ตอนที่ 55 เพื่อคุณพ่อ
ในเช้าวันที่สอง ตอนที่จาร เพิ่งจะตื่นขึ้นมา ก็เห็นยศ พลตื่นอยู่ก่อนแล้ว รูปร่างที่สูงยาวของเขา ถูกสวมใส่ด้วย กางเกงสแล็คสีดำสนิทที่พอดีตัว ผมที่ยุ่งเหยิงถูกฉีดให้เข้า ทรงด้วยสเปรย์ ทุกอย่างดูดีดูสง่าผ่าผายมาก
เขาหันกลับมายิ้มเยาะให้จารวี ใช้สายตามองเธอ อย่างดูถูก “สลบไปอีกแล้วนะ !!”
จาร เอามือกําผ้าห่มไว้แน่น ใบหน้าแดงเถือก ได้แต่
มองค้อนใส่เขา
“ช่างเถอะ งั้นฉันไปก่อนล่ะ นี่ โทรศัพท์เธอ เมื่อคืนนิรัน เอามาให้ เธอพักผ่อนเสร็จแล้ว ก็ให้นิรันไปส่งเธอกลับละ กัน ฉันให้เขารอเธออยู่ข้างนอก”
ยศพลเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
จารวีลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ก็ร่วงลงมาด้วย กระจกรอบด้านสะท้อนเงากลับมาอย่างชัดเจน
เรือนร่างทีขาวผุดผ่อง ทุกส่วนเต็มไปด้วยรอยดูด อย่างบ้าคลั่งของเมื่อคืน
สายตาที่พร่าเลือนเล็กน้อย ยังคงมองเห็นแก้มที่แดง เชือก จารวีรู้สึกมึนงงกับสภาพของตัวเอง นี่มันใช่สภาพของ เด็กนักศึกษาที่ไหนกัน
ตอนที่ลงจากเตียง ก็พบว่าข้อเท้าดีขึ้นแล้ว
น้ำร้อนที่แช่ไปเมื่อวานบวกกับการนวดของยศพล ทำให้ข้อเท้าของเธอหายบวมเป็นปลิดทิ้ง
ลองเดินๆดู ก็เห็นว่ากลับมาเดินได้ปกติแล้ว
จารวีจึงรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
อาบเสร็จก็พันผ้าขนหนูออกมา จู่ๆก็นึกบางอย่างขึ้น มาได้ เลยหันหลังกลับไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ถ้าเกิดว่าเป็นพ่อจริงๆ ก็คงจะส่งข้อความมาหาเธออีก
ก็ได้
พอเปิดเครื่องติด ยังไม่ทันที่จะกดดูข้อความ โทรศัพท์ก็ดับลงไปอีกรอบ เพราะแบตหมด
จารวีแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมา เห็นนิรันรออยู่ที่หน้า
ประตูจริงๆ พร้อมกับรถเข็น
“คุณจารวี ข้อเท้าคุณ..
พอเห็นจารวีเดินออกมาอย่างคนสบายดี นิรันก็ตกใจ มาก คุณชายบอกว่าน้ำพุร้อนจะช่วยรักษาอาการเลือดคั่งได้ เป็นอย่างดี ดูๆแล้วคงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“เอ่อ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!
“โอเคครับ!”
หลังจากกลับถึงคฤหาสน์ จารวีไม่คิดที่จะกินอาหาร เช้าเลยแม้แต่น้อย รีบเข้าไปชาร์จแบตโทรศัพท์ในห้อง
หลังจากชาร์จไปได้สิบนาทีก็รีบกดเปิดเครื่องทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง โทรศัพท์ก็มีเสียงติ๊ดติ๊ดแจ้งเตือนเข้า มา พอเปิดดู ก็มีข้อความที่ไม่รู้จักอยู่จริงๆ
ยังคงเป็นประโยคเหมือนเมื่อวาน โรงงานจักรยาน เอกมัย แต่ที่ต่างออกไปคือ ด้านบนมีข้อความเพิ่มมาซึ่งก็คือ สัญลักษณ์บอกเวลา หกโมงเย็น
หมายความว่าเขาต้องการให้เธอไปที่นั่น!
“ทำยังไงดีล่ะ” จารวีรู้สึกกระวนกระวายใจ
จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น จารวีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็ ตกใจ ก้มลงไปเห็นชื่อของทรราชเด้งขึ้นมา
จึงรีบกดรับทันที
“จารวี! ทำไมเพิ่งจะรับโทรศัพท์ตอนนี้! พลยังคงเกรี้ยวกราดเหมือนเดิม
“อ่อ เมื่อกี้โทรศัพท์แบตหมดน่ะ”
” เสียงของยศ
“อย่าลืมกินข้าวเช้า คืนนี้ฉันมีธุระคงไม่ได้กลับ เธอดูแล
ตัวเองดีๆล่ะ”
คุณต้องไปทำงานที่ต่างประเทศหรอ” จารวีถามออก ไป อันที่จริงแล้วเธอไม่ได้สนใจว่าเขาจะไปไหน เธอแค่ ต้องการที่จะอยู่คนเดียวเท่านั้น
“เธอสนใจฉันด้วยหรอ” น้ำเสียงของยศพลบ่งบอกถึง ความดีใจแบบปิดไม่มิด
“เฮอะ ก็ใช่น่ะสิ ถ้าอย่างงั้นฉันอบเค้กให้คุณไปกินบน เครื่องบินละกัน….
“เอาสิ อบไว้เยอะๆล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปกิน
“ตอนบ่ายฉันอยากออกไปซื้อของที่ห้างสักหน่อย ให้นิ รับไปส่งฉันหน่อยได้ไหม?
ถ้าหากว่าเธอบอกว่าจะออกไปคนเดียว เขาคงจะ
ไม่ยอมแน่ๆ เธอรู้จักเขามาตั้งนาน จึงรู้แล้วว่าควรจะทำตัว อย่างไรเมื่ออยู่กับเขา
“จะเอาอะไร ก็ให้น้าอามไปซื้อให้ก็ได้นิ ข้อเท้าเธอเพิ่ง จะหาย ไม่อยากจะมีเท้าเดินแล้วหรือไง”
ยศพลพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“เอ่อ ข้อเท้าฉันดีขึ้นแล้ว ฉันจะเดินช้าๆ พอดีมันเป็นของที่ฉันต้องใช้ ฉันอยากไปเลือกด้วยตัวเอง ไม่อยากใช้น้า อามไปน่ะ”
“งั้นก็ได้ ไปได้แค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น”
ยศพลตัดสายทิ้งอย่างไม่ไยดี ครั้งนี้ จารวีไม่โกรธที่ เขาตัดสายทิ้ง แต่กลับรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
จารวีไม่ได้ต้องการที่จะไปเดินซุปเปอร์อยู่แล้ว แต่ กำลังคิดหาวิธีที่จะไปที่โรงงานจักรยานนั่นต่างหาก
ถ้าเกิดว่าพ่ออยู่ที่นั่นจริงๆ เธอจะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้
จารวีนั่งใจลอยอยู่ในห้องรับแขก เพียงแค่คิดถึง แผนการคืนนี้ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมา
พ่อ !!
ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว พ่อที่อยู่ในความทรงจำ เป็น ผู้ชายที่หล่อมากคนหนึ่ง ฉลาด วิสัยทัศน์ดี ทั้งยังอ่อนโยน และมีเมตตา แถมหน้าที่การงานก็พัฒนาไปอย่างราบรื่น
ชีวิตตอนเด็กของจารวีสมบูรณ์พร้อมมากกว่าเด็กรุ่น เดียวกันสะอึก ตอนนั้น ความสัมพันธ์กับที่บ้านมนต์ตรีก็จัด ว่าดีมาก
คฤหาสน์ทั้งสองหลังแทบจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ หลังจากที่บ้านมนต์ตรีย้ายไปอเมริกาไม่นาน ในบ้านก็เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเช่นนั้นขึ้นมา
เรื่องทั้งหมด ก็เหมือนถูกโยนมาไว้ที่เธอ
เธออยากจะรู้เรื่องพวกนี้ให้ชัดเจน
ในทีวีกําลังออกอากาศข่าวบริษัทซัวกรุ๊ปจำกัดที่ อเมริกาได้ทำการลงทุน XX ร้อยล้านเข้าไปที่เมือง S อย่าง เผด็จการ ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจของเมือง S เกิดการ ก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว ทั้งอุตสาหกรรมการลงทุน ที่เกี่ยวข้องกับไฟแนนซ์ อิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจการค้าและ อุตสาหกรรมอัญมณีต่างๆ…
จารวีเงยหน้าขึ้นทันที บริษัทซัวกรุ๊ปจํากัด!!!
บนจอทีวีปรากฏใบหน้าที่อ่อนโยนของมนต์ตรี ข้างๆ เขาคือสุรีย์วัลย์ เธอใส่ชุดเดรสกระโปรงขาว ทั้งคู่ยืนอยู่ใต้ แสงไฟ ดูหวานชื่นกันมาก
ไม่ได้เจอมนต์ตรีตั้งหลายวันแล้ว พอได้มาเห็นเขา แบบนี้ ในใจของจารวีก็รู้สึกขมขื่นมาก
“คุณจารวีครับ ถ้าเกิดว่าคุณจะออกไปข้างนอก ตอนนี้ก็ น่าจะได้เวลาแล้วนะครับ
เสียงของนิรันหยุดความคิดของจารวี เธอพยักหน้า ยื่นมือไปกดรีโมทปิดทีวี
มาถึงตอนนี้ เธอไม่ใช่เจ้าหญิงตัวน้อยที่แสนบริสุทธิ์ เหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนนี้เธอมันเป็นแค่เมียเก็บที่สกปรก และน่ารังเกียจ
และเขาก็มีคู่หมั้นที่ดูสง่างดงามยืนอยู่ข้างกายแล้ว
พรหมลิขิตของเธอกับเขา ตั้งแต่นี้ไปก็คงเป็นได้แค่คู่ ขนานที่ไม่มีวันบรรจบกัน
เจ็บปวด ความรู้สึกที่เจ็บปวดนี้ เหมือนกับมหาสมุทรที่ พาเธอจมดิ่งลึกลงไป
จารวีเลือกไปที่ห้างoptinumnanoที่อยู่ใกล้ๆกับเมือง
“พี่รันรอฉันอยู่ข้างล่างนี่ล่ะ เดี๋ยวฉันเข้าไปดูของเอง”
นิรันพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณชายบอกแล้วว่า คุณจารวี เดินเที่ยวได้แค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้นนะครับ
“เฮ้อ คืออย่างงี้ เขากลัวว่าฉันจะเจ็บขาขึ้นอีกมาน่ะ แล้ว อีกอย่างจะหนึ่งหรือสองชั่วโมงมันต่างกันตรงไหนล่ะ ยังไง ซะวันนี้เขาก็ไม่กลับมาอยู่ดี ฉันอยู่แต่ในบ้านอย่างเดียวก็ เบื่อ สู้ขึ้นไปเที่ยวข้างบนนานหน่อยไม่ดีกว่าหรอ”
นิรันก้มหน้าลง “คุณจารวีอย่าทำให้คนรับใช้อย่างผม
ต้องลำบากใจสิครับ”
หลังจากผ่านเรื่องครั้งที่แล้วมา นิรันก็ผ่านการถูก อบรมมาแล้ว เขาไม่กล้าทำอะไรโดยพลการอีกแล้ว
จารวียิ้มเบาๆ โอเค ฉันจะเดินเที่ยวแค่ชั่วโมงเดียว”
จารวีจัดสรรเวลาอย่างดี เดินจนครบหนึ่งชั่วโมง ก็หิ้ว กระเป๋าใบใหญ่เดินออกมา
ยัดเข้าไปในรถ นิรันขึ้นรถ และเตรียมตัวสตาร์ทรถขับ
ออกไป
แต่จารวีโบกมือบอก “ฉันขอไปซื้อชานมไข่มุกก่อน
นิรันพยักหน้ารับ แค่ชานมไข่มุกเท่านั้นเอง
หลังจากจารวีเข้าไปในร้านชานมไข่มุกไม่นานก็กลับ ออกมา แต่ในมือเธอกลับถือชานมไข่มุกออกมาสองแก้ว แก้วหนึ่งวางลงบนมือของนิรันอย่างมีน้ำใจ
แก้วนี้ฉันเลี้ยงพี่รัน ลำบากแย่เลย” “
นิรันพยักหน้ารับ ตอบขอบคุณกลับอย่างสุภาพ เตรียมเอาชานมไข่มุกวางไว้บนแท่นหน้ารถคนขับ
แต่จารวีพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน “ลองดื่มดูก่อนสิว่า อร่อยไหม ถ้าอร่อย ฉันจะซื้อกลับไปให้น้าอามอีกแก้ว ”
ในตานิรันเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ จารวี ผู้หญิงคนนี้เป็นคนดีจริงๆ ดูแลคนรับใช้ทุกคนอย่างทั่วถึง
แก้วชานมไข่มุกถูกดื่มจนหมด แต่ว่า….ทำไมถึงเวียน
หัวขนาดนี้ล่ะ?
เมื่อเห็นนิรันฟุบหน้าหลับบนแท่นคนขับรถ ในตาของ จารวีก็ฉายแววพึงพอใจออกมา
คุณสมบัติของยาตัวนี้ดีจริงๆแฮะ
จารวีปิดประตูรถลง พร้อมกับเดิมอ้อมไปอีกฝั่งของ
ห้าง
สีของท้องฟ้าค่อยๆมืดลง เมืองเก่าแถบนี้ไม่ค่อย ครึกครื้นเจริญรุ่งเรืองเท่าเมืองใหม่ แม้กระทั่งหลอดไฟก็ สว่างอยู่แค่แถบเดียว
จารวีเพียงแค่คิดว่าจะได้พ่อ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ไม่นาน เสียงฝีเท้าของเธอ ก็หยุดอยู่ที่หน้าประตู เหล็กของโรงงานจักรยาน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เห็นว่า ไม่เร็วไม่ช้าจนเกินไป หกโมงเย็นพอดี
เธอลองคิดคำนวณดูแล้ว ยานอนหลับน่าจะมีฤทธิ์ยา อยู่ประมาณสามชั่วโมง ในสามชั่วโมงนี้เธอจะจัดการเรื่อง ต่างๆให้เรียบร้อย แล้วค่อยกลับไปหานิรัน หลังจากนั้นก็ทำ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…
“มีคนอยู่ไหมคะ ” จารวีเคาะเบาๆไปบนประตูเหล็กซ้ำไป ซ้ำมา ในเวลาพลบค่ำแบบนี้ทำให้ดูวังเวงมาก
ที่นี่ค่อนข้างมืด แม้กระทั่งไฟข้างทางก็ไม่มี จารวี จําเป็นต้องเอาไฟฉายจากโทรศัพท์ขึ้นมาส่อง
อันที่จริงแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าก่อนหน้านี้เธอเคยเห็น พ่อปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เธอก็คงจะไม่กล้ามาแน่นอน
ไหนจะเรื่องวิปริตที่นิรันเคยพูดถึง ทำให้รู้สึกเธอ
กังวลใจอยู่พอควร
ผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงฝีเท้าที่ก้าวข้ามมาอย่างรีบร้อน
จารวียิ่งตื่นเต้นมากขึ้น เตรียมจะเคาะประตูอีกรอบ
แต่จู่ๆประตูเล็กด้านซ้ายของประตูเหล็กก็ถูกเปิดออก
พร้อมกับเสียงอัดอาดที่ตามมา เงามืดถูกปรากฏแก่สายตา
จารวียกไฟโทรศัพท์ส่องขึ้นดู
ใบหน้าคนนั้นถูกไฟส่องสว่างขึ้นมา บนหน้าเต็มไป ด้วยหนวดรกรุงรัง เส้นผมสีขาวเทา ตามรอยย่นบนหน้า เต็มไปด้วยคราบสกปรก เสื้อผ้าบนตัวก็ขาดรุ่งริ่ง จะมีก็แต่ รองเท้าหนังที่สะอาดวาววับ ซึ่งดูแล้วไม่เข้ากันกับเสื้อผ้า บนตัวเลยสักนิด
จารวีตกใจจนถอยหลังออกมา คนๆนั้นรีบเอามืออุดปากเธอทันที
“วี วี นี่ลุงเอง…”
เสียงแหบแห้ง ค่อยๆซ้อนทับเข้ามาในความทรงจํา ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนๆนี้จะเป็นลุงเฉลิมชัย
ถึงแม้ว่าแต่ก่อนจะเคยเจอเขาที่โรงพยาบาลตอนที่ สลบก็ตาม แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ดูตกอับเหมือนกับตอนนี้
รูปร่างที่เคยอ้วนท้วมสมบูรณ์ ก็กลายเป็นผอมแห้ง เหมือนกับผ่านเรื่องราวที่น่ากลัวมาอย่างไรอย่างนั้น
“ คุณลุง มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
“วี รีบเข้ามาก่อนเถอะ ลุงมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย”
จารวีมองไปที่เขาอย่างกังวล “คุณลุง กลับไปกลับวี เถอะค่ะ อย่าอยู่ที่นี่เลย ที่นี่มันดูอึมครึมน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้…
เพียงแค่ยืนอยู่ด้านนอก จารวีก็รู้สึกได้ว่าที่นี่น่ากลัว มาก ให้เธอเข้าไปด้านใน คงจะไม่ไหวจริงๆ
เฉลิมชัยมองเธออย่างกระสับกระส่ายใจ ถ้าเกิดให้เขา ออกไป คงจะอันตรายมากแน่ๆ…
“วี เข้ามาข้างในกับลุงก่อน ลุงมีหลายเรื่องเกี่ยวกับพ่อ ที่อยากจะบอก”
“พ่อ… หลายวันมานี้เขาอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ”
เฉลิมชัยชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง “วีเข้ามาก่อนเถอะ ไม่อย่าง
งั้น… ลุงจะไปละนะ
ขึ้นอยู่ข้างนอกนานกว่านี้ คงเป็นอันตรายแน่ เฉลิมชัย มองไปรอบๆด้าน
“ก็ได้ค่ะ วีจะเข้าไปกับคุณลุง…
จารวีตัดสินใจก้าวเข้าไป
เฉลิมชัยหันกลับมาบอกเธอ “ปิดไฟฉายสะ แถวนี้มียัง มีคนอยู่ เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า
“ได้ค่ะ!”
จารวีปิดไฟฉายลง หลังจากนั้นเฉลิมชัยก็รีบปิดประตู
เหล็กทันที
จารวีหงุดหงิดนิดหน่อย เพราะรู้สึกว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย
เอามากๆ
แต่เพื่อเรื่องของพ่อ เธอจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใดๆ