ชายชราหลังค่อมมองดูเหลียงหมิงเยว่เริ่มหวั่นไหวอีกแล้ว และอดไม่ได้ที่พูดอย่างไม่พอใจ“นังหนูนี้แมร่งสะกดจิตคนเก่งจริงๆ กูจะฆ่าแกก่อนแล้วกัน!”
พูดไปด้วยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปถึงตรงหน้าของฉีฉี และชกไปทางฉีฉีหนึ่งหมัด
กำปั้นนั้นตรงไปที่หัวของฉีฉี แต่พลังของแดนเทพยุทธ์คนหนึ่ง ชกไปที่หัวของยอดฝีมือระดับที่สอง ตอนจบคงจะหัวกบาลแตกสมองไหลแน่ๆ
อย่างไรก็ตามฉากมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น
เมื่อกำปั้นของชายชราหลังค่อมชกไปที่บนหัวของฉีฉี ฉีฉียืนนิ่งไม่ขยับอยู่ที่เดิม
ชายชราหลังค่อมกลับร้องโอดโอย
“อ๊ากกกก!”
ต่อจากนั้น ชายชราหลังค่อมถอยหลังไปสองก้าว บนหน้าผากของเขายุบไปส่วนหนึ่งอย่างกะทันหัน แล้วก็กระอักเลือดคำใหญ่ และล้มลงกับพื้น
เมื่อคนที่เห็นฉากนี้ต่างก็ตกตะลึง
แม้แต่ฉีฉีก็ตกใจ และหลังจากตกตะลึงก็นิ่งอึ้ง
หลังจากที่ประหลาดใจ ในที่สุดเหลียงหมิงเยว่ก็ดึงสติกลับมา ในเวลานี้ เดิมทีพวกเขากำลังหวั่นไหวก็ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เหลียงหมิงเยว่มองซินชิวด้วยท่าทางที่ไม่ดี และแสยะยิ้มพูดว่า: “อาจารย์! ท่านยังใช้วิธีการทุกอย่างไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลจริงๆน่ะ! เกือบจะโดนท่านหลอกแล้ว”
ใบหน้าของจีไซก็ไม่พอใจ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ขอบคุณสำหรับคำสั่งสอนก่อนตายของอาจารย์จริงๆ”
เมื่อซินชิวเห็นเช่นนี้ก็อดไม่ที่จะมีท่าทางที่ผิดหวังเล็กน้อย
ซินชิวตอนที่ฉีฉียังเด็กมากเคยทิ้งยันต์รักษาชีวิตไว้บนตัวของเธอ
ความจริงยันต์รักษาชีวิตนี้ก็เป็นค่ายกลอย่างหนึ่ง สามารถที่จะชีวิตของฉีฉีในช่วงเวลาวิกฤติ ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถที่จะสะท้อนฆ่าอีกฝ่ายได้ด้วย
ตอนนั้นไป๋ยี่เฟยก็ประสบมาก่อน เพียงเพราะว่าไป๋ยี่เฟยยังไม่ถึงแดนเทพยุทธ์ ดังนั้นไม่สามารถที่จะกระตุ้นผลสะท้อนฆ่าได้ ไม่อย่างนั้นตอนนั้นเขาก็ตายไปแล้ว
และเหตุผลที่ตอนนี้ซินชิวพาฉีฉีมาด้วย คิดๆดูแล้วก็แค่เพื่อให้ฉีฉีจัดการกับเหลียงหมิงเยว่และจีไซ
พูดตรงๆ ฉีฉีไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าหมากรุกเม็ดนั้นของซินชิวเท่านั้นเอง
ซินชิวก็ถอนหายใจเล็กน้อย “เธอพูดถูก พวกนายเป็นลูกศิษย์สองคนที่ฉันภาคภูมิใจที่สุด ฉันก็บอกกับเธอตลอดว่า ตั้งตารอพวกนายกลับมาเยี่ยมฉันทุกปี”
“แต่ทว่า เมื่อความปรารถนาของคนไม่เป็นจริงเพียงเพราะจะค่อยๆเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา ไม่ได้เพราะค่อยๆจางหายไปตามกาลเวลา”
“ดังนั้น ฉันจำเป็นต้องป้องกัน”
หลังจากที่เยว่มองละครนี้ออก ก็พูดด้วยรอยยิ้ม: “ศิษย์พี่ พี่ไม่เหนื่อยเหรอ?”
ซินชิวนิ่งอึ้งเล็กน้อย แล้วก็พูดด้วยรอยิ้มจางๆ: “ผู้คนมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เดิมทีก็เหนื่อยมาก”
เยว่ไม่ได้สนใจเขา แต่พูดกับฉีฉีว่า: “สาวน้อย ตอนนี้เธอน่าจะเข้าใจแล้วนะ? อาจารย์ของเธอก็แค่หลอกใช้เธอเท่านั้นเอง”
ฉีฉีหันหน้ามองไปที่ซินชิวอย่างยากที่จะเชื่อ
สีหน้าท่าทางของซินชิวไม่เปลี่ยนแปลง
ในใจของฉีฉีเจ็บปวด
ในเวลานี้ เหลียงหมิงเยว่พูดว่า: “ศิษย์น้อง เธอรีบหลีกทางเถอะ เขาไม่คู่ควรที่เธอจะปกป้องขนาดนี้!”
จีไซพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “จะหลีกทางหรือไม่หลีกทางก็ไม่เป็นไร ฆ่าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนก็ไม่เป็นไร !”
หลังจากที่ฉีฉีลังเลสักพัก สุดท้ายยังเลือกที่จะปกป้องซินชิว เธอเผชิญหน้ากับเหลียงหมิงเยว่และคนอื่น ก่อนหน้าที่จะหลับตาลงมาพร้อมกับความเด็ดเดี่ยวเล็กน้อย “ถูกหลอกใช้แล้วยังไงล่ะ? ฉันถูกอาจารย์เลี้ยงดูจนเติบโต ไม่มีอาจารย์ ฉันตายไปตั้งนานแล้ว”
“ตอนนี้ แค่เอาชีวิตคืนให้อาจารย์เท่านั้นเอง พวกนายจะฆ่าก็ฆ่า!”
เหลียงหมิงเยว่และจีไซสบตากันแวบหนึ่ง เตรียมพร้อมที่จะลงมืออย่าพร้อมเพรียง
แต่ในขณะนั้น จื่ออีพูดอย่างกะทันหันว่า: “เป้าหมายของพวกนายอยากจะได้คลังเก็บทองไม่ใช่เหรอ?”
ในเวลาเดียวกันเหลียงหมิงเยว่และจีไซก็นิ่งอึ้ง
จื่ออีพูดต่อไปว่า: “ต่อให้พวกนายฆ่าพวกเราไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราเป็นแค่ผู้คุ้มครองคลังเก็บทอง เยว่เป็นผู้ตรวจตรา แม้ว่าพวกนายจะฆ่าพวกเราแล้ว มีเขาอยู่ พวกนายก็ไม่ได้คลังเก็บทองเหมือนกัน”
จีไซพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนี้ ก็อย่าได้คิดที่จะมีชีวิตรอดออกไป!”
สีหน้าท่าทางของจื่ออีเย็นชา“งั้นพวกนายสามารถเลือกเยว่ก่อนได้”
จีไซและเหลียงหมิงเยว่สบตากันแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าในสายตาของอีกฝ่ายลังเล
ในเวลานี้ จื่ออีก็พูดอีกว่า: “ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเยว่คนนั้น ความแข็งแกร่งพอๆกันกับฉัน พวกนายมั่นใจว่าสามารถเอาชนะเธอได้มั้ย?”
เมื่อพูดแบบนี้ กระตุ้นจิตใจการต่อสู้ของทั้งสองได้สำเร็จ หันหน้ามองไปทางหยู่โม่อย่างพร้อมเพรียงกัน
เมื่อหยู่โม่เห็นเช่นนี้ก็ตกใจ รีบพูดอย่างหวานไพเราะ: “พวกนายอย่าไปฟังนังปีศาจพูดจาส่งเดช คนอื่นเขายังเป็นเด็กสาวอยู่ นังปีศาจตีฉันเหมือนกับการเล่นจิ้งหรีด ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนายด้วยซ้ำ”
“จะฆ่าก็ฆ่าพวกเขาก่อน พวกเรายืนอยู่ที่นี่ รับรองว่าไม่หนี”
ใบหน้าของจีไซและเหลียงหมิงเยว่ไม่พอใจในทันที
คำพูดนี้ของเธอยังคิดว่าพวกเขาเป็นคนโง่เหรอ?
ภาพเมื่อกี้นี้ พวกเขาสามารถเห็นได้ชัดเจนจากกล้องวงจรในห้องโดยสารเรือ เธอเผชิญหน้ากับจื่ออี ทั้งๆที่ถอยหลังพร้อมกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของเธอเท่าเทียมกันกับจื่ออี
เหลียงหมิงเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ผู้หญิงคนนี้ยังจะโกหกอีก ฆ่าเธอก่อน!”
“เห็นด้วย!”
เมื่อหยู่โม่เห็นสิ่งนี้ก็ตื่นตระหนกในทันที และพูดด้วยเสียงแตกว่า: “เฮ้ย ไม่ใช่ พวกนายทำไมฟังไม่เข้าใจเนี่ย? ฉันไม่ได้โกหกจริงนะ ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนายจริงๆ!”
“พวกนายอย่าเข้ามาน่ะ! หรือว่าพวกนายจะลงมือกับผู้หญิงที่สวยงามบอบบางอย่างฉันคนนี้ได้ลงคอจริงๆเหรอ? พวกนายรังแกผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่รู้สึกไร้ยางอายบ้างเหรอ?”
