้ว ดังนั้นเตรียมป้องกันเธอไว้มาโดยตลอด เห็นเธอขยับแล้วก็เลยยื่นมือออกอย่างดุเดือด จับแขนของหลิวเสียไว้ ดึงกลับมาทันที
ทันใดนั้นหลิวเสียร้อนใจแล้ว “พวกคุณปล่อยฉันไป!”
ลูกเรือทั้งสองคนล้อมรอบเธอไว้ซ้ายขวา บนใบหน้าล้วนแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“สาวสวย คุณเล่นเป็นเพื่อนกับพวกเราเป็นเด็กดี พวกเราก็แกล้งทำว่าไม่รู้ ไม่งั้นล่ะก็ พวกเราก็บอกกับกัปตันเรือว่าคุณจะมาขโมยของนะ ถึงเวลานั้นสภาพของคุณจะยิ่งน่าเวทนากว่านี้อีก”
“ใช่ คุณเชื่อฟังเป็นเด็กดี อย่าร้องมั่ว ไม่งั้นล่ะก็ บีบจนร้อนใจแล้ว พวกเราจะโยนคุณลงไปให้ปลาในทะเลกินโดยตรง!”
หลิวเสียถูกทั้งสองคนทำให้ตกใจจนสั่นระริกทั้งตัว
“ปั้ง!”
ในเวลานี้ อยู่ดีๆประตูเรือถูกคนผลักออกเลย
ไป๋ยี่เฟยใบหน้าไร้สีหน้าเดินเข้ามา “คนโตขนาดนี้แล้ว รักษาหน้าหน่อยได้หรือไม่?”
ลูกเรือทั้งสองคนเห็นกับตาว่าจะได้แล้ว อยู่ดีๆถูกคนตัดกลางทาง ย่อมจะไม่พอใจอยู่แล้ว
ในนั้นคนหนึ่งตั้งใจข่มขู่ไป๋ยี่เฟย “ไอ้หนุ่มถ้าคุณอ่านสถานการณ์ออกรู้ว่าต้องทำอย่างไรก็รีบไป เห็นแก่คุณที่เป็นนายจ้าง พวกเรา…….”
ตอนที่พูดอยู่ ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่เหลือบมองเขาหนึ่งที ก็ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งตกใจจนไม่กล้าพูดต่ออีกแล้ว
การจ้องมองหนึ่งทีนั้นของไป๋ยี่เฟยก็เหมือนดั่งปีศาจร้ายที่มาจากนรก เพียงแค่เขาจ้องมองหนึ่งที ก็รู้สึกเย็นเยือกทั้งตัว กระทั่งยังขนลุกขึ้นมาอีก
ไป๋ยี่เฟยดึงหลิวเสียเข้ามา จากนั้นพูดกับลูกเรือทั้งสองว่า “เธอเป็นน้องสาวผม เรือทั้งลำล้วนเป็นผมเช่าเอง เธอย่อมอยู่บนเรืออยู่แล้ว”
“พวกคุณอย่าคิดร้ายกับเธอดีกว่า มิฉะนั้น……จะโยนพวกคุณลงไปให้ฉลามในทะเลกิน!” พูดจบคำนี้ก็ดึงหลิวเสียไปเลย
แต่ว่าลูกเรืออีกคนหนึ่งดูเหมือนไม่พอใจมาก เข้าไปจับไป๋ยี่เฟย อยากจะขวางเขาไว้ “ห้ามไป!”
