บทที่154 ฉันจริงใจ คุณหลอกลวง
ในห้องเงียบสนิท สักพักElisก็วางกล้องถ่ายรูปในมือ ด้วยสีหน้าเเววตาผิดหวัง “เฉิน คุณมาผิดเวลานะคะ หมดสนุกเลย”
ฉู่เฉินซีกระชากข้อมือเธอ พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “Elis เธอทำมากเกินไปเเล้ว”
Elisมองหน้าเขาด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ เธอไม่คิดว่าเพื่อผู้หญิงหลินเวยมี่คนนี้เขาจะทำกับเธอได้ถึงขนาดนี้ เธอรู้สึกน้อยใจ
“เฉิน ทำไมคุณต้องเเคร์ความรู้สึกเธอขนาดนี้ด้วย”
ฉู่เฉินซีหัวเราะเยาะเเล้วสะบัดมือเธอทิ้ง เเล้วเดินเข้าไปข้างๆเตียงชกหน้าเฉินห้าวหมิง
เฉินห้าวหมิงส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยก่อนจะล้มลงกับพื้น
เขาเดินเข้าไปอุ้มหลินเวยมี่ขึ้น หันไปมองหน้าพวกเขาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “Elis เฉินห้าวหมิง อย่าให้ฉันรู้นะว่าเป็นฝีมือของพวกเธอ ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยไว้เเน่”
พูดจบเขาก็เดินไปถีบประตูห้องน้ำให้เปิดออก เข้าไปเปิดน้ำในห้องน้ำด้วยใบหน้านิ่งเฉย
หลินเวยมี่ดิ้นไปมาในอ้อมอกของเขา เธอเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มที่ห่มบนตัวเอาไว้ เเล้วเอ่ยเรียกชื่อเขา “ฉู่เฉินซี…….”
“เดี๋ยวก็หายเเล้ว”
เธอเหมือนคนกระหายน้ำกำลังจะตายที่ได้มาเจอเเม่น้ำ
ลมหายใจของฉู่เฉินซีค่อยๆ เปลี่ยนไป
เธอขมวดคิ้วด้วยความทนทุกข์ทรมาน ส่งเสียงเบาๆ หางตามีคราบน้ำตา
“ฉู่เฉินซี ฉันรู้สึกทรมานมาก”
“เดี๋ยวก็หายเเล้ว” เขาเอ่ยบอกเธอ แล้ววางเธอลงในอ่างน้ำ
“ดีขึ้นมั้ย” เขาจุ่มมือลงในอ่างน้ำเย็น เเต่กลับรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ออกมาจากตัวเธอ
หลินเวยมี่หลับตาลง ใบหน้าเเดงเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ริมฝีปากเเห้ง
เธอสะบัดหน้าไปมา ส่งเสียงครวญคราง อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด รู้สึกทุกข์ทรมาน อุณหภูมิในร่างกายมากเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“นายครับ” อ่านเเย่เอ่ยทักขึ้น
“ไปตามหมอมา” เขาเอ่ยสั่ง เเววตาเต็มไปด้วยความกังวล
น้ำในอ่างที่เย็นตอนนี้กลับเริ่มอุ่นๆ ขึ้นมา เธอดิ้นไปมาในน้ำ เหมือนกับว่ามันจะเป็นทางเดียวที่จะสามารถบังคับไว้ได้
ฉู่เฉินซีมองเธอไม่วางตา จับมือเธอไว้ เเล้วสายตาก็หันไปเห็นรอยเเผลตรงข้อมือเธอ ถึงจะไม่ลึกมากเเต่ก็ยังคงมีเลือดออกอยู่
“ยายโง่” เชาต่อว่าเธอเเล้วเอื้อมมือไปกุมหน้าเธอ
“ฉู่เฉินซี ฉันรู้สึกทรมานมาก” เธอลืมตาขึ้น สายตาเต็มไปด้วยการอ้อนวอน
ฉู่เฉินซีสูดหายใจเข้าลึกๆ เเล้วก็ลงไปจูบปากเธอเป็นการปลอบโยน
“เวยมี่ อ่านเเย่ไปตามหมอเเล้ว เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้น”
“เเต่ ทำไม…..”
