ข้างหน้าเหมือนเป็นหมอก ครึ้ม เดินไปไม่ถึงจุดสิ้นสุด ก มีเสียง คอยเรียกหาเธอในท่ามกลางหมอกที่ ครีม
",…”
",…. ”
“,”
เสียง ช่างคุ้นเคย จารวีใสชุดนอนสีขาว เดินไปข้างหน้าอย่าง ช้าๆ เธอสับสนและเดียวดาย
ทันใดนั้นหมอกที่หนาทีบก็คอยๆจางหายไป มีใบหน้าญาติคน สนิทที่แสนคุ้นเคยปรากฏเข้ามาในสายตาของเธอ
นั่นก็คือแม่ แล้วก็พ่อ พี่ยุพิน แล้วยังมีคุณลุงเฉลิมชัยอีก
พวกเขายืนอยู่ตรงสุดปลายทางท่ามกลางหมอกหนาทึบ โบกมือเรียกจารวีอย่างสุดกำลัง
” รีบมาเร็ว รีบมาเร็วเข้า…”
ทันใดนั้น มีคนซึ่งโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ กำลังถึงปืนและจ่อไปที่ พ่อกับแม่
จาร ตกตะลึงงัน ห้ามเขาอย่างลุกลี้ลุกลน “อย่ายิงนะ อย่ายิง นะ แมรีบวิ่งเร็วเข้า พ่อรีบหนีไป.. ”
“ปัง ปัง…” มีเสียงปืนดังขึ้นสองนัด พ่อกับแม่ล้มลง ไปในกองเลือด
จาร ตกใจจนนิ่งไป แม้แต่ลมหายใจก็ยังหยุดนิ่งไป เธอวิ่ง เข้าไปหาแม่ของเธออย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปไกลเท่าไหร่ก็ไม่ ถึงสักที ยังดูเหมือนจะยิ่งไกลกว่าเดิมด้วยซ้ำ
", ม… ” กรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนราวกับปอด และหัวใจถูกฉีกแยกจากกัน
มีเสียงปืนดังขึ้นอีกสองนัด ยูฟีนกับเฉลิมชัยลับในกองเลือด
"อย่านะ “จารวีเจ็บปวดใจจนเป็นตะคริว เจ็บปวด รวดร้าวราวกับถูกโยนลงไปในเครื่องปั่น
ทันใดนั้น คนที่ถือปืนก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของจารวี
ปากกระบอกปืนสีดำาจ่อไปที่หัวใจของจารวี ดวงตาสีตาที่มอง เธอเต็มไปด้วยความคับแค้นใจอย่างรุนแรง
" ;คนในบ้านพูลสวัสดิ์ไม่มีอะไรดี คนในบ้านพูลสวัสดิ์ สมควรตายทั้งหมด…"
ในตอนที่จารวีมองใบหน้าของคนตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้วเธอ ก็ตกตะลึงจนขามั้งสองขยับไปไหนไม่ได้
“คนในบ้านพูลสวัสดิ์สมควรตายทุกคน คนในบ้านพูลสวัสดิ์ สมควรตายทุกคน….”
คำสาปแข่งที่พ่นออกมาเสียงเบาๆเหมือนจะเร่งให้ไปตาย ทําให้จารวีหนีไปไหนไม่ได้
ทันทีที่เธอหลับตาลง แสงแดดอันอบอุ่นสาดส่องเข้ามาผ่าน ทางหน้าต่างปัดเป่าฝันร้ายที่น่ากลัว จารวีเหงื่อท่วมกาย หัวใจยังเต้น ไม่หยุดด้วยความหวาดกลัว
เห็นชัดว่าเป็นแค่ความฝัน แต่ทําไมมันสมจริงขนาดนี้
จารวี..”