“ปั้ง!”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ขยับเลยสักนิด อยู่ดีๆลูกเรือคนนั้นกลับถูกเด้งออกไป ชนบนกำแพงห้องผู้โดยสารโดยตรง
ลูกเรืออีกคนหนึ่งมองจนนิ่งอึ้งไปเลย
และลูกเรือที่ถูกชนคนนั้นไม่เพียงแค่อึ้งชะงักแล้ว ยังมีความหวาดกลัวเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ไปสนใจพวกเขา แต่ดึงหลิวเสียกลับไปที่ดาดฟ้าเรือใหม่อีกครั้ง
หลิวเสีย หัวเราะแฮ่ๆ หนึ่งทีพูดว่า “ขอบคุณพี่ไป๋ที่ช่วยฉัน”
ไป๋ยี่เฟยพิงอยู่บนราว หลังจากจุดบุหรี่ม้วนหนึ่งแล้วถามว่า “คุณตามผมอยู่เสมอจะทำอะไรล่ะ?”
พอหลิวเสียถูกถาม อ้ำๆอึ้งๆอยู่ ก็ไม่กล้าไปจ้องมองไป๋ยี่เฟย “ฉัน…….ฉัน…….ก็คือ ใช่ ก็คือก่อนหน้านั้นรถมอเตอร์ไซต์คันนั้นที่คุณขโมยเป็นของเพื่อนฉัน คุณยังไม่ได้คืนเขาล่ะ!”
“เงินที่ผมให้คุณอยู่ในการ์ดซื้อได้หลายคันแล้วล่ะ” ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเย็นชา
หลิวเสียใจฝ่อก้มหัวลง
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพขมวดคิ้วถามว่า “ตกลงว่าอยากจะทำอะไรกันแน่?”
หลิวเสียเบ้ปากแล้วเบ้ปากอีกอย่างไม่พอใจ จึงพูดเสียงเบาๆว่า “พี่ฉันรำคาญฉัน”
“อ่า?” ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักเลย ก็แค่นึกไม่ถึงว่าจะมีเหตุผลอย่างนี้
หลิวเสียก้มหัวอยู่ มือทั้งคู่ดึงชายเสื้อของตนเองไว้ “พี่ชายเป็นคนที่เลี้ยงฉันโตมากับมือ พี่ชายฉันเป็นญาติพี่น้องเพียงคนเดียวของฉัน ตั้งแต่เด็กฉันก็ชอบเกาะติดเขาไว้”
“ฉันรู้สึกเพียงแค่มีพี่ชายฉันอยู่ ก็รู้สึกมีครอบครัวเป็นพิเศษ”
“แต่พี่ชายฉันก็แค่รำคาญฉัน”
“อยู่ต่อหน้าคนข้างนอก ฉันเพียงแค่พอเกาะติดเข้าไป เขามักจะผลักฉันออกไป เพียงแค่ปีนั้นตอนที่ฉันอายุแปดขวบ ฉันป่วยแล้ว เขาแบกฉันไปโรงพยาบาล แต่หลังจากครั้งนั้นเขาไม่เคยแบกฉันอีกเลย”
“หลังจากนี้อีก ฉันเข้าม.ต้นแล้ว เพื่อนร่วมฉันของฉันบอกว่าพี่ชายฉันเป็นมาเฟีย ฉันโมโหมาก ฉันชกต่อยกันกับเขา”
“แต่ว่าฉันรู้ สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง”
“แต่ในเวลานั้นฉันจึงเข้าใจ ทำไมพี่ชายฉันมักจะเหินห่างกับฉัน เพราะว่าเขากลัวฉันตกกระไดพลอยโจน ในเวลานั้นเขามักจะเข่นฆ่าโรมรันสุดชีวิตกับคนอื่นอยู่ข้างนอก มีคู่อริมากมาย เขากลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าฉันเป็นน้องสาว ก็จะมาล้างแค้นเขา”
“ก็แค่อยู่ตอนที่เป็นเด็กมากได้รับความอบอุ่นของญาติพี่น้อง จากนั้นฉันก็ไม่เคยได้สัมผัสอีกเลย”
“พี่ไป๋ คุณบอกว่าคุณกับพี่ชายฉันเป็นเพื่อนกัน เป็นพี่น้อง ฉันแค่คิดว่าคุณเป็นพี่ชายคนที่สองของฉัน ดังนั้น……