ตอนที่ 47 อยู่ๆก็เป็นลมไป
จารวีวุ่นอยู่กับการจัดวางเทียนอยู่ที่ระเบียง เมื่อตอน เช้าเธอไม่ทันระวังทำให้เขาไม่พอใจ มื้อนี้ก็ถือเป็นการไถ่ โทษแล้วกัน
จุดเทียนเสร็จ จารวีก็นั่งลงที่เก้าอี้โซฟา มองไปใน ค่ำคืนที่ว่างเปล่า
ก็เห็นแสงของดวงดาวเส้นหนึ่งถูกวาดลงมาในยาม ราตรี แสงสว่างเป็นเส้นโค้งยาวถูกทอดลงมาจากท้องฟ้า
ดาวตก!!
จารวีมองไปที่ดาวตกดวงนั้นอย่างตื่นตาตื่นใจ นึก ย้อนความหลังไปเมื่อสมัยยังเป็นเด็กน้อย
ตอนนั้น ก็ยืนอยู่ที่ชั้นบนสุดที่ระเบียงแบบนี้
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งยืนกอดตุ๊กตาแกะ กระพริบ ตาปริบๆมองไปบนท้องฟ้า
“พี่มนต์ พี่บอกว่าคืนนี้จะมีดาวตก แต่ทำไมไม่เห็นจะมี อะไรเลยล่ะ?”
มนต์ตรีนั่งลงข้างๆเธอ พร้อมกับหัวเราะ “มีแค่คนที่ จิตใจบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะมองเห็นดาวตก วีเองก็ต้องมีใจที่ บริสุทธิ์นะ!”
“อืม!” เด็กน้อยพยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง ดาวตกจ๋า ดาวตก ฉันรอคอยการปรากฏตัวของเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ฉันมี ความปรารถนาที่จะขอจากเธอนะ
เด็กน้อยคิดอยู่ในใจ คิดจบก็ลืมตาขึ้นมา เห็นดาวตก กำลังทอดลงมาจากบนท้องฟ้าพอดี เด็กน้อยดีใจจนตะโกน
ออกมา
“ดาวตก! ดาวตก”
“ฮ่ะๆ จารวีรีบขอพรเร็ว” มนต์ตรียิ้ม ในมือถือรีโมท แปลกๆอยู่เครื่องหนึ่ง
เด็กน้อยรีบหลับตาอย่างเร็ว “ฉันขออธิษฐานว่า ขอ ให้ฉันโตไปเป็นเจ้าหญิงที่ขาวดุจหิมะ และได้อยู่กับพี่มนต์ ตลอดไป”
เด็กน้อยอธิษฐานจบ ก็ลืมตามองไปที่มนต์ตรี แววตา เต็มเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสา
“พี่มนต์ คำอธิษฐานของวีจะกลายเป็นจริงไหมคะ?”
“เป็นจริงแน่นอนสิ วีขอพรทั้งที ดาวตกจะต้องช่วยให้คำ อธิษฐานของวีเป็นจริงแน่
“พี่มนต์ อะไรอยู่บนมือของพี่หรอ?”
“นี่คือไม้คฑาวิเศษที่ใช้เรียกดาวตกไง!” มนต์ตรียิ้มอย่างมีเล่ห์กล
“หรอ งั้น ขอดาวตกอีกดวงได้ไหมคะ”
“ได้สิ! วีนี่โลภเหมือนกันนะ” มนต์ตรีหัวเราะ
“วียังต้องอธิษฐานให้พี่มนต์เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวด้วยสิ ไม่อย่างนั้นเราสองคนจะอยู่ด้วยกันได้ยังไงล่ะ!
“อืมใช่! ” มนต์ตรียื่นมือออกไปทำท่าท่าหนึ่ง เพียงชั่วครู่ เด็กน้อยก็ตื่นตกใจรีบตะโกนออกมา “ดาวตก! มีดาวตกอีก ดวงจริงๆด้วย!”
“คุณจารวีคะ น้ำผลไม้ที่สั่งได้แล้วค่ะ”
จารวีหันกลับมาตามเสียงเรียกของน้าอาม หยุดความ หลังของเธอลง และรับน้ำผลไม้มา
“ขอบคุณค่ะน้าอาม
“ไม่เป็นไรค่ะ” น้าหันหลังเดินกลับไป
จารวีมองไปบนท้องฟ้า เหม่อลอยพร่ำเพ้อถึงพี่มนต์!! พี่มนต์ที่เคยเรียกดาวตกมาเพื่อเธอ ไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
แล้ว!!
“อ่ะแฮ่ม…”
มีเสียงกระแอ่มดังขึ้นจากทางด้านหลัง จารวีหันหลัง
กลับไป
รูปร่างที่สูงชะลูดของยศพล ถูกส่องทอดมาสู่สายตา ของเธอ เขายืนอยู่ที่ประตู ปากโค้งสวยยิ้มอย่างชั่วร้าย ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“มาหอมฉันหน่อยสิ”
จารวียิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปหา
เพิ่งจะเดินไปถึงตรงหน้าของเขา จู่ๆยศพลก็ยื่นมือที่ ซ่อนไว้ด้านหลังออกมาข้างหน้า
ดอกกุหลาบสีน้ำเงินช่อใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของ
เธอภายในชั่วพริบตา กลิ่นหอมหวนของกุหลาบฟุ้งกระจาย ไปทั่ว สีน้ำเงินสีแห่งความเย้ายวน
“นี่ ดอกไม้นี้แพงมากเลยนะ ได้ยินมาว่าดอกหนึ่งนี่ หลายร้อยเลย ฟุ่มเฟือยมากไปหรือเปล่า”
ยศพลยัดดอกไม้ใส่ในมือจารวี เธอกอบกุมดอกไม้ สีน้ำเงินแห่งความเย้ายวนเอาไว้ และยิ้มอย่างซื่อๆ
ยศพลเป็นผู้ชายคนแรกที่ให้ดอกกุหลาบเธอ ไม่รู้ ทำไม แต่รู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาจะไหลออกมา
“อย่าเพิ่งซาบซึ้งสิ ยังมีอีกอย่าง…
ยศพลเปลี่ยนวิธีการเล่นเกม หยิบกล่องแหวนคริสตัล กล่องหนึ่งออกมา บนกล่องยังสลักกามเทพตัวน้อยไว้
เปิดกล่องออกมา ด้านในเป็นแหวนส่องแสงระยิบ ระยับวงหนึ่ง
ด้านบนเป็นเพชรสีแดงเม็ดหนึ่ง สลักเป็นรูปหัวใจ
สวยมากก….
“นี่…. ” จารวิ่งงๆ รีบดันกลับไป “นี่มันแพงเกินไปแล้ว ฉัน รับไว้ไม่ได้หรอก”
ยศพลไม่พูดพร่ำทำเพลงจับมือของจารวีมาใส่แหวน
“เธอกล้าไม่รับหรอ?”
โทนเสียงที่ใช้อำนาจ ความหมายก็คือ ถ้าเกิดเธอไม่
รับไว้ เธอตายแน่
แหวนถูกสวมไว้ที่นิ้วมือเรียวสวยของจารวี มองแล้ว
สวยมาก
โดยเฉพาะเพชรสีแดงเม็ดนั้น ส่องแสงวาววับ
สว่างไสว
จารวีมองมือตัวเองด้วยใบหน้าที่กลัดกลุ้ม พร้อมกับ ถอดแหวนออกมา “ยศพล ข้อตกลงของพวกเรามีแค่เดือนเดียวเท่านั้น แหวนวงนี้ไม่จำเป็นหรอก!”
สีหน้าของยศพลเปลี่ยนไปทันที เจ้าพ่ออย่างเขาให้ แหวนกับผู้หญิงครั้งแรก คิดไม่ถึงว่าจะถูกเธอปฏิเสธ
ริมฝีปากถูกเม้มเข้าหากันอย่างไม่พอใจ สายตามอง ไปที่จารวีอย่างหงุดหงิด
“งั้นก็ใส่ไว้เดือนหนึ่งนั่นล่ะ ครบกำหนดแล้วก็ค่อยคืน ฉันก็แล้วกัน ฉันไม่ชอบเห็นผู้หญิงของฉันไม่มีของประดับ อะไรที่พอไปวัดไปวาได้อยู่บนร่างกายเลย”
“อ๋อ! ” จารวีเอาแหวนใส่กลับไปที่เดิม
รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เธอคือสัตว์เลี้ยงของเขา จะออกไปไหนก็ต้องคิดถึงหน้าตาเขาบ้าง
โอเค! ขอยืมใช้สักเดือนหนึ่งก็แล้วกัน!