เสียงที่เต็มไปด้วยความแหบออกมาจากประตูห้อง จารวิตกใจ
ไปยกใหญ่
เพราะว่าในเนเธอตกใจ ประกอบกับตอนนั้นยศพลตะโกนออก มา เธอจึงร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ยศพลงมาแต่ไกลจากข้างนอก เสื้อยืดสีขาวที่มีเหงื่อ
โชกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกายที่แข็งแรงดังสิงโตที่มี อำนาจเป็นเผด็จการ ซึ่งเป็นอะไรยั่วยวนมาก กำลังมองจารวีที่มี ปฏิกิริยาที่ผิดไปจากปกติ
ยศพลก้าวเท้ายาวเข้ามานั่งอยู่ข้างกายของจารวีแล้วยื่นมือไป
ลูบหน้าผากของเธอ
;เธอกลัวอะไรอยู่เหรอ?"
จารยิ้มอย่างอ่อนแอ อยู่ดีๆเธอก็รู้สึกกลัวมากไป เป็นไปได้ เปล่าว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคือฆาตกร
ความฝันนั้นเกินจริงมากจนทำให้เธอกลัวซะจนรู้สึกหายใจไม่
อยออก
" ยศพล ฉันอยากพบคุณลุง ฉันมีเรื่องอยากจะถามอะไร เราสักหน่อย"
ยศพลแสดงถึงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้า แล้วลุกขึ้นยืน เดินตรงไปที่ห้องน้ำ "ตอนนี้เขาถูกรับโทษอยู่ในเรือนจำ ไม่ใช่ ว่าใครอยากจะเยี่ยมก็เข้าไปเยี่ยมได้”
จาร ลงมาจากเตียงด้วยอาการเชจนเกือบจะสม ยศพล มือ ทั้งสองจับเธอไว้
;เธอระวังกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง เธอหวังว่าผมจะเลี้ยงดู เธอไปตลอดชีวิตได้เหรอ" ; ยศพลตำหนิด้วยความไม่พอใจ เขา ต้องการให้จารวิเคารพเกรงกลัวเขาและทำให้เธอยอมจำนน ไม่ทำใน สิ่งที่ตนเสนอมาเมื่อสักครู่
“บศพล นายเป็นซีอีโอของบริษัทSTกรุ๊ป นายมีอำนาจ ขนาดที่จะเรียกลมเรียกฝนได้ มีชื่อเสียงกึกก้องในประเทศ ฉันรู้ กำเกิดนายออกโรง ฉันก็ต้องพบคุณลุงได้อย่างแน่นอน ขอร้องล่ะ นั้นมี เรื่องสำคัญจริงๆ ที่ต้องถามคุณลุงน่ ”
จารวีเข้ามาใกล้และขอร้องอย่างสิ้นหวัง
ยศพลโยนจารวีลงบนเตียงอย่างแรง จากนั้นก็หันตัวกลับเดิน ไปทางห้องนํ้า
"
จารวี ผมคงต้องทําให้เข้าใจสถานะของตัวเองให้ชัดเจน
หน่อยละอย่ามาชี้นิ้วสั่งผม…"
;
“ปัง!” พอยศพลเข้าห้องนํ้า ปิดประตูห้องน้ำเสียง ง
ทำไมเขาต้องมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่รุนแรงขนาดนั้น
ใจของจารวีรวงไปถึงตาตุ่ม แต่สักพักก็สงบลงได้ หรือว่าความ ฝันน่นจะเป็นเรื่องจริงน่ะ
ตอนนี้เธอควรทําอย่างไร ยศพลโกรธจนเดือดดาล เป็นแค่ครั้ง คราวเท่านั้นที่จะซื้อใจของเธอด้วยความโรแมนติกและอบอุ่นได้
เธอไม่ใช่หุ่นเชิด และก็ไม่ใช่คนโง่ บางทีก็หลงมัวเมากับหลุม พรางที่อบอุ่นของเขา
เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
เธอจะต้องหาวิธีรู้ว่าคุณลุงตกอยู่ในสภาพแบบนี้ยังไงให้ได้
