บทที่64 ยอมเป็นยาฆ่าแมลงให้ฉันไหม(2)
“อารมณ์ฉันไม่ดีเท่าไหร่ คุณอย่าทำเลยนะ…”
“ไม่ได้” ฉู่เฉินซีปฏิเสธทันควัน เกี่ยวกับเรื่องนี้เขาไม่เคยต้องอดทน หรือเวลาที่ต้องการก็มักมีผู้หญิงมากมายที่อยากขึ้นเตียงกับเขา
“ฉู่เฉินซี คุณจะเกินไปแล้วนะ!” ดวงตาของเธอเกรี้ยวกราด“ถ้าคุณแตะต้องฉัน ฉันจะไปตายซะ อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าทำนะ!”
คิ้วของฉู่เฉินซีขมวดเป็นปม เขาก้มหน้าลงมองผู้หญิงดื้อรั้นในอ้อมกอด ถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมกอดจูบลงบนริมฝีปากบางเบาๆ
“ยัยเม่นดื้อพักผ่อนซะ พรุ่งนี้พวกเราต้องไปร่วมงานแต่งงานกู้จุนเฟิง” เขาเอ่ยออกมาอย่างไม่มีทางเลี่ยง น้ำเสียงมีความผิดหวัง
ใบหน้าหลินเวยมี่ซีดลง ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ดวงตาแห่งความเกลียดชังนั้นชัดเจน
“รู้แล้ว”
“ฉันจะรอดูเธอพรุ่งนี้ อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ” อีกฝ่ายพูดจบพร้อมกับหมุนตัวเดินออกไป
หลินเวยมี่รู้สึกไร้เรี่ยวแรง แววตาเจ็บปวด นิ้วมือยกขึ้นสัมผัสความเย็นที่ลำคอ จู่ๆก็นึกถึงสิ่งที่หลินจ่านหงเคยกำชับไว้
หลินจ่านหงบอกไว้ว่าห้ามไว้ใจใครทั้งนั้น แต่ทำไมกู้จุนเฟิงถึงทำแบบนี้กับหลินจ่านหงได้ เธอคิดไม่ออกจริงๆ
หลินเวยมี่นอนไม่หลับเลยทั้งคืน รุ่งเช้าเธอยืนในห้องน้ำพร้อมกับวักน้ำเย็นๆล้างหน้า จึงรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง
เงยหน้ามองตัวเองในกระจก มุมปากแสยะยิ้ม
ตัวเธอที่สะท้อนในกระจกตอนนี้แทบดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ขอบตาดำคล้ำ ใบหน้าดูเหนื่อยล้าเต็มทน
แต่ยาที่ฉู่เฉินซีทาให้เธอเมื่อวานได้ผลดีจริงๆ รอยแดงที่แก้มเมื่อวานตอนนี้มองไม่เห็นแล้วแม้แต่น้อย
ขณะนั้นเองเสียงเคาะประตูจากด้านนอกก็ดังขึ้น
“เข้ามา” เธอเดินออกมาจากห้องน้ำ มองคนรับใช้ที่วางชุดราตรีสีดำลงบนเตียง
“คุณหลินคะ นายท่านให้คุณสวมชุดนี้ไปงานวันนี้ค่ะ”
หลินเวยมี่พยักหน้าพร้อมกับมองชุดนั้นอย่างพอใจ
“ดีมาก เธอออกไปได้”
หลินเวยมี่เปลี่ยนชุด ชุดราตรีสีดำดูดีมากเมื่ออยู่บนร่างของเธอ มันช่วยขับให้ผิวเนียนของเธอดูขาวราวกับหิมะ
รวมทั้งการออกแบบที่เน้นช่วงเอวนั้นทำได้ดีทีเดียว แม้จะไม่ได้มีลวดลายมากมายนักแต่กลับทำให้ดูสวยโดดเด่นได้อย่างมีเอกลักษณ์
เธอยืนมองตัวเองในกระจกอย่างนิ่งอึ้งสักพัก มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แล้วเดินเท้าเปล่าออกไปจากห้อง
ฉู่เฉินซีที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกได้ยินเสียงเปิดประตู เขาจึงเงยหน้าขึ้น มองเห็นหลินเวยมี่ที่ค่อยๆเดินลงมา
