บทที่114 เขาลีลาดีมาก เด็ดกว่าคุณเยอะ
หลินเวยมี่ได้ยินที่เขาพูดก็ไม่กล้าขยับไปไหนอีก สีหน้าแววตาใสน่าสงสาร หายใจเข้าออกเปลี่ยนไปอย่างประหม่า
ฉู่เฉินซีมุมปากยิ้มกว้าง น้ำเสียงชิว “เธอเป็นคนจุดให้ไฟมันลุกเอง เธอก็ต้องจัดการแล้วล่ะ ”
พูดอยู่ ก็คลอเคลียอย่างดุเดือดไม่หยุด และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของเขา เหมือนจะสามารถกลืนกินเธอได้ทุกเวลา
หลินเวยมี่อึดอัดใจ สายตามีความโกรธแวบเข้ามา “เมื่อกี้คุณก็บอกไม่ให้ขยับก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง?ถึงตอนนี้……ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?”
เขากดลง แล้ววางมือเย็นลงบนแถวไหปลาร้า แตะลูบไล้เล็กน้อย “โทษฉันได้ยังไงกัน?แค่ฉันสูดดมกลิ่นกายของเธอ ก็ตอบสนองกลับแล้ว ”
หลินเวยมี่ได้ยินที่เขาพูด ใบก็หน้าก็แดงไปจนถึงคอ สายตาเขินขาย พูดด้วยความโมโห “หน้าไม่อาย!คำแบบนี้ก็กล้าพูดออกมาได้!”
“ก็กับผู้หญิงของตัวเอง มีอะไรที่พูดด้วยไม่ได้ล่ะ?”เขาจับขยับแก้มของเธอ มองไปในแววตาด้วยใบหน้ายิ้ม
“มี่มี่ ตื่นเช้ามาก็น่าเบื่อ สู้เล่นออกกำลังกายกันสักหน่อยดีกว่า เธอว่าไง?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ก็หายใจรดลงบนใบหน้าของเธอ หรี่ตาลง น้ำเสียงไม่ใช่การร้องขอ และก็ไม่ใช่คำถาม
มือเล็กของหลินเวยมี่ต้านอยู่บนอกของเขา ใบหน้าระวัง “ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ ฉันจะลุกแล้ว!”
“รีบอะไร?รอทำเรื่องของเราเสร็จค่อยคุย ”เขาพูดแล้วกดลงไปอีกครั้ง ยื่นมือเข้าไปในใต้ผ้าห่มเธอ
“ฉู่เฉินซี!ถ้าคุณยังไม่ทำตัวดีๆอีก อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ!”
“ระหว่างเราสองคนก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันอยู่แล้ว ยังไงซะเราสองคนก็เคยๆกันอยู่ ”เขายกผ้านวมขึ้น ยกผ้านวมออกไปอีกฝั่ง แล้วยื่มือมาปลดกระดุมเธอ
“หน้าไม่อาย!”เธอด่าด้วยความโกรธ ใบหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ
ฉู่เฉินซีไม่สนใจเธอ หรี่ตามองลงเป็นเสื้อที่มีแต่กระดุมเต็มไปหมดทั้งชุด สีหน้านิ่งไม่ไหวติง พูดด้วยความโมโห “นี่คือชุดนอนเหรอ?”
หลินเวยมี่มองเห็นท่าทางหูแดงของเขา ก็ยิ้มออกมา
กระดุมนี่เยอะจริง แต่มีสไตล์ เธอจึงใส่ตลอด
ในที่สุด ฉู่เฉินซีก็หมดความอดทน ออกแรงฉีก
เขาหรี่ตามองเธอ
เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมในหัวถึงมีแต่ภาพของกู้จุนเฟิงอยู่กับเธอ ห้องเล็กนั่นมีอยู่แค่เตียงเดียว แต่เขาจำได้ชัด ว่ามีผ้าห่มสองผืน!
แสดงว่าเธอกับกู้จุนเฟิง……
ไฟโกรธปะทุขึ้น ท่าทางไม่อยู่กับร่องกับรอยเมื่อกี้ก็เปลี่ยนเป็นท่าทีเดือดดาล
มือใหญ่ของเขาจับลงที่เธอ ไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยน
หลินเวยมี่เจ็บจนกัดฟัน และสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเปลี่ยนเป็นสีหน้ายุ่งเหยิง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ฉู่เฉินซี คุณเนบ้าอะไรอีกเนี่ย!”
ฉู่เฉินซีไม่ยิ้ม สายตาเงียบสงัดมองไปที่เธอ
เธอเหมือนสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง จึงระงับมือของเขาไว้ บนใบหน้าสับสน “ฉู่เฉินซี คุณทำอะไร?”
“เธอว่าไงล่ะ?”เขาถามกลับ ก้มมองดูใบหน้าแดงของเธอ มีหยดน้ำใสๆ ปรากฏขึ้นเป็นหยดน้ำค้าง
หลินเวยมี่ประหม่า แบบนี้อีกแล้วเหรอ?เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย ตอนนี้เหมือนโกรธขึ้นมาอีกแล้ว เอาแน่เอานอนไม่เลย
“อย่าจับฉัน!”เธอหดตัวเล็กลงอย่างรังเกียจ พลิกตัวเองไปอีกด้าน แล้วม้วนผ้าห่ม
“ไม่อยากให้ฉันจับ แล้วเธออยากให้ใครจับ?กู้จุนเฟิงเหรอ?”คำพูดประชดประชันพุ่งทะลุออกมา แต่ก็ทำให้เขาโกรธมากขึ้นอีกโดยที่ไม่ต้องสงสัย จับไปที่ข้อศอกของเธอ แล้วลากเธอกลับมา
“ฉู่เฉินซี คุณไม่คิดเรื่องสกปรกจะได้ไหม?”หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว กลายเป็นสีหน้ายุ่งเหยิงอย่างมาก เหมือนเป็นเม่นตัวเล็กที่เต็มไปด้วยหนาม
ไม่ให้ใครมาสอดรู้สอดเห็นกับของที่เธอใส่ใจ นั่นก็คือกู้จุนเฟิง
“ฉันสกปรก?หรือในหัวของเธอคิดเองว่าเป็นแบบนั้น?ทั้งคืน ที่ฉันตามหาเธอจนแทบจะบ้า แต่เธอกลับไปนอนอยู่ใต้ร่างของไอ้กู้จุนเฟิง หลินเวยมี่ เธอเห็นฉันเป็นอะไร?”แววตาของเขาแดง เส้นเลือดในแขนของเขา สีเข้มขึ้นตาความโกรธ
หลินเวยมี่แววตาหดลง ที่แท้ฉู่เฉินซีก็คิดว่าเธอกับกู้จุนเฟิงมีอะไรกัน แต่เขาอะไรมาตัดสินว่าเป็นแบบนี้?เหมือนกับสามีจับภรรยาได้ด้วยความโกรธงั้นเหรอ?
เห็นๆอยู่ว่าพวกเขาไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย แล้วเขาเอาอะไรมาโกรธอีกล่ะ?
“ใช่ คุณพูดไม่ผิดหรอก ฉันคิดถึงกู้จุนเฟิงทุกครั้งที่ฉันอยู่กับคุณ!”เธอยิ้มอย่างใจร้าย กระตุ้นเส้นประสาทของเขาทุกเส้น “เขาลีลาดี ดีกว่าคุณมาก ตอนนี้ฉันก็ยังคิดถึง!”
“พอได้แล้ว!”
“เปี๊ยะ”
ระหว่างที่เขากำลังก่นด่า ฝ่ามือก็พัดเข้า จนทำให้หน้าเธอหันไปอีกข้าง เขาเป็นคนแรงเยอะ อีกทั้งตอนนี้กำลังโกรธอยู่ ดังนั้นฝ่ามือเขาจึงลงมาอย่างหนัก
เธอรู้สึกได้แค่มีเสียงก้องแล้นเข้ามาในหัวของเธอ หูข้างซ้ายโล่ง ไม่ได้เสียงไปชั่วขณะ เจ็บแสบขึ้นที่แก้ม ฟันที่ถูกตบเหมือนจะสั่นคลอน มุมปากมีเลือดซิบออกมา
เขาตบหน้าเธอ!ปีศาจร้ายคนนี้ตบหน้าเธอเข้าแล้ว!ความอ่อนโยนเมื่อคืนนี้ทั้งหมดมันคือสิ่งจอมปลอม หลอกให้เธอเข้าใจผิดว่าฉู่เฉินซีรักเธอ ที่แท้ก็หลอกลวง
เธอเชื่อมั่นว่าถ้าหากว่าเธอรักใครสักคนจริงๆ จะยินยอมให้เขาสัมผัสเธอได้อย่างไร?
ปีศาจคนนี้!น่ากลัวมาจากเบื้องลึกของหัวใจ อยากจะหนีไปจากเถาวัลย์บ้าๆนี่
ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บที่หนังหัว เธอถูกยกขึ้น เธอสัมผัสได้ถึงแววตาที่มีแต่ความโกรธ จึงขดตัวลง
“ดีมาก เยี่ยมยอด!”เขาหัวเราะย่างบ้าคลั่ง แต่รอยยิ้มไม่ขยายไปถึงด้านล่างของดวงตาของเขา
เขาจับไปที่ศอกของเธอ เหมือนกับอยากจะบีบให้แขนของเธอนั้นแตกกระจาย
“หลินเวยมี่ เธอยั่วโมโหฉันถึงขั้นสุดเลยนะ!”เขาพูดอย่างเข้มขรึม แววตาดำมืด
ความโกรธแพร่กระจายเต็มอก เขาไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะ……มีหลินเวยมี่ของเขาจริงๆ!ผู้ชายคนอื่นหยุดคิดซะ!
แควก——
จับชุดของเธอโยนไปยังอีกฝั่ง ดึงเข็มกลัดออกแล้วจับแขนทั้งสองของเธอมัดไว้
ออกแรงผลัก ให้เธอคลุกเข่า หลินเวยมี่กัดฟันแน่น ท่าทางแบบนี้น่าขายหน้าชะมัด ในหัวตีกันวุ่นไปหมด มีเสียงก้องในหัว
ทันใดนั้น ความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามา เบ้าตาของเธอแดงขึ้น ไม่เคยมีใครเล่นแบบนี้มาก่อน อยู่ๆเขาบุกพังเข้ามาแบบนี้
ฉู่เฉินซีขมวดคิ้วชนกันแน่น ขยับจังหวะเบาๆ จนปรับเข้าที่ ก็เร่งจังหวะขึ้น
ข้างๆหูมีเสียงของหลินเวยมี่เมื่อกี้ดังอยู่ตลอดเวลา ‘เขาเด็ดกว่าคุณมาก ’แววตาโกรธก็เข้มขึ้นทันที มือจับกดลงที่ระหว่างเอวของเธอ กระแทกเข้าอย่างแรงด้วยความโกรธ
“เลว!คุณมันเลว!”หลินเวยมี่กัดฟันด่า ในปากเต็มไปด้วยรสชาติของเลือด ราวกับถูกเขาจับฉีก เจ็บปวดไปหมด
“หลินเวยมี่ ฉันคือใคร?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น แขนของเขาออกแรงกดลงบนเอวของเธอ กดลงอย่างแรง
“เลว!คุณมันเป็นคนเลวระยำ!”หลินเวยมี่พูดขึ้นด้วยเสียงเจ็บปวด ด่า
ฉู่เฉินซีนัยน์ตาดำลง แล้วกดเธอไปอย่างแรงอีกครั้ง น้ำเสียงไม่พอใจ “ตกลงว่าฉันคือใคร!พูด!”
หลินเวยมี่ด่าอย่างเดิม จนเอวของเธอถูกเขากดกระแทกจนเป็นสีช้ำ เธอถึงได้ประนีประนอม
“ฉู่เฉินซี……”
“ครางชื่อฉัน ”
ในห้องมีกลิ่นฟุ้งกระจาย หลินเวยมี่สูดหายใจลึก รู้สึกได้ว่าตัวเองเจ็บจนชาไปทั้งตัว พูดอย่างหมดแรง “ฉู่เฉินซี ”
“ครางเรียกฉันว่าเฉิน!”เขาใช้อำนาจอีกครั้ง น้ำเสียงเร่งเร่าร้อน
“เฉิน……”
เสียงเบาพูดออกมา เสียงปลดปล่อยจากเขาดังขึ้นภายในห้อง
เสียงของเขาเต็มไปด้วยรสชาติเยาะเย้ย จับกุมเข้าที่ผมของเธอ พูด “ทางที่ดีที่สุดคือเธอจำเข้ากระดูกเธอไปเลยนะ ว่าเธอกำลังอยู่ใต้ร่างใคร!”
หลินเวยมี่ยิ้มเย็นชา เพราะยิ้มทำให้ตรงมุมปากของเธอฉีกออก เจ็บจนต้องสูดหายใจ สูดลงไปเพื่อต้องการที่จะหักล้าง หางตามีน้ำไหลลงมา
ฉู่เฉินซีทรมานเธออย่างทารุณ คำพูดของเธอมากระตุ้นเข้าที่เส้นประสาทของเธอ สิ่งที่ผู้ชายให้ความสำคัญที่สุดคือสิ่งที่ผู้หญิงบอกว่าเขาสู้ชายคนนั้นไม่ได้
ทำให้หลินเวยมี่ที่ไม่รู้จักความเป็นความตาย กล้าพูดอะไรแบบนั้น ก็เหมือนกับกระตุกหางเสืออย่างไม่ต้องสงสัย
แค่คิดว่าเธอหลับนอนกับกู้จุนเฟิง เขาก็เหมือนกับได้รับแรงกระตุ้นกดดันจนควบคุมความโกรธตัวเองไม่อยู่
หลินเวยมี่คือผู้หญิงของเขา ใครหน้าไหนก็ห้ามแตะ นิดเดียวก็ไม่ได้!
ทรมานเธอทั้งวัน จนฟ้าเริ่มมืดลง ฉู่เฉินซีจึงปล่อยเธอ
เขานั่งลงเงียบๆบนเก้าอี้ ติ๊ง——เสียงเปิดกระปุกไฟ จุดยา หรี่ตาเพื่อสูดดม
สายตาของของเขาไม่เคลื่อนไปจากผู้หญิงตัวเล็กที่หดตัวอยู่บนเตียง เหมือนความโกรธของเธอเมื่อกี้ถูกดูดกลืนไปแล้ว นอนอยู่บนเตียงอย่างกับคนตาย นิ่งไม่ไหวติง
บนตัวเขียวช้ำ มีรอยที่เขากัด แล้วที่เขากด
ตอนนั้นเขาโกรธมากจริงๆ อีกทั้ง เขายังจำได้อีก ว่าเขาตบเธอ
ในแววตาเขามีความรู้สึกผิดเสียใจ แต่ทันทีปากเข้าก็เม้มกันอีกครั้ง นี่คือบทลงโทษของเธอ เธอให้ชายอื่นแตะต้องเธอได้ยังไง?
ฟ้าค่อยๆมืดลง ในความมืดมีเพียงแต่ไฟสีส้มตรงหัวบุหรี่ในมือเขา สุดท้ายก็ทนไม่ได้ เขาเดินไปหาเธออย่างค่อยๆ
มองเธอที่ไม่โกรธ มีแต่ความเจ็บปวดในสายตา เขายังคงควบคุมหัวใจดวงนี้ไม่อยู่ เขาควบคุมหัวใจไม่ให้ไปสนใจเธอไม่ได้
มองบนใบหน้าของเธอที่บวมเป่งไปครึ่งหน้า ยื่นมือเข้าไปสัมผัส ยังไม่ทันได้ถึงตัว ก็ได้ยินเสียงแหบทั้งโกรธของเธอ
“ออกไป!”
ฉู่เฉินซีก็หน้าสลัวลง มือที่ค้างอยู่กลางอากาศก็วางลง สัมผัสไปที่แก้มของเธอ
เธอขดตัวลง ลืมตา ในดวงตาคู่นี้มีคือความแปลกแยกและเฉยเมย
“ถ้ายังตบไม่พอใจก็ตบอีก ตบพอแล้วก็ออกไป อย่ามากวนฉัน!”