ใช่แล้ว ไปหา มนต์ เขาก็ต้องมีอิทธิพลในเมืองเอสเหมือน กันแน่ๆ ถ้าต้องการไปที่เรือนจําเพื่อสอบถามเกี่ยวกับที่อยู่ของคนที่ สาบสูญไปของคุณลุงคงไม่มีปัญหาอะไร
ยศพลอาบน้ำเสร็จ พอออกมาก็ไม่เห็นจารวีอยู่ในห้องนอนแล้ว
บผู้หญิงรมดา ตายคนนี้ ในสมองของเธอคงไม่ได้เอาไว้ใส่มั้ง พอถึงตอนนี้ยังจะนึกถึงลงที่ตายไปแล้วอีก
บ้าซิบ ไอ้โง่นั่นมันมีอะไรดีนะ
ในห้องรับแขก จารวิสามชุดเดรสสีฟ้าอ่อน นั่งกอดเข่าอยู่บน โซฟา ตาจ้องมองไปที่หน้าจอแอลซีดีทีวีอย่างว่างเปล่า
พอเขาเดินใกล้เข้ามาอีกนิด ไม่นึกเลยว่าเธอจะร้องอยู่ ดวงตา ทั้งสองเป็นสีแดงราวกับตาของกระต่าย
ใจของยศพลถูกอะไรบางอย่างสัมผัสจนรู้สึกหวั่นไหวและนุ่ม นวลลง เขาเริ่มผิดหวังที่ตอนเช้าตนเองโหดร้ายกับเธอมากเกินไป
เขายื่นมือออกไปจับไหล่ของจารวี แล้วดึงเธอมาไว้ในอ้อมอก จากนั้นก็เช็ดน้าตาที่หางตาของเธอ
" ;ร้องไห้ทําไม?"
คําพูดที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัดออกมาจากปาก ของยศพล ไม่มีน้ำเสียงที่เสียดสีหรือถากถางเลยแม้แต่น้อย
จารวิตอต้านเขาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เธอถูกกอดไว้ใน อ้อมอกของเขาแต่กลับหันหน้าไปทางอื่น ไม่มองหน้าของเขา
สายตาของยศพลมองลอยๆไปที่หน้าจอทีวี เป็นช็อตที่พระเอก จุดดอกไม้ไฟให้นางเอง เพราะสิ่งนี้น่ะเหรอ
“เธอชอบดอกไม้ไฟเหรอ”
ในสมองของจารวียังคงหยุดอยู่ที่ภาพในจอโทรทัศน์ที่อยู่ ด้านหน้า พระเอกตามหานางมาหลายปี ในที่สุดก็ตามหานางเองจน พบ แต่ว่านางเอกกลับเป็นมะเร็ง ในวินาทีสุดท้ายของชีวิตนางเอก พระเอกที่ทําตามสัญญาที่เคยพูดไว้ในปีนั้นของเขา คือให้นางเอก สวมชุดแต่งงาน แล้วให้เธอเดินเข้าไปในห้องโถงที่จัดงานแต่ง ใน พริบตาเดียวพลุ กระจายเต็มท้องฟ้าราวกับนางฟ้าโรยดอกไม้ลงมา
จหวิรู้สึกถึงความรักที่มีกับมนต์ตรีอย่างไม่รู้ตัว เหมือนกับว่า จะเป็นวันนั้นที่มีดอกไม้ไฟเต็มฟ้า ในตอนที่ไปมัลดีฟส์คราวก่อนที เขาจุดดอกไม้ไฟให้กับเธอ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้พบกับเขา
โชคชะตานะ เป็นเรื่องตลกที่น่ารังเกียจที่สุด มันน่าสิ่งที่ ชอบพอและโปรดปรานออกไป แต่ผลักดันสิ่งที่ไม่ต้องการเข้ามา แทน
;จารวี เธออายุกี่ปีแล้ว? เค้าแค่จุดดอกไม้ไฟเธอก็งขนาด
นี้นะ”
ยศพลไม่ได้เหยียดหยาม แต่แอบตลกแบบดาร์คๆ
จารวีปิดจมูกและเช็ดน้ำตาอย่างระมัดระวัง จากนั้นพูดต่อว่า “นายไม่เข้าใจหรอก นี้เรียกว่าความรักที่แท้จริง"
“ความรักมันกินได้รึเปล่า?ไม่เห็นจะมีประโยชน์ไรเลยสักนิด..
“ใช่ส์ ผู้ชายที่เกิดมาพร้อมกับกุญแจสีทองเหมือนนาย มีชีวิตที่ดี ตั้งแต่เด็ก อยากได้อะไรก็ได้สมปรารถนา แถมยังไม่เคยขาดผู้หญิง ข้างกายเลย เพราะฉะนั้น นายเลยไม่เข้าใจ ว่าความรัก”
จารวีพูดออกไปเยอะมาก ยศพลจึงหันมองเธออย่างไม่ตั้งใจ
“สักวันนึง เธอก็จะเข้าใจ ว่าความโรแมนติกมันไม่มีประโยชน์ อะไรเลยสักนิด”
ยศพลมองนาฬิกาข้อมือแล้วผลักตัวจารออกไป “ฉันยังมีเรื่อง ต้องทำ เธอรออยู่บ้านนะ จำไว้ด้วย ห้ามออกไปไหนเป็นอันขาด แต่ ถ้าเธอไม่อยากจะมีขาแล้ว ก็ออกไปเลยก็ได้นะ”
จารวีอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ที่จริงพูดถึงเรื่องของความรัก กับผู้ชายคนนี้ มันต่างอะไรกับการสนอให้ควายฟังซะที่ไหนล่ะ คน อย่างเขาเนียนะ จะเข้าใจความรัก
ถ้าหวังว่าผู้ชายที่เอาเงินเพื่อแลกซื้อราคะจะเชื่อในเรื่องของความรัก มันต้องเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
“คุณจารวิคะ คุณชายไปทำธุระข้างนอกนะคะ เดี่ยวทานข้าว เสร็จ ฉันจะพาหมอนวดมานวดเท้าให้คุณนะคะ..
น้าอามทําตามคําสั่งของยศพลอย่างจริงจัง
จารวีพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย ยังไงซะเธอไม่ได้มีอำนาจที่จะ ปฏิเสธยศพล เนียศพลต่อราชา คําพูดของเขาคือคำสั่งจากราชา และไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง
จริงๆ
ในตอนเย็นก็มีหมอนวดที่ดูค่อนข้างมืออาชีพเข้ามาหาเธอ
“คุณจารวี สวัสดีค่ะ ดิฉันคือเอมี่ มาเพื่อให้บริการกับคุณคะ..
