บทที่ 193 รักของนายมันราคาต่ำเกินไป
ฉู่เฉินซีขมวดคิ้วแน่นแล้วมองรูปภาพในมือของเธอ ทันใดนั้นสายตาก็เป็นประกายแห่งความสุขทันที เขารีบถามอย่างร้อนรนว่า “เธอท้องหรอ?”
หลินเวยมี่ไม่สนใจคำพูดของเขา เธอก้มหน้าลงแล้วลูบไปที่รูปภาพนั้น สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“ฉู่เฉินซี เขาตัวเล็กมากเลย” เธอยิ้มเบาๆ แต่ว่ามันกลับทำให้รู้สึกเศร้า ดวงตาเธอสั่น เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้ร้องไห้
ฉู่เฉินซีจ้องหน้าเธอ ไม่รู้ว่าเธอหมายความว่ายังไงกันแน่ แต่ว่าเขารู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่
เธอเม้มปากแล้วก็ยิ้มออกมาเบาๆ ถอนหายใจ แล้วก็พูดต่อ “อืม ฉันท้อง 35วันแล้ว”
“เธอ……”ฉู่เฉินซีสำลักความสุข ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี ในที่สุดเขาก็จะมีลูกแล้ว ลูกของพวกเขาสองคน
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้นมา มองหน้าเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงควรจะฉลาดกว่านี้ ในเมื่อเลือกที่จะจากไปแล้ว ก็ควรจะเดินไปให้ถึงที่สุด”
ฉู่เฉินซีนิ่งไป มองหน้าเธอเหมือนไม่อยากจะเชื่อ แล้วก็พึมพำ “หลินเวยมี่ เธอทำอะไรกับลูก?”
หลินเวยมี่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ยกมือขึ้นมา แล้วก็โยนขวดยาให้เขา
“ฉู่เฉินซี นายอย่าลืมสิ เพราะความใจดำของนาย ฉันเลย……”พอพูดออกมา น้ำตาเธอก็ไหลออกมาอีกครั้ง
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความรักที่เขาพูดกันมันก็เป็นแค่ก้อนเมฆ เคยรัก เคยเจ็บ แล้วสุดท้ายมันก็จะหายไป
“หลินเวยมี่!ทำไมเธอถึงทำแบบนี้? เขาคือลูกของพวกเรานะ!”ฉู่เฉินซีมองขวดยาในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อ มันเป็นยาทำแท้ง
น้ำตาไหลผ่านดวงตาที่แดงก่ำออกมา เขาไม่คิดเลยว่าหลินเวยมี่จะตัดสินใจแบบนี้ ลูกไม่อยู่แล้ว
“ก็เพราะว่าเป็นลูกของพวกเราไง” หลินเวยมี่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา แล้วก็กำหมัดแน่น “ฉู่เฉินซี นายแต่งงานแล้ว ฉันก็ต้องไปหาคนที่รักฉัน แล้วต้องการให้ฉันมีภาระยังงั้นหรอ?”
“เธอบอกว่าลูกของฉันคือภาระงั้นหรอ?” ฉู่เฉินซีมองหน้าเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง ความเจ็บปวดปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ถ้าไม่งั้นล่ะ?” เล็บที่แหลมคมจิกเข้าที่ฝ่ามือของเธอ เจ็บมาก เจ็บจนทำให้เธอตื่น ตื่นแล้วรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
“หลินเวยมี่!ทำไมเธอถึงทำแบบนี้!” มือของเขาจับที่ไหล่ของเธอ แล้วก็เขย่าเธออย่างแรง สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ถ้าเกิดว่านายชอบเด็ก ก็ให้ภรรยานายท้องเองเถอะ” ประโยคที่เย็นชา ทำให้ฉู่เฉินซีหมดแรง สายตาเหมือนกับว่าไม่เข้าใจผู้หญิงตัวเล็กๆตรงหน้าเลย
“เธอก็รู้อยู่แล้ว ว่าเด็กที่ฉันชอบก็คือลูกของฉันกับเธอ” เขาถอนหายใจออกมา น้ำเสียงแหบแห้ง สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
หลินเวยมี่มองหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วมุมปากก็เผยรอยยิ้มที่เย้ยหยันออกมา แค่นี้ก็รับไม่ได้งั้นหรอ? ถ้ายังงั้นตอนที่เขาหลอกเธอ เธอเจ็บกว่าแค่ไหนกัน?
เธอตัดสินใจรักผู้ชายคนนึง แต่สุดท้ายก็ได้รู้ว่า เขาแค่หลอกเธอเท่านั้น หลอกทั้งหมด แล้วเธอต้องทำยังไงเพื่อซ่อมหัวใจของเธอ?
เพราะฉะนั้น เพื่อที่จะแก้แค้นแล้วอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
“ฉู่เฉินซี เราควรแยกกันให้มันง่ายๆไปเถอะ ต่อไปก็คงจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว ลาก่อน” หลินเวยมี่เดินออกไปด้านนอก แต่ว่าข้อมือเธอถูกดึงไว้ก่อน
เธอหยุดเดินแต่ไม่ได้หันหน้ากลับมา สายตาของเธอมีแต่ความเย็นชา
“ทำไม? ทำใจปล่อยฉันไปไม่ได้หรอ?” เธอถามออกมาเบาๆแล้วหันหน้ากลับมา มองหน้าเขาด้วยสายตาไร้อารมณ์ “ในเมื่อทำใจไม่ได้ แล้วจะแต่งงานกับฐาลี่ไปทำไม?”
ฉู่เฉินซีก้มหน้าลงเล็กน้อย ปล่อยให้ผมปรกหน้าผากของเขา ผมปิดบังสายตาที่เศร้าสลดของเขา เขาเม้มปากแน่นไม่พูดอะไรออกมา
“ฉู่เฉินซี ฉันขอถามอะไรหน่อย นายยังรักฉันอยู่มั้ย?”
ฉู่เฉินซีเงยหน้าขึ้นแล้วมองหน้าเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง “รัก”
หลินเวยมี่ฟังคำนี้โดยที่ไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เธอแค่รู้สึกว่ามันน่าขำเท่านั้น
ทั้งๆที่เมื่อสองชั่วโมงก่อนพึ่งจะบอกฉู่เฟยหยางปว่าไม่แคร์เธอ แล้วตอนนี้กลับมาบอกว่ารักเธองั้นหรอ?
คำว่า ‘รัก’ของฉู่เฉินซีมันง่ายไปหน่อยมั้ย?
หลินเวยมี่หัวเราะใส่เขา สายตาเต็มไปด้วยความหยอกล้อ แล้วก็พูดออกมาว่า “ในเมื่อรักฉัน ก็ไปหย่ากับฐาลี่ซะสิ”
ดวงตาของเขาสั่นไหว แล้วก็มองหน้าเธอเงียบๆ
เธอหัวเราะออกมา สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา แล้วก็ผลักหน้าอกเขา ยืนอยู่ด้านข้าง “ถ้าเกิดว่าไม่สามารถอยู่กับฉันได้แล้วยังจะพูดว่ารักออกมาอีกงั้นหรอ? ผู้ชายอย่างพวกนายปากไม่ตรงกับใจยังงั้นหรอ?”
“ในเมื่อรักฉัน ก็ต้องพิสูจน์ให้ฉันเห็นสิ”
“หลินเวยมี่ ทำไมเธอ……”ฉู่เฉินซีส่ายหน้า สายตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง ไม่คิดเลยว่าหลินเวยมี่จะเป็นคนแบบนี้
หลินเวยมี่ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ขยับเข้าไปหาเขา เขย่งปลายเท้า แล้วพูดออกมา “ผิดหวังใช่มั้ย? ฉันเองก็ผิดหวังมากเหมือนกัน”
“ในเมื่อไม่สามารถรับปากกับฉันได้ก็อย่ามาพูดว่ารัก เพราะว่ามันทำให้ฉันรู้สึกรังเกียจ”
ลมหายใจที่อุ่นของเธอรดลงที่ใบหน้าของเขา ทั้งๆที่อยู่ใกล้กัน แต่กลับรู้สึกเย็นชามาก
“เมื่อก่อนเธอไม่ใช่แบบนี้” เขาส่ายหน้า พูดเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่ เพราะว่าเมื่อก่อนฉันโง่ไง! ก็เลยคบกับนาย แต่ว่านายก็เห็นความโง่ของฉันไม่ใช่หรอ? เห็นว่าฉันหลอกง่าย ก็เลยไม่เคยรับปากฉันมาก่อน” คำพูดของเธอเหมือนกับมีดที่ทิ่มเข้าไปในหัวใจของเขา คำพูดที่เย็นชาทำลายความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของทั้งสองคน
“พอแล้ว เธอไปเถอะ” ฉู่เฉินซีขมวดคิ้วแน่น สีหน้าทุกข์ใจมาก
“ไม่ชอบฟังงั้นหรอ? ได้ ฉันไปล่ะ จำไว้ด้วยนะ ฉู่เฉินซี ถ้าเกิดว่าเจอกันอีกครั้งฉันจะจำไม่ได้แล้วว่านายคือใคร” เธอไม่เว้นที่ว่าง มีความเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตา หลังจากพูดอย่างเย็นชาจบ ก็เดินออกไปทันที
ฉู่เฉินซีนั่งยองๆ แล้วสายตาก็ไปเห็นรูปที่ตกอยู่ที่พื้น ก็เก็บขึ้นมาแล้วนั่งมองมันเงียบๆ
หลินเวยมี่ออกมาจากประตู พอขึ้นรถกู้จุนเฟิงก็สูญเสียการควบคุมไป เธอร้องไห้ออกมาเสียงดัง
กู้จุนเฟิงมองหน้าเธออย่างกังวล ส่ายหน้า แล้วก็สตาร์ทรถออกไป
หลินเวยมี่ร้องไห้ตลอดทั้งทาง จนถึงบ้านของกู้จุนเฟิง เธอถึงจะหยุดแล้วก็สะอึกสะอื้นออกมา
“มันจบแล้ว เรื่องทุกอย่างมันจบลงแล้ว” หลินเวยมี่ถอนหายใจออกมา สายตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
“เสียใจที่ทำลงไปมั้ย?” กู้จุนเฟิงถามออกมาเสียงเบา สายตาเต็มไปด้วยความกังวล “เธอเสียใจที่ได้ทำทุกอย่างลงไปในวันนี้มั้ย?”
หลินเวยมี่ก้มหน้าลง แล้วก็ส่ายหัว แล้วก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “ทำไมฉันต้องเสียใจด้วย เขาเป็นคนเลือกจะทิ้งฉันตั้งแต่แรกเอง ฉันไม่มีวันเสียใจหรอก”
“ดี ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ขึ้นไปอาบน้ำ นอนหลับ แล้วก็ลืมเรื่องราวทั้งหมดไปซะ” กู้จุนเฟิงลูบผมเธออย่างอ่อนโยน สายตาเต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอม
หลินเวยมี่ยิ้มออกมา แล้วก็ตรมเขาลงจากรถไป
มีผู้หญิงคนนึงยืนอยู่หน้าอพาร์ทเมนต์ กู้จุนเฟิงกับหลินเวยมี่ก็หยุดเดินทันที
“เธอมาได้ยังไง?”สายตาของกู้จุนเฟิงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แล้วก็ถามออกมาเสียงทุ้มต่ำ
โจ่วซินเงยหน้ามองหลินเวยมี่ที่อยู่ข้างหลังเขา แล้วก็พูดออกมาด้วยเสียงเบา “จุนเฟิง ฉันได้ยินเรื่องมาจากช๋วนช๋วน กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็เลยมาดูนายหน่อย”
“ไม่จำเป็น ฉันสบายดีมาก” หลังจากพูดจบ เขาก็รีบหยิบกุญแจออกมา เปิดประตู แล้วก็ดึงมือของหลินเวยมี่เข้าไปด้านใน
หลินเวยมี่ยิ้มออกมา แล้วก็หันหน้าไปดูโจ่วซินที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู “เข้าไปด้วยกันสิ”
โจ่วซินฝืนยิ้มออกมา แล้วก็เดินเข้ามาพร้อมกับปิดประตูเบาๆ
หลินเวยมี่รับน้ำที่กู้จุนเฟิงยื่นให้ ตอนกำลังจะดื่มนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็ยิ้มพลางส่งให้โจ่วซิน
โจ่วซินรับไปด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง
กู้จุนเฟิงก็ยื่นน้ำให้เธออีกแก้วนึง สายตาเต็มไปด้วยความทะนุถนอม “เสี่ยวชี เธอไปอาบน้ำก่อน หลังจากนั้นก็มาพักผ่อน”
หลินเวยมี่พยักหน้า แล้วก็เดินออกจากห้องรับแขกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างจำใจ
สีหน้าของกู้จุนเฟิงมืดมนลงทันที เขานั่งบนโซฟาแล้วก็มองหน้าโจ่วซินเงียบๆ ผ่านไปนานถึงจะพูดออกมา “ในเมื่อรู้ว่าฉันสบายดี ก็กลับไปได้แล้ว”
โจ่วซินเงยหน้าขึ้นมาทันที น้ำตาก็คลอเบ้า “จุนเฟิง ต้องทำแบบนี้จริงๆหรอ? หรือจะบอกว่านายยังไม่ลืมเธอ?”
เธอบีบแก้วในมือแน่น สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะได้หัวใจของกู้จุนเฟิงกลับมาอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะให้กู้จุนเฟิงหันกลับมามองเธออีกครั้ง”
เมื่อกี้ เธอมองออก สายตาของกู้จุนเฟิงที่มองหลินเวยมี่นั้นยังคงเหมือนกับเมื่อก่อน เต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอม
ความรู้สึกแบบนี้ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ไม่มีวันจะได้รับมัน เธอพยายามทำนู่นทำนี่ แต่ว่าตอนนี้เธอก็รู้สึกเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เหมือนกับว่าพยายามแย่งสิ่งที่มันไม่ใช่ของตัวเองมา
ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน แต่ยังไงวันหนึ่งก็ต้องจากกัน
“ฉันไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้”กู้จุนเฟิงดื่มน้ำ สีหน้าเย็นชา เหมือนกับว่าไม่อยากจะพูดอะไรมากกว่านี้อีก
โจ่วซินพยักหน้า แล้วก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เหมือนกับว่ากำลังตัดสินใจเรื่องที่ยิ่งใหญ่ยังไงยังงั้น
“ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ฉันก็จะสนับสนุนนายเต็มที่ ฉันจะยอมเซ็นต์เอกสารหย่าเอง”
สายตาของกู้จุนเฟิงสั่นไหวเล็กน้อย ไม่เห็นอารมณ์ใดๆในสายตาของเขาเลย
โจ่วซินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แล้วก็พูดต่อ “เรื่องหย่าฉันจะไม่บอกใครทั้งนั้น มันเป็นแค่เรื่องระหว่างเราสองคน ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยไป เอาแบบนี้แล้วกันนะ”
โจ่วซินจากไป กู้จุนเฟิงก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม มือกำแก้วแน่น
หลินเวยมี่ยืนพิงกำแพงอยู่แล้วก็ส่ายหน้าออกมา “ในใจรู้สึกว่างเปล่าใช่มั้ย?”
กู้จุนเฟิงฝืนยิ้มออกมา “แค่รู้สึกปรับตัวไม่ทันเท่านั้นเอง”
“นายเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลยใช่มั้ย? ยังไงมันก็ผ่านมานานมากแล้ว ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่อีก?” หลินเวยมี่ตบบ่าเขาเหมือนอยากจะปลอบ
“ไม่ต้องปลอบฉัน เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ”
หลินเวยมี่พยักหน้า แล้วก็เดินเข้าไปในห้อง นอนลงบนเตียงแต่ว่าทำยังไงก็นอนไม่หลับ ในหัวคิดแต่คำพูดที่ฉู่เฉินซีพูดกับฉู่เฟยหยาง
คำพูดพวกนั้นเหมือนลูกอ๊อดตัวน้อยๆ ติดอยู่ในสมองของเธอ ทำยังไงก็ลืมไม่ลง
คำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหล่านั้น เหมือนกับว่าฝังแน่นอยู่ในใจของเธอ ทำยังไงก็กำจัดออกไปไม่ได้
เธอลงจากเตียงแล้วยืนอยู่ข้างๆเตียง สายตาก็มองไปนอกหน้าต่าง มองดูโลกภายนอก แล้วก็ถอนหายใจออกมา แล้วก็เอามือวางไว้ที่ท้องน้อยของตัวเอง หลังจากนั้นพูดออกมาเบาๆ “ลูกรัก หม่ามี๊พาลูกหนีออกมา พวกเรามาเริ่มกันใหม่นะ