ศพ – ตอนที่ 339 วิญญาณออกจากร่าง

ตอนที่ 339 วิญญาณออกจากร่าง
ตอนที่ 339 วิญญาณออกจากร่าง
หลังจากพี่เฟิงกลืนแก่นหยินแดงเข้าไป เขาก็นอนสลบมาห้าวันแล้ว
ภายในห้าวันนี้ สภาพร่างกายของเหล่าเฟิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ท่านนักพรตตู๋เองก็ทําอะไรไม่ได้
แต่เราก็ทําตามที่พี่เฟิงบอกเอาไว้ นั่นก็คือให้เขาดื่มเลือดสดๆวันละถ้วย
เลือดสดๆที่ว่าก็คือเลือดไก่เลือดเป็ด เจ้าพวกนี้ก็ไม่ได้มีอะไร
แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ทุกครั้งที่ป้อนเลือดสดๆให้เหล่าเฟิงแล้ว ร่างกายของเขาก็จะสงบขึ้นมาพักหนึ่ง
แต่ก็แค่พักเดียวเท่านั้น พอเวลาผ่านไป ร่างกายของเหล่าเฟิงก็จะกลับมาร้อนๆหนาวๆดังเดิม
เช้าวันนี้ ผมก็รีบวิ่งไปหาเหล่าเฟิงเหมือนเดิม
เพิ่งไปถึงร้านไป๋ฉาว ผมก็เห็นท่านนักพรตตู๋กําลังป้อนเลือดให้เหล่าเฟิงอยู่ในห้อง
เพราะเหล่าเฟิงมักกินไปได้แค่ครึ่งหนึ่ง และบ้วนออกมาเกือบหมดตลอด
ผมเห็นท่านนักพรตตู๋เองก็รับมือคนเดียวไม่ไหว เลยรีบพูดกับเขาว่า “ท่านลุงตู๋ ให้ผมป้อนเองครับ !”
“เสี่ยวฝาน ! มาพอดีเลย” ท่านนักพรตตู๋พูด และหัวเราะฮ่าๆ ในเวลาเดียวกันก็วางถ้วยเลือด และใช้มือทั้งสองข้างประคองเหล่าเฟิงที่กําลังสลบไสลให้ลุกขึ้นนั่ง
ผมเดินเข้าไป หยิบถ้วยเลือดขึ้นมา กําลังเปิดปากเหล่าเฟิงเพื่อป้อนเลือด
แต่ไม่รอให้ผมลงมือ ทันใดนั้นเองผมก็พบว่า เปลือกตาของเหล่าเฟิงขยับ
ผมตกใจในทันที ตะโกนออกมาอย่างไม่รู้ตัว “เหล่าเฟิง นายฟื้นแล้วเหรอ ?”
เมื่อท่านนักพรตตู๋ได้ยินแบบนั้น ก็ดีใจขึ้นมาทันที ในเวลาเดียวกันก็ยังตัวสั่นไปพักหนึ่ง
เปลือกตาของเหล่าเฟิงที่เคยปิดสนิทโดยตลอด ในเวลานี้กลับค่อยๆลืมตาขึ้น
พอเห็นเหล่าเฟิงลืมตา ผมก็ดีใจขึ้นมาทันที
นี่ก็ผ่านมาห้าวันแล้ว ในที่สุดเหล่าเฟิงก็ฟื้นขึ้นมาซะที “เหล่าเฟิงในที่สุดนายก็ฟื้นสักที !”
ผมวางถ้วยเลือดลงด้านข้าง และหัวเราะฮ่าๆ ออกมาทันที
“เจ้าลูกศิษย์ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง ?” ท่านนักพรตตู๋ก็พูดเช่นกัน หลังจากนั้นก็พาเหล่าเพิ่งไปพิงที่หัวเตียง
เหล่าเฟิงดูเหนื่อยล้า หน้าซีดมาก แต่ก็พยายามขยับตัว หลังจากนั้นก็พูดออกมาด้วย ความลําบาก
“ผม ผมเป็นอะไรไป ?”
ขณะพูด เหล่าเฟิงยังเอามือจับหัวตัวเอง เหมือนกําลังรู้สึกเจ็บ
“ฮึ! ก็พี่ชายของเจ้าดันกลืนแก่นหยินแดงลงไป ดังนั้นเจ้าก็เลยกลายเป็นแบบนี้ไง !” ท่านนักพรตตู๋พูดด้วยความโมโห
ผลลัพธ์เสียงเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นในห้องก็มีเสียงงี่เง่าของใครบางคนดังขึ้น “ตาแก่ แกจะไปเข้าใจอะไร ไม่เข้าใจก็อย่าพูดมาก !”
พอได้ยินเสียงนี้ พวกเราสามคนก็อึ้งในทันที
น้ําเสียงนี้ มันไม่ใช่เสียงของพี่เฟิงหาน เฉ่วเฟิงเหรอ
“หานเฉ่วเฟิง !” เหล่าเฟิงอุทานขึ้นมาคนแรก เขากวาดสายตามองรอบๆ
ผมและท่านนักพรตตู๋กลับมองเหล่าเฟิงด้วยหน้าตกใจ เราทั้งตกใจและสงสัยในเวลาเดียวกัน
เพราะร่างกายพิเศษของเหล่าเฟิง หนึ่งชีวิตสองวิญญาณ
ทุกครั้งจะมีวิญญาณออกมาปรากฏเพียงดวงเดียว ส่วนวิญญาณอีกดวงจะถูกสะกดเอาไว้ในร่าง ไม่มีทางได้ออกมาลืมตาดูโลก อย่างมากที่สุดก็ทําได้เพียงสื่อสารกับวิญญาณอีกดวงเท่านั้น
หากคิดจะออกมา และพูดแบบนี้ จะต้องกดวิญญาณอีกดวงเอาไว้ แล้วควบคุมร่างกายถึงจะทําแบบนี้ได้
แต่ตอนนี้ กลับเห็นได้ชัดว่าเสียงนี้เป็นเสียงของพี่เฟิง
แต่ปัญหาก็คือ เห็นกันอยู่ชัดๆว่าเหล่าเฟิงเป็นคนควบคุมร่างกาย และยังพูดคุยกับพวกเราอยู่ ไม่ได้ถูกสะกดเอาไว้แต่อย่างใด แล้ววิญญาณของพี่เฟิงจะออกมาแผงฤทธิ์ได้ยังไง
ในช่วงเวลานั้น ผมและท่านนักพรตตู๋งงมาก
ส่วนพี่เฟิงกลับพูดต่อ “อย่าเพิ่งตกใจ อีกเดี๋ยวพวกนายจะอึ้งยิ่งกว่านี้อีก !”
เสียงของพี่เฟิงค่อนข้างเย่อหยิ่ง และได้ใจ
เสียงเพิ่งเงียบลง พวกเราก็สัมผัสได้ว่า จู่ๆร่างกายของเหล่าเฟิงก็มีพลังหยางแพร่ออกมา
ไม่เพียงเท่านี้ ร่างกายของเหล่าเฟิงยังบิดอย่างไม่รู้ตัว เหมือนกําลังทรมานอยู่
“หานเฉ่วเฟิง นาย นายกําลังทําอะไร ?” เหล่าเฟิงทําหน้าตกใจ ใช้มือเกาคอตัวเอง ท่าทางดูจะอึดอัดน่าดู
“ทําอะไรงั้นเหรอ ! อีกเดี๋ยวแกก็จะรู้เอง !”
พี่เฟิงเพิ่งพูดถึงตรงนี้ ผมและท่านนักพรตตู๋ก็เห็นควันลอยออกมาจากหัวของเหล่าเฟิง
พอควันพวกนี้ออกมา มันก็ลอยมาตกลงตรงหน้าพวกเรา
เจ้าควันนี้รวมตัวอย่างรวดเร็ว ผ่านไปเพียงชั่วพริบตา มันก็ก่อตัวเป็นรูปร่างของคนคนหนึ่ง
ใครคนนั้นใส่ชุดขาว ใบหน้าดุดัน
รูปร่างหน้าตาเหมือนเหล่าเฟิงเป๊ะ หรือจะเรียกได้ว่าถอดแบบกันมาเลย
เพียงแต่ออร่าและท่าทางแบบนี้ ไม่เหมือนกับเหล่าเฟิงเลยสักนิด
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมและท่านนักพรตตู๋ก็ทําหน้าช็อกในทันที
เราสํารวจเขาสองสามรอบ จากนั้นก็หันไปมองเหล่าเฟิงที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่สองสามครั้ง
ผมมั่นใจ นี่ก็คือพี่หานเฉ่วเฟิงแน่ๆ
นอกจากพวกเราแล้ว แม้แต่เหล่าเฟิงก็ยังมอง พี่เฟิงที่จู่ๆก็ออกมาปรากฏตัวด้วยความประหลาดใจ
ในห้องเงียบไปหลายวิ ต่อจากนั้นเราก็ได้เหล่าเฟิงพูดขึ้นมาคนแรก “นาย นายคือ นายคือพี่ชายของฉัน
หาน หานเฉ่วเฟิง”
ผู้ชายคนนั้นเหลือบตามองเหล่าเฟิง แล้วพูดด้วยใบหน้าดูถูก “ไร้สาระ ! ไม่งั้นแกคิดว่าฉันเป็นใครละฮะ”
เสียงเพิ่งเงียบลง ผมและท่านนักพรตตู๋ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็อดสูดหายใจเข้าไม่ได้
พระเจ้า นี่มันเรื่องอะไรกัน มันน่าทึ่งเกินไปแล้ว
ตอนแรกเริ่ม ท่านนักพรตตู๋เคยพูดว่า เหล่าเฟิงมีหนึ่งร่างสองวิญญาณ วิญญาณสองตัวผูกติดกัน
เขาปฏิเสธออกมาทันที ว่าวิญญาณทั้งสองดวงไม่อาจออกมาปรากฏตัวพร้อมกันได้ หรือแม้แต่บอกว่าวิญญาณทั้งสองดวงไม่มีทางออกมาอยู่ในร่างพร้อมกัน
ถ้าไม่เป็นเหล่าเฟิง ก็ต้องพี่เฟิงเท่านั้น
