บทที่67 ฉันจะทำให้เธอต้องมาขอร้องฉัน(1)
ตอนที่หลินเวยมี่กลับมาถึงบ้านท้องฟ้าก็มืดแล้ว เธอต้องเดินมาเพราะไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท ยังดีที่รองเท้าที่ฉู่เฉินซีให้ใส่เป็นรองเท้าส้นเตี้ย ไม่อย่างนั้นเท้าเธอคงเป็นแผลเหวอะหวะ
เพียงเดินเข้ามาในบริเวณหมู่บ้าน ใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ขอบตาเริ่มแดงก่ำ ลมหายใจติดขัดเมื่อภาพเหตุการณ์วันที่หลินจ่านหงกระโดดตึกปรากฏขึ้นในสมอง
เธอกัดฟันแน่น กดความเจ็บปวดเหล่านั้นเอาไว้ในใจ แล้วรีบเดินเข้าไปภายใน
รถสปอร์ตสีขาวที่คุ้นเคยจอดอยู่ในหมู่บ้านของเธอ โจ่วชิงซ๋วนพิงตัวกับประตูรถราวกับกำลังรอเธออยู่
สีหน้าเธอเยือกเย็นขึ้น ไม่พอใจนัก ทำเป็นมองไม่เห็นอีกฝ่ายแล้วรีบเดินผ่านไป
“เวยมี่ เธอจะไม่สนใจฉันเลยเหรอ” อีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างน้อยใจ
หลินเวยมี่ชะงักฝีเท้าลง แต่ไม่ได้หันกลับไป ความจริงโจ่วชิงซ๋วนก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งในกระดาน แต่กำแพงในใจเธอกลับปิดแน่นอย่างหวาดกลัว
“นายมีอะไร” น้ำเสียงไม่สบอารมณ์เอ่ยขึ้น ดวงตาระบายไปด้วยความเกลียดชัง
ใจของโจ่วชิงซ๋วนเจ็บแปลบขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาเกลียดชังของเธอ เขาก้าวเข้าไปหาเธอ “เวยมี่ เธอเย็นชาแบบนี้แล้ว ใจฉันรู้สึกเจ็บจริงๆนะ”
เขาจับแขนเล็กไว้ ดวงตาเจ็บปวด ราวกับได้รับความไม่เป็นธรรมจากเธอ ใบหน้าหล่อเหลาเป็นที่หลงใหลของผู้หญิงหลายคน เมื่อมีท่าทีน้อยใจแบบนี้แล้วช่างดูน่าเห็นใจนัก
“โจ่วชิงซ๋วนสมแล้วที่เป็นนักแสดง มีฝีมือดีจริงๆ” หลินเวยมี่เหน็บแนมด้วยสายตาเย้ยหยัน “ฉันไม่อยากเจอพวกนาย คนที่เกี่ยวกับเขาทุกคน ลาก่อน”
เอ่ยจบเธอก็เตรียมเดินหนี เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่เกี่ยวข้องกู้จุนเฟิง ต่อให้โจ่วชิงซ๋วนไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆก็ตาม แต่เธอก็ไม่สามารถยอมรับได้
“เวยมี่ อย่าเพิ่งรีบไปเลยนะ ฉันแค่อยากถามเธอว่าเรื่องระเบิดเป็นฝีมือของฉู่เฉินซีใช่ไหม” ใบหน้าเขาเคร่งขรึม ความจริงเขาก็ทายถูกตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ในเมืองaจะมีใครที่มีอำนาจแบบนี้ได้อีก
แทบไม่ต้องสงสัยอะไรเลยสักนิด อพาร์ทเมนท์สี่หลังถูกระเบิดพร้อมๆกัน แต่เขาแค่สงสัยว่าฉู่เฉินซีทำมันเพื่อหลินเวยมี่งั้นหรือ?
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนมันคืออะไรกันแน่ เป็นอย่างที่ฉู่เฉินซีพูดงั้นเหรอ หลินเวยมี่เป็นผู้หญิงของอีกฝ่าย
คิดดังนั้นใจของเขาก็เจ็บขึ้นมา เขาเทียบอะไรฉู่เฉินซีไม่ได้เลย ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาคงไม่มีความหวังแล้วล่ะ
แววตาหลินเวยมี่เย้ยหยัน ที่แท้โจ่วชิงซ๋วนมาที่นี่ก็เพราะเรื่องระเบิดสินะ
“นายถามผิดคนล่ะ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” เอ่ยจบพร้อมกับเดินออกไป
เดินไปได้เพียงสองก้าวก็เหมือนคิดอะไรได้ หยุดฝีเท้าลงแล้วมองโจ่วชิงซ๋วนเรียบ ดวงตาไม่เหลือความสดใสเหลืออยู่ มีเพียงความมืดมน แต่ก็มันกลับน่าหลงใหลและน่าค้นหา
โจ่วชิงซ๋วนนิ่งเงียบ รอเธอเอ่ยออกมา
“ใช่แล้ว ฝากนายไปบอกโจ่วซินด้วยนะ งานวันนี้ดูดีมากยินดีด้วย” เธอเอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับดวงตาสะใจ
โจ่วชิงซ๋วนขมวดคิ้วงง ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด ยินดีกับโจ่วซิน? งานแต่งเกิดเรื่องขนาดนี้ โจ่วซินเป็นที่น่าหัวเราะเยาะของเมือง a จะมีความสุขได้ยังไง
โจ่วชิงซ๋วนถอนหายใจ ดวงตาว่างเปล่า ผู้หญิงคนนี้คงเยาะเย้ยพวกเขาสินะ
เขามองแผ่นหลังหลินเวยมี่ที่ค่อยๆหายไป แล้วจึงขับรถกลับบ้านตน
“กู้จุนเฟิงคุณคิดอะไรกันแน่”
ทันทีที่กลับถึงบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงตวาดของโจ่วซิน คิ้วหนาขมวดมุ่น โจ่วซินที่อ่อนโยนมาตลอด ทำไมถึงได้อารมณ์เสียได้ถึงขนาดนี้
เขารีบวิ่งไปดูทันที บรรยากาศภายในห้องรับแขกมาคุ โจ่วซินที่สวมชุดเจ้าสาวยืนอยู่กลางห้อง ส่วนกู้จุนเฟิง โจ่วลี่เฉียงและภรรรยานั่งบนโซฟา สีหน้าทุกคนไม่ดีนัก
โจ่วซินสูดหายใจลึก ทิ้งการ์ดแต่งงานลงบนโต๊ะ
“พรุ่งนี้เราหย่ากัน”
เอ่ยจบ ทุกคนตรงนั้นต่างขมวดคิ้ว เป็นโจ่วลี่เฉียงที่เอ่ยขัด
“โจ่วซิน อย่าวุ่นวาย! ลูกคิดว่าจินเฟิงเป็นคนธรรมดาๆหรือไง เขาเป็นนายกเทศมนตรีนะ! แต่งได้วันเดียวก็หย่า เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน คนอื่นจะคิดยังไง”
กู้จุนเฟิงนิ่งสงบ นิ้วมือยกขึ้นจับคาง แววตาเคร่งขรึม ราวกับกำลังใช้ความคิด
“พี่ครับ พ่อพูดถูก พี่อย่าใช้อารมณ์เลยนะ” โจ่วชิงซ๋วนเดินเข้าไปหาโจ่วซินแล้วดึงให้อีกคนนั่งลงบนโซฟา
ดวงตาโจ่วซินคลอไปด้วยน้ำตา เธอกัดฟันแน่นอย่างน้อยใจ “พ่อแม่สนใจแต่ประโยชน์ของเขา แล้วหนูล่ะคะ”
“ทุกคนรู้ไหมคะว่าเขากับผู้หญิงคนนั้น…” น้ำตาใสหยดลงมาเมื่อพูดถึงตรงนี้ สะอื้นจนพูดต่อไปไม่ออก
“ผู้หญิงอะไร” โจ่วชิงซ๋วนเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
“ผู้หญิงคนที่นายพามาครั้งที่แล้วไง ที่ชื่อหลินเวยมี่ กู้จุนเฟิงกับเธอ…” เธอสะอึกอีกครั้ง มองตำหนิ โจ่วชิงซ๋วน