เดิมทีควรจะเป็นดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่โรแมนติก แต่ จารวีกลับทำเขาอารมณ์เสียสะแล้ว
ให้ตายซิผู้หญิงคนนี้ ทำไมจะต้องพูดถึงหนึ่งเดือนนั่น ด้วย เธออยากจะไปจากเขาจนทนรอไม่ไหวแล้วใช่ไหม?
“จารวี!”
“หืม!” จารวียังคงกอดดอกกุหลาบสีน้ำเงินช่อใหญ่เอาไว้ มองไปที่เขาอย่างเลิ่กลั่ก
“ดินเนอร์ใต้แสงเทียน ทำไมมีแต่เทียน ไม่มีอาหารล่ะ
จารวีรู้สึกจนตรอก “เอ่อ ก็มีน้ำผลไม้อยู่ไม่ใช่หรอ?”
“เฮอะ น้ำผลไม้เรียกว่าอาหารค่ำหรือไง? เธอเข้าใจ อะไรผิดหรือเปล่า?”
อารมณ์ของยศพลพุ่งถึงขีดสุด โกรธอย่างไม่ลืมหู ลืมตา เมื่อกี้ยังให้แหวนส่งดอกไม้กันอยู่เลย ชั่วพริบตา เดียวก็เริ่มพูดจาป่าเถื่อนอีกแล้ว
“เอ่อ เค้กนั่นยังเหลืออยู่ไหม ฉันจะไปหยิบมาให้” จารวี
ยิ้มแหยๆ
“กินหมดแล้ว!! ” ยศพลพูดอย่างเย็นชา
ให้ตายซิผู้หญิงคนนี้ ฝีมือทำกับข้าวก็ดี เค้กก็ทำอร่อย ขนาดนั้น เขากินสะพุงกางเลย
“แต่ว่า มีตั้งแปดชิ้นนิ….” จารวีตกใจหนักมาก เธอไม่ อยากจะเชื่อ คิดไม่ถึงว่ายศพลจะเจริญอาหารขนาดนี้ อีก อย่าง เขาเป็นถึงประธานบริษัท ST กรุ๊ปจำกัด ที่ดูมีภูมิฐาน มาก แต่กลับไม่มีเค้กกินอย่างนั้นหรอ?
“ปัง! เธอนับผิดแล้ว! มีแค่เจ็ดชิ้นต่างหาก… ” ยศพล เถียงกลับ ยังไงสะก็กินลงท้องไปแล้ว เธอไม่มีหลักฐานอยู่ดี
เอาเถอะ ถึงจะมีเจ็ดชิ้นแต่ยังไงสะก็ชิ้นใหญ่มากอยู่ดี ยศพลยกมือลูบหัวตัวเอง ไม่แน่เธออาจจะนับถูกแล้วก็ได้
“งั้น คุณรอก่อน เดี๋ยวฉันไปอบเพิ่มให้
จารวียิ้มแห้งๆ เตรียมตัววิ่งหนี
ยศพลตะหวัดแขนออกไป ดึงตัวเธอกลับมานั่งบนตัก
จริงๆแล้วเค้กแปดชิ้นนั่น ก็ทำเขาอิ่มพุงกาง จนกิน
อะไรไม่ลงแล้ว
แต่ในดวงตาสดใสของผู้หญิงตรงหน้า กลับคิดถึงแต่
มื้ออาหาร
ผมยาวสละสลวยของจารวีสะบัดไหวพลิ้วอยู่บนบ่า บนร่างกายสวมใส่ชุดกระโปรงลายขวางสีน้ำเงินขาวยาวไป จนถึงหัวเข่า กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกกุหลาบติดอยู่ทั่วทั้ง
ตัว
ริมฝีปากที่แดงระเรื่อชักชวนให้ลิ้มลอง ยศพลขยับ ร่างกายให้แนบชิดมากขึ้น เอามือโอบกอดไปที่เอวเล็ก ออกแรงดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตน
เสียงทุ้มต่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยเลศนัย “ที่นี่ก็มีของกินอยู่ไม่ใช่หรอ ไม่ต้องไปหรอก”
“มีที่ไหนล่ะ?” จารวีมองไปรอบๆตัว คิดว่ามีของกินอยู่
จริงๆ
จู่ๆ ก็มีบางสิ่งที่แข็งตัวอยู่ตรงหว่างขาดุนดันขึ้นมา
จารวีเงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก ก็เห็นสายตาที่เต็ม ไปด้วยความต้องการของยศพล เธอก็เข้าใจในทันที
สิ่งที่เขาต้องการจะกินก็คือเธอ
เธอตกใจเตรียมจะวิ่งหนี ยศพลมีหรือจะยอมปล่อย เหยื่อไปง่ายๆ
“จารวี ฉันเพิ่งจะรู้นะ ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเธอจะ ช้าขนาดนี้”
ยศพลหัวเราะเยาะ ค่อยๆเลื่อนมือเข้าไปใต้กระโปรง ของจารวี กระโปรงบางที่กั้นอยู่ ถูกยั่วยวนอย่างเอาแต่ใจ
ริมฝีปากแดงระเรื่อของจารวีถูกบดจูบอย่างเร่าร้อน ลิ้นเกี่ยวกระหวัดพันกัน จนลมหายใจของจารวีเริ่มติดขัด
ยศพลจับขาทั้งสองข้างของจารวีแยกออกจากกัน จับ ตัวเธอหมุนประจันหน้ากับเขา
จารวีที่ถูกเขาจูบอย่างร้อนแรง จนรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ในสายน้ำ ร่างกายค่อยๆอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอด ของเขา ความปรารถนาที่เร่าร้อนภายล่างค่อยๆคืบขลาน
เข้ามา
“อ๊ะ……อื้ออ….”
ยศพลซุกหน้าไซร้ลงบนซอกคอของเธอ เส้นผมบาง ปกคลุมอยู่บนใบหน้า ลมหายใจของเขาเริ่มมากขึ้น
เขากระชากสายเดรสร่วงลงจากบ่าของเธอ ริมฝีปาก หยุดลงมาอยู่ที่ไหปลาร้า จูบสลับไปมา และค่อยๆไล่จูบลง มาเรื่อยๆ
ความปรารถนา ทำให้ค่ำคืนนี้ค่อยๆโรแมนติกเพิ่มมาก
ขึ้น
กลิ่นหอมเย้ายวนของดอกไม้ฟุ้งกระจายไปทั่ว มอง ไปจะเห็นดาวตกอยู่ในที่ไกลๆอย่างต่อเนื่อง สวยจนตาลาย
จารวีที่อยู่ภายใต้ร่างที่กำลังคลุ้มคลั่งของยศพล ก็
หมดสติลง
เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ยศพลก็มองเธออย่างดูถูก
เขานอนตะแคงซ้าย มือเท้าคาง ในดวงตารูปงามเต็ม
ไปด้วยความไม่พอใจ
“นึกไม่ถึงเลย ว่าร่างกายจะแย่ขนาดนี้?”
