บทที่ 40 เป็นฝ่ายรุก(2)
จนถึงตอนกลางวันหลินเวยมี่ถึงจะตื่นขึ้นมา คนข้างๆยังไม่ตื่น เธอหยิบแขนของเขาโยนออกไปไว้ข้างๆด้วยความโกรธ แต่ก็ถูกเขาลุกขึ้นมากอดจากด้านหลัง
ลมหายใจร้อนๆของเขารดอยู่บนต้นคอเธอ จั๊กจี้นิดหน่อย
“ทำไมตื่นเร็วจัง” เสียงของเอาฟังดูยังอู้อี้อยู่ฟังจากเสียงก็รู้ว่าเขายังขี้เกียจอยู่
“ปล่อยนะ” หลินเวยมี่ผลักเขาออกอย่างไม่อ่อนโยน และหันไปมองเขา
“ไอ่หมาบ้า” เธอด่าไปพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวบนพื้นมาห่มตัวเธอไว้อย่างมิดชิด
“ฉู่เฉินซีบอกมาสิว่าจะต้องทำยังไงนายถึงจะปล่อยฉันไป” หลินเวยมี่ยืนถามอยู่ห่างๆ
ฉู่เฉินซีลุกขึ้นมานั่ง สายตาของเขาไม่อาจคาดเดาได้
“ปล่อยไปงั้นหรอ” เขาเดินเข้าไปหาเธอ
สีหน้าของหลินเวยมี่ดูตื่นตกใจ เธอค่อยเดินถอยหลังไป “อย่าเข้ามานะ”
“กลัวผมหรอ”
“ถ้าคุณไม่ยั่วให้ผมโมโห ผมก็อาจจะทำดีกับคุณขึ้นมาหน่อย ถึงยังไงตอนนี้ผมก็ไม่ได้เกลียดคุณ” เขาค่อยๆเดินเข้ามาหาเธอ จนในที่สุดเธอเดินถอยหลังมาติดกำแพง
เขาหายใจรดจมูกเธอ เธอหันหน้าหนี แต่ก็ถูกเขาเอามือมาจับคางให้เงยหน้าขึ้น
“สิ่งไหนที่ผมชอบแล้ว ก็มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ทิ้ง ส่วนคุณเลิกคิดเรื่องหนีไปได้เลย”
“มีสิทธิ์อะไรมาครอบงำฉัน” หลินเวยมี่โมโหเหมือนสัตว์ป่าตัวหนึ่ง มือของเธอผลักไปที่หน้าอกของเขา หน้าแดงเพราะความโกรธ
เธอกลายเป็นของฉู่เฉินซีตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาชอบคิดเองเออเองจริงๆ
ฉู่เฉินซีรู้สึกได้ว่าเธอกำลังโกรธ ก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย และเอาหน้ายื่นเข้าไปใกล้ๆเธอ และหายใจรดหน้าของเธอ
“หลินเวยมี่ คุณวางใจเถอะ อีกไม่เกินหนึ่งอาทิตย์คุณจะเป็นฝ่ายมาขอร้องผมด้วยตัวเอง”
เขาหัวเราะออก ฟังดูเหมือนว่าเขากำลังมีความสุขมาก
ขอร้องเขางั้นหรอ นอกซะจากว่าถ้าเธอว่างมากจริงๆ ถึงจะไปขอร้องปีศาจตนนี้ แต่ว่าถึงเวลานั้นมันจะไม่ได้เป็นการขอร้องแต่กลับเป็นการแลกเปลี่ยนมากกว่า เจ้านี่ไม่เคยทำธุรกิจที่ขาดทุน
“ทำยังไงดีละ ตั้งอีกหนึ่งอาทิตย์กว่าพวกเราจะเจอกันอีก” เขาเอามือเย็นๆของเขามาลูบปากเธอ น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความเสียดาย
“คุณวางใจเถอะ ถึงจะผ่านไปซักชาตินึงฉันก็ไม่มีทางคิดถึงคุณ” หลินเวยมี่พูดอย่างไม่เกรงใจ
“แต่ว่าผมคิดถึงคุณแล้วทำยังไงดีละ”
หลินเวยมี่ตัวสั่น ขมวดคิ้วและจ้องมองผู้ชายที่มีรอยยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอก ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนสีหน้าเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือ แสดงได้เก่งมาก
“และผมก็จะคิดถึงคุณมากๆ” เขาหรี่ตาลง ปากของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยรอบยิ้ม แต่มือกลับลูบไล้ไปที่เอวของเธอขึ้นไปข้างบน
“อย่ามาโดนตัวฉันนะ” หลินเวยมี่จับมือของเขาเอาไว้ มองไปที่เขาด้วยความหวาดระแวง เรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่พ้นวัน อย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนี้คิดอยากจะทำอย่างว่าอีกรอบ
เขาดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด ใช้โอกาสตอนที่เธอเผลอกัดเธอ “ป้อนผมให้อิ่มก่อนเป็นไง”
เสียงของเขาแหบมาก หลินเวยมี่ผลักแขนของเขาออก แต่ยิ่งผลักสองคนก็ยิ่งใกล้ชิดแน่นแฟ้นกันมากขึ้น
จู่ๆเธอก็รู้สึกว่ามีอะไรมาชนเธอ โดยสัญชาตญาณเธอก็เอามือไปจับ ทันใดนั้นเสียงร้องที่ผ่อนคลายของฉู่เฉินซีก็ดังขึ้นข้างๆหูของเธอ
พอรู้สึกตัวว่าที่จับไปนั้นเป็นอะไรหน้าของเธอก็แดงก่ำ เก้อเขินจนไม่รู้ว่าจะเอามือไปวางไว้ที่ไหนดี
ท่าทางของหญิงสาวที่มองไปก็เข้าใจทันที ฉู่เฉินซียิ้มมุมปาก “จะเป็นฝ่ายรุกหรอ เมื่อคืนยังไม่พึงพอใจคุณใช่มั้ย งั้นพวกเรามาต่อกันมั้ย”
“ไม่เอา” หลินเวยมี่ตอบกลับอย่างไม่ลังเล สายตาของเธอดูลุกลี้ลุกลน และเสียงของเธอก็แผ่วลง “ฉู่เฉินซีฉันเหนื่อยมาก อย่ามาโดนตัวฉันจะได้มั้ย”
ฉู่เฉินซีดึงคิ้ว ดูเหมือนว่าเมื่อคืนจะทำให้เธอเหนื่อยจริงๆ
“เอางั้นก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยน” ดวงตาของเขาเปล่งประกาย และพูดออกมาเบาๆว่า “เป็นฝ่ายรุกผม แล้วผมจะปล่อยคุณไป”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว เธอจ้องมองเขาที่ยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอก แม้ในส่วนลึกของหัวใจจะไม่ยอม แต่พอคิดถึงเรื่องที่จะหลุดพ้นได้ ให้เธอทำอะไรเธอก็ยอมทั้งนั้น
เธอถอนหายใจยาวๆ หลินเวยมี่เขย่งเท้า และไปตามน้ำ