เทคนิคการนวดที่มีทักษะอย่างมากของเอมี่ ทําให้เท้าของจาร รู้สึกสบายมาก เมื่อเธอนวดได้ครึ่งทาง มือถือของเอมี่ก็ดังขึ้น เอมี่ยัง คงติ้งหน้าตั้งตานวดเท้าของจารวี โดยไม่มีทีท่าว่าจะรับมือถือเลย
จารวีเลยพูดขึ้นมาเพื่อเตือนเธอ “คุณเอมี่ โทรศัพท์คุณตั้งอยู่
ค่ะ”
เอมี่ยิ้มพลางพูดว่า “เป็นกฎของร้านเราน่ะค่ะ ถ้าให้บริการ ลูกค้าอยู่จะไม่รับโทรศัพท์เด็ดขาดค่ะ”
จาร พูดออกมาอย่างเหมาะสม “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้คุณก็ ทํางานอยู่ข้างนอกร้าน แค่ฉันไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ”
เอมี่ลังเลไปชั่วครู่ พอจารวีพูดส่งเสริมอีกสองสามประโยค เธอ ก็ลุกขึ้นมาอย่างดีใจ เช็ดมือให้แห้งแล้วรับมือถือ
การนวดไปหนึ่งชั่วโมงทําให้อาการปวดเท้าของจารวัดขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
เอมี่รับเงินแล้วเตรียมตัวที่จะออกไป
จากมองข้างล่างทั้งสี่ทิศ ไม่มีคน แล้วจับมือเอมี่ไว้แน่น “คุณ เอมีคะ เท่านั้นแพลง ออกไปข้างนอกไม่สะดวก ฉันขอ อมมือก่อ ห้คุณใช้อยู่ตอนนี้ด้วยเงินพันบาทนี้ได้มั้ยคะ ถ้าขิมนี้ไม่ได้สำคัญกับ คุณมากนะคะ
เอมีลังเลไปสักพัก แล้วก็ส่ายหัว “ขอโทษด้วยค่ะ คุณจารวี แต่ ว่าถ้าคุณจารวีต้องการซิมมือถือ ฉันออกไปซื้อให้ก็ได้นะคะ”
จารยิ้มแย้ม นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เอมี่ฉลาดจริงๆ “คุณจารวี
ฉันเห็นว่าคุณเป็นคนดีมาก คุณถูกกักบริเวณในบ้านรึเปล่าคะ อยาก
ให้ฉันแจ้งความให้มั้ยคะ?
ความมีน้ำใจของเอมี่ ทำให้จารวีได้รับกำลังใจอย่างมาก “ฮะๆ ไม่ใช่หรอกค่ะ แคคนในบ้านไม่ให้ฉันติดต่อกับเพื่อนน่ะ ฉันไม่อยาก ให้พวกเขารู้ ดังนั้นเลยอยากจะแอบม ชิมาณโทรหาเพื่อนน่ะ”
เอมี่กระพริบตาถี่ๆ “เรื่องเล็กแค่นี้ ฉันช่วยคุณได้ค่ะ”
หลังจากเอมออกไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอก็กลับมา
ในตอนนั้น จารวีนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก น้าอามไป เปิดประตูแล้วถามอย่างสงสัย “เธอกลับมาอีกทําไม เอมี่ยิ้มพลาง ขอโทษพลาง “หนูลืมหยิบกระเป๋าไปน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ที่ รบกวนพวกคุณ
น้าอามมองเธออย่างหยาบคายไร้มารยาท “จริงๆเลยนะ พวก เธอท่างานไม่รอบคอบเลยจริงๆ
แต่ก็ยังหันมาเปิดประตูให้เอมี่เดินเข้ามา
จารยื่นกระเป๋าสีแดงให้กับเธอ “นี่กระเป๋าของคุณใจมั้ยคะ ฉันเพิ่งจะเห็นน่ะ แต่ไม่รู้เบอร์ของคุณ ฉันเลยไม่ได้โทรไปน่ะค่ะ”
เอมมองเห็นสายตาที่สอเป็นนัยของจารวี ก็ยิ้มแล้วรับกระเป๋า มาพร้อมส่งขิมให้เธออย่างเงียบๆ
เอมี่ยมแล้วเดินจากไป จารวี ซิมมือถือกลางฝ่ามือของตนไว้
“น้าอาม ฉันเหนื่อยนิดหน่อย ขอขึ้นไปนอนพักข้างบน
ก่อนนะ"
น้าอามประคองจาร กลับเข้าไปในบ้าน
จารวิง่วงนอนซะที่ไหน พอเสียงฝีเท้าของน้าอามหายไปแล้ว เธอ ก็กระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว แล้วรีบหยิบมือถือออกมา จาก นั้นก็เอาซิมมือถือ ใส่เข้าไป ต่อสายไปหามนต์ตรี
แปน