เธอร่างกายแย่ตรงไหนกัน? พูดให้ถูกก็คือเขาคึกเกิน
ไปต่างหากล่ะ
ผ้าห่มถูกปัดลงไปด้านล่าง มือหนาของเขาก็ไม่ได้ ว่าง ค่อยๆลูบคลำมาบนร่างกายเปลือยเปล่าของเธอ
จารวียื่นมือผลักเขาออก “ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ”
ลงมาจากเตียง จารวีถึงกับขาสั่น จนเกือบจะล้มลงไป
จริงๆแล้ว หลังจากที่พี่เสียไป เธอก็ตกอยู่ในสถานะ นางบำเรอ ตอนนี้ก็ถูกเขาเสพสุขจนแทบไม่เหลือชิ้นดี
เดินไปไม่ถึงก้าว เธอก็ถูกยศพลดึงกลับลงมาบนเตียง
ยศพลคล่อมตัวเธอเอาไว้ บนร่างกายของจาร ไม่มี
เสื้อผ้าอยู่เลยสักชิ้น
ร่างกายทั้งสองก็แนบชิดกันไปโดยปริยาย จารวีรู้สึก
ไม่เป็นอิสระอย่างมาก
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็พักผ่อนอยู่ที่นี่สะ รอจนกว่า ร่างกายจะหายดีแล้วค่อยกลับไปเรียน
“ไม่ได้ ถ้าแบบนั้นฉันต้องขาดเรียนไปหลายคาบเลย”
“เธอแน่ใจว่ายังอยากจะเรียนอยู่ใช่ไหม?”
ดวงตาของยศพลจ้องมองไปที่เธอ
จารวีหน้านิ่งไปในทันที นั่นน่ะสิ เธอยังเรียนได้อยู่อีก หรอ? พี่ก็ตายไปแล้ว ลุงก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนเธอตอนนี้ก็หมดตัวแล้ว
เธอจำต้องคิดถึงเรื่องอนาคตอย่างจริงจังแล้ว คณะที่ เธอเรียนคือเกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้า
“อ้อ ฉันจะไปยื่นคำร้องขอกู้ยืมเงินเรียน”
เธอจะไม่ทิ้งการเรียนของตัวเอง ในตอนนี้ยังสามารถ ทำงานไปเรียนไปก็ได้
ถ้าหากทิ้งแม้กระทั่งการเรียนของตัวเอง เธอก็จะ กลายเป็นเมียเก็บที่ไร้ค่าอย่างเต็มตัว
เกิดเป็นแบบนั้นขึ้นมา เธอเองก็คงจะดูถูกตัวเองอยู่
เหมือนกัน
“ได้ แต่ว่า เธอต้องทำหน้าที่เมียเก็บให้ดีสะก่อน” ยศ พลหยิบบัตรสีทองออกมาหนึ่งใบ วางลงบนมือเธอ
“รหัสผ่านคือ 991314
นี่เป็นบัตรเดียวกับบัตรที่เธอโยนทิ้งไปครั้งที่แล้ว จาร
วีปฏิเสธทันที”
“ฉันไม่เอา ฉันไม่อยากใช้เงินของคุณ”
ยศพลไม่สนใจที่เธอพูด ปล่อยมือออก และกระโดด ลงจากเตียง เดินไปใส่เสื้อผ้าหน้ากระจก
“คนอย่างยศพล มีเงินมากพอที่จะซื้อผู้หญิงอยู่แล้ว เธออยากจะใช้เงินเท่าไรก็ตามใจ แต่ห้ามไปทำเรื่องไม่ดี เด็ดขาด”
จารวีกำบัตรสีทองที่ใช้ร่างกายของตัวเองเข้าแลกไว้ ในมือ ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ
บางที เธอก็ต้องจำใจยอมรับกับความเป็นจริงที่อยู่ตรง
ที่แม้กระทั่งหายใจก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวด
ตกบ่าย น้าอามพาผู้ชายต่างชาติวัยกลางคนเดิน เข้ามา “คุณจารวีคะ นี่คือคุณหมอกรินค่ะ เขาคือคุณหมอที่ เก่งกาจที่สุดในอังกฤษ คุณชายเชิญเขามาตรวจร่างกายคุณ
“เอ่อ น้าอามคะ ฉันไม่ได้ป่วยนะคะ!” จารวีสีหน้างุนงง
“ฮ่ะๆ คุณชายบอกว่าคุณเป็นลมอยู่บ่อยๆ ต้องมีต้นเหตุ อยู่แน่ๆค่ะ” น้ำเสียงของน้าอามแฝงไปด้วยความหมายบาง อย่าง
จารหน้าแดงทันที ต้นเหตุจากไหนล่ะ?
พูดให้ถูก ต้นเหตุก็มาจากคนบ้าพลังอย่างยศพลที่คึก เกินไปนั่นล่ะ คนที่ป่วยน่ะคือเขาไม่ใช่เธอสักหน่อย