เขาหรี่ตามองอย่างพอใจ ชุดนี้เหมาะกับหลินเวยมี่จริงๆ
“เจก” ฉู่เฉินซีเอ่ยเรียก ทันใดนั้นก็มีผู้ชายแต่งตัวตามแฟชั่นเดินเข้ามา
ผู้ชายคนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าหลินเวยมี่ มือของอีกฝ่ายยื่นออกมาอย่างมีมารยาท “คุณผู้หญิง ให้ผมแต่งหน้าให้นะครับ”
เธอยิ้มตอบพลางวางมือลงบนฝ่ามืออีกฝ่าย
เจกจรดริมฝีปากลงบนหลังมือเธอเบาๆ
ยังไม่ทันที่เจกจะปล่อยมือหลินเวยมี่ ก็รู้สึกถึงของบางอย่างลอยมาทางตน
เขาหันหน้ากลับไปอย่างตกใจ พร้อมกันนั้นก็มีเสียงตกแตกของแก้วดังขึ้น
เจกถอนหายใจเฮือก เอ่ยถามอย่างไม่พอใจ “เฉิน นายไม่พอใจอะไรฉันฮะ ตกใจหมดเลย”
“นายทำตัวดีๆหน่อย ระวังมือระวังเท้าด้วย” ริมฝีปากบางของฉู่เฉินซีกระตุก เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน
เจิกสูดหายใจลึกแล้วเบะปาก “เมื่อกี้น่ะเหรอ ฉันไม่ได้สัมผัสคุณหลินขนาดนั้นซักหน่อย นายนี่กระต่ายตื่นตูมจริงๆเลย”
สีหน้าฉู่เฉินซีดุดัน มือหนาหยิบแก้วชาอีกใบขึ้นมา
“ฉันล้อเล่นน่า ล้อเล่นเฉยๆ” เจกยิ้มทะเล้นแล้วรีบพาหลินเวยมี่ไปยังหน้ากระจก
ฉู่เฉินซีรินไวน์ลงในแก้วด้วยท่าทางสบายๆ เขย่าแก้วเบาๆอย่างดูดี สายตาคมจดจ้องไปยังทั้งสอง
เจกเป็นมืออาชีพมาก ไม่นานนักก็แต่งหน้าเสร็จ และยังแต่งออกมาดูธรรมชาติมาก
“คุณหลินสวยมาก เครื่องสำอางช่วยได้นิดเดียวเท่านั้น ผมแต่งแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง” เจกยิ้มเอ่ย
หลินเวยมี่ลุกขึ้นพลางมองตัวเองในกระจก แววตามีความโกรธแค้นซ่อนอยู่
ตอนนี้เธอดูบริสุทธิ์ราวกับบัวหิมะ งดงามราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ แต่ชุดราตรีสีดำและใบหน้าไร้ความรู้สึกของเธอนั้นกลับทำให้เธอดูเย็นชาดูเข้าถึงยาก
เธอค่อยๆเดินเข้าไปหาฉู่เฉินซีด้วยใบหน้าเย็นชา “จะไปตอนไหน”
ฉู่เฉินซีขมวดคิ้วก้มลงมองเท้าของเธอ “รองเท้า”
เพียงแค่นั้นก็มีคนรับใช้รีบเดินเข้ามาพร้อมส่งรองเท้าส้นเตี้ยคู่หนึ่งให้กับฉู่เฉินซี อีกฝ่ายเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ แล้วคุกเข่าลงท่ามกลางสายตาสงสัยของคนอื่นๆ
“ยกเท้าขึ้น” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ
หลินเวยมี่มึนงงครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบยกเท้าขึ้น จนกระทั่งอีกฝ่ายสวมรองเท้าให้เธอเสร็จ
การแสดงออกของอีกฝ่าย ทำให้คนอื่นๆหน้าแดงใจสั่นได้ เหมือนถูกขอแต่งงาน…
แต่หลินเวยมี่ไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้ เพราะตอนนี้เธอถูกความโกรธครอบงำไปทั้งร่าง จึงไม่ได้สนใจสายตาตกตะลึงของคนอื่นๆ