เธอตบน้ำด้วยความหงุดหงิด
ฉู่เฉินซีมองเธอด้วยเเววตาเป็นห่วง เสื้อที่เต็มไปด้วยรอยเลือด รวมถึงใบหน้าที่ซีดขาวที่ผิดปกติของเธอ
“ฉันมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ” เขาเอ่ยบอกเธอด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอกอีกครั้ง
“นายครับ ผมได้ยามาเเล้วครับ” เขาเอ่ยบอก
ฉู่เฉินซีเดินออกไปรับยามาจากอ่านแย่ หรี่ตาเล็กน้อย เเล้วหันไปมองหลินเวยมี่
ฉู่เฉินซีฉีดมันเข้าไปในตัวเธอด้วยความระมัดระวัง เเล้วอุ้มเธอขึ้นจากอ่าง เเล้วกระซิบข้างหูเธอ “ฉันจะรีบกลับมา”
ฉู่เฉินซีเดินออกไปด้วยความเร็ว เเล้วหันไปบอกกับอ้านเเย่ “เเกอยู่ดูหลินเวยมี่ที่นี่ อย่าให้ใครเข้าใกล้เธอ”
เเววตาเขาเต็มไปด้วยความกังวล “เเต่ ผม……”
“ฉันจะพาหยิ่งกลับมาให้ได้” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากพูดจบก็เดินจากไป
หลินเวยมี่นอนไปนานมาก พอตื่นมาอีกทีก็มืดเเล้ว ไม่มีเรี่ยวแรง เธอมองไปรอบๆ มันว่างเปล่า ไม่มีคนสักคน
เธอถอนหายใจ ภาพตอนบ่ายผุดเข้ามาในหัวเธอ เธอเกือบจะโดนเฉินห้าวหมิง….เเต่ดีที่ฉู่เฉินซีมาช่วยเธอไว้ทัน ไม่งั้นเธอไม่กล้านึกต่อว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น
เปิดประตูออก ข้างนอกเงียบสนิท เธอเดินลงบันไดอย่างช้าๆ เเละก็พบกับอ้านเเย่ที่อยู่ข้างล่างพอดี
“ฉู้เฉินซีล่ะ” เธอยืนอยู่ตรงบันไดแล้วเอ่ยถามอ้านเเย่
เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเเละเเววตาเสียใจ “อยู่ห้องหนังสือครับ”
เธอพยักหน้ารับรู้ เดินไปทางห้องหนังสือ
“เคาะๆ”
เธอเคาะประตู เเต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ เธอจึงเปิดประตูเข้าไปช้าๆ
ในห้องมืดมาก ม่านปิดสนิท ไม่มีเเม้เเต่เเสงไฟส่องเข้าไปได้ ตรงหน้าต่างมีเงาของคนกำลังยืนก้มหน้าอยู่ ถึงจะมืดเเต่ก็รู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าที่ออกมาจากตัวเขา
หลินเวยมี่หยุดลง เธอไม่เคยเห็นฉู่เฉินซีเป็นเเบบนี้มาก่อน
เท่าที่รู้จักกันมา เขาเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูง เก่ง เย่อหยิ่ง ไม่เคยอ่อนเเรง เเละอ่อนเเอขนาดนี้มาก่อน
“ฉู่เฉินซี คุณเป็นอะไรไป” เธอเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
เขาหันหลังเเล้วดึงเธอเข้าไปกอดไว้เเน่น ทิ้งหน้าลงบนไหล่เธอด้วยความอ่อนเเรง ร่างใหญ่กอดรัดเธอไว้เเน่น
เหมือนเด็กที่กำลังหวาดกลัว ไม่มีที่พึ่ง ปล่อยความรู้สึกให้ไปตามความรู้สึกตอนอยู่ต่อหน้าคนที่ตัวเองไว้ใจ
“เกิดอะไรขึ้นกันเเน่”
ฉู่เฉินซีกอดเธอไว้นิ่ง โดยไม่พูดอะไร
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว เธอนึกว่าเขาน่าจะไม่บอก เเต่กลับได้ยินเสียงเขาเอ่ยพูดขึ้น
“หยิ่งตายเเล้ว เขาตายเพราะฉัน”
หลินเวยมี่ยืนอึ้ง ในหัวเต็มไปด้วยคำพูดที่เขาเคยพูดกับเธอ ไม่เเปลกที่เขาจะทำเเบบนี้ เพราะเขาตัดสินใจเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อเขาตั้งเเต่เเรกเเล้ว
“ตั้งเเต่ฉันอายุห้าขวบ หยิ่งเขาก็อยู่ข้างฉันมาโดยตลอด หลายปีมานี้ เขาก็เป็นเพื่อนพี่ชายของฉันมาตลอด” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า
“วันนี้เขาสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยฉัน ฉันไม่มีทางปล่อยให้เรื่องมันจบง่ายๆ เเบบนี้เเน่” พูดได้ดังนี้ รู้สึกได้ดีว่าเขากำลังเสียใจมากแค่ไหน
เธอขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจ ฉู่เฉินซีจะเอาคืนพวกเขางั้นหรอ
“เธอออกไปเถอะ ฉันขออยู่คนเดียวสักพัก” เขาเอ่ยบอกเธอ
เธอรู้ว่าเขากำลังเสียใจ เเต่เธอเองก็ไม่รู้ควรจะปลอบเขายังไง
หลังจากเดินออกมาจากห้องหนังสือ เธอก็เดินตรงเข้าไปในสวนเงียบๆ คนเดียว เเละเเล้วจู่ๆ ก็ถูกคนดึงเข้าไปในทางเเคบๆ ยังไม่ทันที่เธอจะได้ร้องออกมาก็ถูกคนใช้มือปิดปากไว้ก่อน
“อย่าร้อง” เฉินห้าวหมิงเอ่ยบอกขึ้น
หลินเวยมี่ตกใจหน้าซีด เขาเข้ามาที่นี่ได้ยังไง
“ฉันจะปล่อย เเต่เธอห้ามส่งเสียงดัง” เฉินห้าวหมิงค่อยๆ ปล่อยมือออกจากปากเธอ
“เฉินห้าวหมิง ไอ่ชั่ว นายต้องการจะทำอะไรกันเเน่”
เขามองเธอด้วยเเววตาผิดหวัง “ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้เจอกันสักพักใหญ่ๆ”
“ถ้าทั้งชาตินี้ไม่ได้เจอกันเลยยิ่งดี” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา เเละกลับรู้สึกว่าเรื่องเมื่อวานดูเหมือนว่ามันจะบังเอิญมากเกินไปหน่อย เธอเพิ่งกลับบ้านได้ไม่นานเเต่กลับหลงกลพวกเขา หรือว่าพวกเขาเตรียมการทุกอย่างไว้เเล้วตั้งเเต่เเรก
“เฉินห้าวหมิง พวกคุณคงวางเเผนที่จะเอาขึ้นพวกฉันนานเเล้วใช่มั้ย”
เฉินห้าวหมิงยกยิ้มมุมปาก จ้องหน้าเธอ “ฉันไม่นึกว่าฉู่เฉินซีจะกลับมาเช้าขนาดนั้น ฉันเลยไม่ทันได้ทำอะไรเธอ เสียดายเเย่เลย”
หลินเวยมี่ตกใจหน้าซีด เเล้วเดินถอยหลัง “เขาไม่มีทางปล่อยนายไว้เเน่”
เฉินห้าวหมิงหัวเราะเยาะ “เขาไม่มีทางปล่อยฉันไว้เเน่ เเต่ตอนนี้เขาคงยังไม่มีอารมณ์มาจัดการกับฉันหรอก”
หลินเวยมี่มองเขาด้วยความไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันเเน่
“นายต้องการจะทำอะไรกันเเน่”
“อย่าตื่นกลัวไปเลย ฉันเเค่อยากเจอเธอก่อนที่เราจะไม่ได้เจอกันอีกนาน ฉันคงคิดถึงเธอเเย่เลย” เขาเอ่ยบอกเธอยิ้มๆ
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว กำหมัดไว้เเน่น “งั้นก็ดี ปล่อยฉันไปได้เเล้ว”
เฉินห้าวหมิงตลกท่าทางของเธอ เอื้อมมือออกแรงไปดึงให้เธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด “ทิ้งความทรงจำดีๆ ไว้หน่อยเเล้วกัน”
พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงไปจูบเธอ เเล้วผลักเธอออก หลังจากนั้นก็วิ่งจากไปด้วยความเร็ว
หลินเวยมี่ยกมือเช็ดปากตัวเองแล้วมองเขาด้วยสายตารังเกียจ
“น่าเสียดายนะ ชอบเขาเเต่ผู้หญิงกลับไม่มีใจให้” Elisอุ้มเเมวเเล้วเดินออกมาจากหลังต้นไม้ ใบหน้าเเละเเววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
หลินเวยมี่จ้องหน้าเธอนิ่ง นี่เป็นครั้งเเรกที่เธอรู้สึกหวาดกลัวเธอ เธอไม่มีทางลืมว่าเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของใคร ทั้งหมดคือเเผนของเธอ
“เเหมๆ ดูใบหน้าซีดขาวนั้นซิ ทำไม กลัวฉันหรอ” เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มเยาะสะใจ
“ความจริงฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมเฉินเขาต้องให้ความสนใจคนอย่างเธอมากขนาดนี้” พูดจบ เธอจ้องดูอาการและใบหน้าของเธอไม่วางตา
“เพราะฉันจริงใจ คุณปลอม ไม่จริงใจ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
Elisเอื้อมมือไปบีบคางเธอ เเล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เหอะ เธอคิดว่าพวกเธอจะคบกันได้นานอยู่ เฉินเป็นคนยังไงฉันรู้ดีที่สุด”
“หลินเวยมี่จำเอาไว้ เธอก็เป็นเเค่ของเล่นชิ้นหนึ่งของเขา เธอไม่มีค่าอะไรสักอย่าง สักวันเขาก็จะต้องเขี่ยเธอทิ้ง”
หลินเวยมี่มองหน้าเธอด้วยความโกรธ เเล้วยกยิ้มมุมปาก
“เธอยิ้มอะไร” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
หลินเวยมี่ดึงเเขนตัวเองออก เเล้วเอ่ยพูดขึ้น “เเค่ของเล่นเเล้วไง อย่างน้อยฉันก็ได้ครอบครองหัวใจของเขา เขาเเคร์ฉัน ดีกับฉัน เเค่นี้ก็เพียงพอเเล้ว”
ทุกคำพูดของพูดของหลินเวยมี่เป็นเหมือนมีดที่ทิ่มเเทงใจของเธอ กำมือไว้เเน่น ตะโกนต่อว่าเธอ “นางแพศยา เธอคิดว่าเธอจะครอบครองหัวใจเขาไปได้ตลอดหรอ เขามอบหัวใจของเขาให้กับผู้หญิงคนอื่นไปตั้งเเต่เมื่อห้าปีที่เเล้วละ เธอก็เป็นเพียงตัวแทนชั่วคราวของผู้หญิงคนนั้นก็เเค่นั้น อย่ามั่นใจตัวเองไปหน่อยเลย”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนอื่นงั้นหรอ ผู้หญิงคนนั้นคือใครล่ะ