“นี่ยังมีเหตุผลอีกหรือเปล่า? ผู้ชายจะตีผู้หญิง ยังตีผู้หญิงคนหนึ่งที่อ่อนแอด้วย นี่ก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!”
เมื่อจีไซได้ยินเธอพูดมากมายขนาดนี้ ก็อดกลั้นความโกรธไว้ในใจ“แมร่งเอ๊ย ผู้หญิงคนนี้แมร่งน่ารำคาญมาก ฆ่าเธอก่อนแล้วกัน!”
หลังจากที่พูดจบก็เคลื่อนไหวมาที่ตรงหน้าของหยู่โม่อย่างรวดเร็ว และฟาดฝ่ามือไปทางหยู่โม่
หยู่โม่ตกใจจนรีบสะบัดมือปัดป้องจีไซ ในขณะเดียวกัน เธอก็ฟาดฝ่ามือออกมา
ฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน
“ผลัวะ!”
ทั้งสองถอยหลังไปเจ็ดถึงแปดเมตรในเวลาเดียวกัน
“แหวะ!”
หยู่โม่กระอักเลือดคำใหญ่ จับหน้าอกไว้ พยายามอดกลั้นเลือดลมที่พลุ่งพล่าน
จีไซก็เลือดลมพลุ่งพล่าน เพียงแต่เขาอดทนไว้ไม่กระอักออกมา เขาเตือนเหลียงหมิงเยว่ด้วยท่าทางที่จริงจังว่า: “ศิษย์พี่ระวังด้วย เธอเป็นแดนเทพยุทธ์ชั้นกลาง!”
เหลียงหมิงเยว่พยักหน้า เข้าไปที่หยู่โม่อย่างรวดเร็ว
เมื่อหยู่โม่เห็นเช่นนี้ก็หลบอย่างรวดเร็วไปด้วย และตะโกนเสียงดังไปด้วยว่า: “มาเร็วเข้า รีบมาดู ผู้ชายสองคนรังแกผู้หญิงที่อ่อนแอ ไม่ละอายเลย….”
สีหน้าของเหลียงหมิงเยว่ดูไม่ดีเป็นอย่างมาก
แม้แต่จื่ออีและคนอื่นๆก็มองดูพวกเขาด้วยใบหน้าที่แปลกประหลาด
หยู่โม่คนนี้ดูเหมือนผู้แข็งแกร่งแดนเทพยุทธ์ที่ไหนกัน? คนทั้งคนเหมือนกับเป็นเด็กผู้หญิงที่งี่เง่าไร้เหตุผล!
“ไปตายซะ!”
เหลียงหมิงเยว่ชกออกไปหนึ่งหมัดในทันที
หยู่โม่ยกแขนทั้งสอง ไปต่อต้านหมัดนี้ของเหลียงหมิงเยว่
“ผลัวะ!”
มีเสียงดังขึ้นอีก หยู่โม่ก็กระเด็นออกไป และยังล้มลงบนพื้น
“แหวะ!”หยู่โม่กระอักเลือดคำใหญ่ ยังพูดบ่นพึมพำไม่หยุด: “ไร้ยางอายจริงๆ….รังแกผู้หญิงที่อ่อนแอ….หน้าไม่อาย!”
เธอพูดไปด้วย ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วไปด้วย กลับไปที่ตรงหน้าของเยว่อีกครั้ง ปิดกั้นเหลียงหมิงเยว่และจีไซไว้
เมื่อเยว่เห็นเช่นนี้ ก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า: “เธอไปเถอะ ไม่ต้องสนใจฉันแล้ว”
หยู่โม่ไม่ตอบ เช็ดเลือดที่มุมปากไปด้วย ด่าว่าเยว่ไปด้วย“ไอ้ทึ่ม หุบปากไปซะ!”
ความแข็งแกร่งของหยู่โม่เท่าเทียมกันกับคนหนึ่งคนของเหลียงหมิงเยว่และจีไซ แต่ถ้าหากพวกเขาสองคนร่วมมือกัน หยู่โม่ไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
ตอนนี้ เหลียงหมิงเยว่และจีไซเพียงแค่อยากจะฆ่าเยว่และหยู่โม่ ค่อยฆ่าซินชิวและคนอื่นๆ พวกเขาก็สามารถเพียงพอที่จะสำเร็จแล้ว และยึดครองคลังเก็บทองได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ ชายชราที่เดิมทีถูกยันต์รักษาชีวิตจู่โจม นอนหงายบนพื้นก็ลุกขึ้นมา
หน้าผากของเขายุบเข้าไปส่วนหนึ่ง ซึ่งดูแล้วน่าสยดสยองเป็นมาก
เขาฝืนยืนทรงตัวไว้ ส่ายหน้าเล็กน้อย หลังจากที่เห็นฉีฉี ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “แมร่งนังหนูนี่ วันนี้กูจะต้องฆ่าแกอย่างแน่นอน