นอกจากความตายแล้ว ทั้งสองก็ไม่มีทางออกมาปรากฏตัวพร้อมกัน จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่อง วิญญาณออกจากร่างเลย
แต่วันนี้ วิญญาณของพี่เฟิงออกมาจากร่างแล้ว แถมยังปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน แล้วแบบนี้จะไม่ให้พวกเราตกใจหรือรู้สึกแปลกใจได้ยังไง
ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นก็หมายความว่าวิญญาณของพี่เฟิงก็ไม่ต้องผูกติดกับวิญญาณเหล่าเฟิงแล้ว
ต่อไปเหล่าเฟิงก็ไม่ต้องแชร์ร่างกายกับพี่เฟิงอีกนะซิ
พอคิดได้แบบนี้ ผมก็ดีใจเว่อร์ หรือแม้แต่ดีใจแทนเหล่าเฟิง
ท่านนักพรตตู๋พูดด้วยความประหม่า “นาย นาย จะออก ออกมาได้ยังไง นายสองคนไม่ได้มีวิญญาณผูกติดกันเหรอ ?”
ท่านนักพรตตู๋เดินทางไปทั่วกว่าสิบปี เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าหนึ่งร่างสองวิญญาณจะสามารถแยกจากกันได้
ตอนนี้พอมาได้เห็นกับตา เขาก็รับไม่ค่อยไหว
แต่พี่เฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับเหยียดยิ้มอย่างดูถูก “ถ้าไม่ได้เป็นเพราะพลังในแก่นหยินแดงนั้นลดลง
อย่าว่าแต่ออกมาเลย แม้แต่แยกออกมาจากร่างนี้เลยก็ยังได้”
“แก่นหยินแดง แก่นหยินแดงยังมีความสามารถแบบนี้ด้วยเหรอ ?” ท่านนักพรตตู๋ถามต่อ เขายังตกใจไม่หาย
ผมและเหล่าเฟิงก็เบิกตากว้าง ตั้งตารอฟังสิ่งที่พี่เฟิงจะพูด
พี่เฟิงยังคงทําท่าทางเฉื่อยชา สายตาดูถูก “นั่นก็ต้องดูว่าเป็นใคร เอาไปใช้ยังไง หากตกอยู่ในมือของพวกแก มันก็ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด ถ้าไปตกอยู่ในมือของพวกผีที่บําเพ็ญตน ก็แค่เอาไว้ใช้เพิ่มพลังเท่านั้น
แต่ถ้ามาตกอยู่ในมือฉัน มันไม่เพียงสามารถทําให้ฉันแยกวิญญาณกับเจ้าขยะนี่ได้ แต่ยังสามารถแยกพวกฉันออกจากกันได้อย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่นี้จะนับว่าเป็นสองเป็นสองตาย !”
แม่เจ้า ! พี่เฟิงยังมีความสามารถแบบนี้ด้วยเหรอ
ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนี้จริงๆ
ถึงว่าทําไมก่อนหน้านี้พี่เฟิงอยากได้แก่นหยินแดงนัก ที่แท้ก็จะเอามาใช้แยกวิญญาณของทั้งสองคนออกจากกัน
แต่จากคําพูดเมื่อกี้ของเขา ดูเหมือน ดูเหมือนพวกเขาจะยังไม่ได้แยกกันอย่างสมบูรณ์ แต่เป็นแค่การแยกออกมาได้ในระยะเวลาสั้นๆเท่า
พอคิดได้แบบนี้ ผมก็ถามเขาตรงๆ “พี่เฟิง พี่บอกว่า ตอนนี้พวกพี่ยังไม่ได้แยกจากกันจริงๆ เป็นแค่การแยกออกจากกันแค่สั้นๆเหรอ ?
พี่เฟิงขมวดคิ้ว เผยสีหน้าโมโหออกมา “ก็ใช่นะซิ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าแมวตัวนั้นเข้ามายุ่ง มันก็คงไม่เป็นแบบนี้ ถ้ามีแก่นหยินแดงแบบสมบูรณ์ ฉันก็จะสามารถแยกออกมาได้แล้ว ต่อไปก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ
แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้เจ้าแมวตัวนั้นทําลายซะได้ สมควรตายจริงๆ……
ศพ

ศพ

Status: Ongoing

หมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาที่แห้งแล้ง เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่รกร้าง พวกมันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงัด มันคือสถานที่ต้องห้ามสำหรับ คนเป็น …..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท