ตอนที่ 1945
ในช่วงเวลานี้ ภายในหุบเขาแห่งหนึ่ง
เซี่ยงที่ปลอมตัวเป็นเดม่อนเขามังกรก็ถูกทหารเดม่อนนําทางมาสู่ที่นั่งในแถวหน้า เกือบที่จะอยู่ในบริเวณที่นั่งของเดม่อนในระดับลงทัณฑ์สายฟ้า นี่ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเดม่อนเขามังกรมีสถานะที่ไม่ธรรมดา เลยเป็นที่เคารพอย่างมาก
เพราะหากอยู่ในระดับกฏเทวรูปแต่มีคุณสมบัติที่จะนั่งใกล้กับเดม่อนในระดับลงทัณฑ์สายฟ้านั้น นั่นก็เป็นการบ่งบอกถึงสถานะและอิทธิพลที่สูงส่ง
น่าสนใจจริงๆ
เซี่ยปิงก็ขมวดคิ้วและมองไปที่เดม่อนจํานวนมากที่ปรากฏอยู่รอบๆหุบเขาแห่งนี้ อย่างน้อยก็มีจํานวนมากกว่าหนึ่งล้านตัวและอย่างน้อยก็มีพลังอํานาจอยู่ในระดับกฏเทวรูป
ซึ่งเดม่อนในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าก็มีเป็นจํานวนนับแสนตัว
เรียกได้ว่าพวกเดม่อนที่ทรงอํานาจของทวีปเดม่อนแห่งนี้ต่างก็เข้ามารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ทว่าเดม่อนที่เหมือนจะมีสถานะสูงสุดก็มีอยู่สามตัวด้วยกัน พวกมันก็คือเดม่อนอรุณแสง เดม่อนนรกเก้าชุมและเดม่อนหัวใจสวรรค์
เดม่อนอรุณแสงนั้นไม่จําเป็นที่จะต้องพูดถึง สายพันธุ์ของมันมีพรสวรรค์ในระดับสุดยอดอย่างแน่นอน ปกติแล้วจะใช้ชีวิตอยู่ในเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า สูงส่งและมีบารมี กินเดม่อนจํานวนมากเป็นอาหาร ทําให้เดม่อนจํานวนนับไม่ถ้วนรู้สึกหวาดกลัวเพียงแค่ได้ยินชื่อของมัน เป็นที่ขนานนามว่าคือพระอาทิตย์ของอบิส
ทว่าเดม่อนนรกเก้าชุมก็เป็นเดม่อนในระดับสูงสุดเช่นกัน ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อบิสเก้าขุม เป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุดจะพรรณนา
เดม่อนหัวใจสวรรค์ นี่ก็เป็นเดม่อนที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งกําเนิดขึ้นมาจากอารมณ์ด้านลบที่ไร้ที่สิ้นสุดของสิ่งมีชีวิต ล่องหนไร้กายเนื้อ ไม่สามารถที่จะจับต้องมันได้
ปกติแล้วเมื่อเดม่อนหัวใจสวรรค์ต้องการสังหารศัตรู ศัตรูจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ําว่าตนเองตายไปอย่างไร
เดม่อนส่วนใหญ่ก็หวาดกลัวเดม่อนหัวใจสวรรค์อย่างถึงที่สุด นี่คือนักปราชญ์ในหมู่เดม่อนเข้าใจจิตใจของสิ่งมีชีวิตเป็นอย่างดี บงการจิตใจของผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย
ส่วนเดม่อนหัวใจมารที่เซี่ยปิงได้พบเจอก่อนหน้านี้นั้น มันก็คือเดม่อนหัวใจสวรรค์ที่เลื่อนขั้นขึ้นไปในระดับเซนต์เดม่อนนั่นเอง นี่คือปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งจะปรากฏตัวขึ้นมาในอบิสเป็นระยะเวลานับล้านปีต่อครั้ง
เดม่อนหัวใจสวรรค์ก็ปรากฏอยู่ที่นี่เช่นกัน ดูเหมือนว่าการประชุมครั้งนี้จะซ่อนเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ไว้ อันที่จริงพวกมันต้องการที่จะทําอะไรกัน?
เซียปิงก็หรี่ตาลง ยังคงสุขุมเยือกเย็นอยู่
ในขณะเดียวกันเขาก็มองไปที่เดม่อนอรุณแสงด้วยแววตาที่เจือปนความหวัง เขารู้สึกว่าสายเลือดและพลังงานภายในร่างกายของเดม่อนอรุณแสงมีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่สําหรับเขา หากสังหารเจ้าเดม่อนอรุณแสงนี้ได้ มันจะทําให้พลังอํานาจของเขาพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดเป็นแน่
เขาก็จดจําได้ถึงช่วงเวลาที่ตนเองเคยเข้าไปในสนามรบเดม่อน การที่เผชิญหน้ากับตัวตนที่ยืนอยู่ในระดับสูงสุดของพวกเดม่อนอย่างเดม่อนอรุณแสงนั้น ในตอนนั้นเขาก็ทําได้เพียงแค่มองดูจากระยะไกลเท่านั้น ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้
ทว่าในตอนนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เขามีพลังอํานาจเพียงพอที่จะสังหารตัวตนเช่นนี้ได้แล้ว
ดูเหมือนว่าจะมากันพร้อมหน้าแล้ว ข้าขอประกาศเริ่มการประชุมอย่างเป็นทางการ
ในตอนนี้เดม่อนหัวใจสวรรค์ก็ได้เอ่ยขึ้นมา รูปลักษณ์ของมันเป็นเหมือนกับกลุ่มหมอกสีดํา ส่วนลึกของหมอกสีดํานี้ก็มีดวงตาคู่หนึ่งและปากที่ปรากฏขึ้นมา ดูมืดมน น่าสะพรึงกลัวและแปลกประหลาดอย่างมาก
เดม่อนหัวใจสวรรค์ ไม่ต้องพูดจาไร้สาระ การที่เจ้าเรียกพวกเรามาที่นี่ บอกว่าท่านเซนต์เดม่อนได้เรียกระดมพลพวกเรา ถ่ายทอดคําสั่งมา ให้พวกเราเตรียมกองทัพไว้และวางแผนที่จะโจมตีโลกมนุษย์ ข้าอยากรู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่?
ผู้ที่กล่าวออกมานี้ก็เดม่อนกรงเล็บพยัคฆ์ มันตะโกนออกมาอย่างร้อนรนใจ
เดม่อนจํานวนมากก็จ้องมองไปที่เดม่อนหัวใจสวรรค์เช่นกัน พวกมันต่างก็เป็นตัวตนที่เกรี้ยวกราดและไม่เชื่อฟังใคร เหตุผลเดียวที่พวกมันยอมเชื่อฟังคําสั่งและมาเข้าร่วมการประชุมนี้โดยที่ไม่ได้ก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมานั้น ก็เป็นเพราะคําสั่งของเซนต์เดม่อน
แน่นอนว่าการโจมตีโลกมนุษย์ก็เป็นเรื่องที่พวกมันสนใจอย่างมาก
โจมตีโลกมนุษย์?!
เซี่ยงก็ตกใจขึ้นมาทันที เขาก็คิดว่าตนเองบังเอิญมาได้ยินข่าวใหญ่เข้าแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการจริงๆ
หากกลุ่มของเดม่อนเหล่านี้ ไม่สิ ควรที่จะเป็นเดม่อนทั่วทั้งโลกอบิสวางแผนที่จะโจมตีโลกมนุษย์ จากนั้นทั่วทั้งจักรวาลก็จะต้องเผชิญกับหายนะเป็นแน่
เขาก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที เงี่ยหูตั้งใจฟัง จะพลาดรายละเอียดสําคัญไปไม่ได้
แน่นอนว่าเป็นความจริง กลุ่มของท่านเซนต์เดม่อนได้เตรียมการเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลานานแล้ว
เดม่อนหัวใจสวรรค์ก็หัวเราะออกมา ตั้งแต่ในยุคสมัยโบราณที่พวกเราเดม่อนโจมตีโลกมนุษย์ ในช่วงเริ่มต้นของตอนนั้น พวกเราเป็นกองกําลังที่ไม่สามารถต้านทาน อัดทําลายจนสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งจักรวาลต้องล่าถอยไปครั้งแล้วครั้งเล่า ครอบครองพื้นที่อาณาเขตมากกว่าครึ่งหนึ่ง สังหารสิ่งมีชีวิตไปนับไม่ถ้วน
ทว่าในตอนนั้นพวกเราก็ประมาทสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเกินไปจริงๆ ตกหลุมพรางของฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ถูกขับไล่กลับมาสู่โลกอบิสราวกับเป็นสุนัขข้างถนน ตกต่ําถดถอยไปกว่าเดิมมาก เซนต์เดม่อนจํานวนมากก็ตายไป นี่คือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่
ท้ายที่สุดพวกเราก็ถูกพวกบัดซบนั่นปิดผนึกไว้ในโลกอบิส ไม่สามารถก้าวออกไปได้แม้แต่ครี่งก้าว อีกทั้งก็ยังกลายเป็นเครื่องมือหาประสบการณ์ให้กับพวกมนุษย์ ทุกๆปีจะมีกลุ่มมนุษย์ที่เข้ามาสังหารพวกเราเพื่อหาประสบการณ์ นี่มันช่างเป็นความอัปยศอดสูที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราเดม่อน
เมื่อได้ยินคําเหล่านี้ เดม่อนจํานวนมากก็เดือดระอุขึ้นมา แต่ละตัวต่างก็ไม่พึงพอใจ กล่าวได้เพียงแค่ว่า เดม่อนหัวใจสวรรค์เป็นเดม่อนที่มองทะลุได้ถึงจิตใจของสิ่งมีชีวิตอื่นๆอย่างแท้จริง เพียงแค่พูดออกมาไม่กี่คํา ก็ทําให้พวกมันคล้อยตามไปอย่างง่ายดาย
นี่คือประวัติศาสตร์อันขมขื่นของพวกมันเดม่อน พวกมนุษย์เข้ามาสังหารพวกมันเป็นว่าเล่น เห็นพวกมันเป็นเหยื่อในการหาประสบการณ์ ในช่วงเวลานี้ความเกลียดชังที่ทับถมมาเป็นระยะเวลากว่าล้านปีของพวกมันก็เริ่มที่จะเอ่อล้นออกมา
เดิมที่สําหรับพวกมัน มนุษย์เป็นเพียงแค่อาหารเท่านั้น เป็นเพียงปศุสัตว์ ต้องการที่จะเชือดเมื่อไหร่ก็เชือด ต้องการจะกินเมื่อไหร่ก็กิน อ่อนแออย่างมาก
ทว่าตอนนี้จุดยืนของทั้งสองฝ่ายกลับสลับกัน หนําซ้ํายังเป็นพวกมันที่กลายเป็นปศุสัตว์ของพวกมนุษย์ กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้พวกมนุษย์เติบโตขึ้นมา นี่ก็ทําให้พวกมันเกิดโทสะที่ไม่สามารถอธิบายได้อยู่ในใจลึกๆและสะสมมาตลอดมา
ทว่ามันเป็นเพียงเพราะพวกมันอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถที่จะต่อต้านพวกมนุษย์เหล่านั้นได้ พวกมันจึงไม่เปิดเผยความรู้สึกเหล่านี้ออกมา
ในจุดๆนี้ ดวงตาของเดม่อนหัวใจสวรรค์ก็เผยแสงสีดําที่แปลกประหลาดและฉวยโอกาสนี้ในการตีเหล็กในขณะที่ร้อนอยู่ ทว่าความอัปยศอดสูเช่นนี้ มันจะต้องสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วันนี้ เพราะว่าท่านเซนต์เดม่อนได้ตัดสินใจที่จะเข้าไปทําสงครามในโลกมนุษย์อีกครั้ง
แน่นอนว่าคําพูดใครๆก็พูดได้ อย่าลืมว่าทวีปเดม่อนของพวกเราถูกค่ายกลปิดผนึกไว้ ท่านเซนต์เดม่อนมีวิธีการที่จะคลายผนึกอย่างนั้นรึ? เดม่อนบางตัวก็เอ่ยถามออกไป
หากไม่สามารถคลายค่ายกลผนึกได้ ก็อย่าพูดถึงที่โง่เขลาอย่างการบุกรุกเข้าไปในโลกมนุษย์
แน่นอนว่ามีวิธีอยู่ นี่เป็นสิ่งที่ท่านเซนต์เดม่อนได้คิดไว้แล้วเช่นกัน จากการสํารวจหาข้อมูลเป็นระยะเวลากว่าล้านปี ในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบวิธีการที่จะคลายค่ายกลผนึกนั่นได้
เดม่อนหัวใจสวรรค์ก็แสยะออกมา ในความเป็นจริง วิธีการนี้ก็ถูกค้นพบมานานแล้ว เพียงแค่ท่านเซนต์เดม่อนได้เก็บมันเป็นความลับชั่วคราว เพราะว่าจากประสบการณ์อันขมขึ้นจากสงครามครั้งที่ผ่านมาและได้เรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งนั้น ก่อนที่จะมั่นใจในพลังอํานาจจริงๆ พวกเขาจะไม่ทําการโจมตีอย่างนุ่มบ่ามเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็คงจะลงเอยในชะตากรรมเดียวกับในยุคสมัยโบราณ พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ
ทว่าครั้งนี้แตกต่างออกไป โลกอบิสของพวกเราได้สั่งสมพลังอํานาจเป็นระยะเวลากว่าล้านปี เดม่อนที่ทรงอํานาจจํานวนนับไม่ถ้วนก็ถือกําเนิดมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเราไม่ได้อ่อนแออีกต่อไป
ใช่ พวกเราเดม่อนไม่ได้อ่อนแอ!
เดม่อนของอบิสจะไม่มีวันตกเป็นทาสของผู้ใด!
ฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตของเผ่าพันธุ์ทั้งหมดทั้งมวล ล้างแค้นให้กับความบาดหมางทั้งหมดที่ผ่านมา!
เดม่อนจํานวนมากก็คํารามออกมาอย่างฮึกเหิม เป็นเสียงที่สะเทือนน้ําสะเทือนบก พลังฉีเดม่อนก็เอ่อล้นไปถึงสวรรค์ เปลวไฟแห่งความโกรธแค้นของพวกมันถูกกระตุ้นขึ้นมาโดยคําพูดของเดม่อนหัวใจสวรรค์อย่างแท้จริง
ครั้งนี้ กองทัพของพวกเราเดม่อนจะแข็งแกร่งมากขึ้น โหดเหี้ยมมากขึ้นและชั่วร้ายมากขึ้น
เดม่อนหัวใจสวรรค์ก็ตะโกนเสียงดังออกมา พวกเราจะไม่ใจร้อนลุ่มหลงในความสําเร็จในระยะสั้นเหมือนกับในยุคสมัยโบราณอีกแล้ว จะไม่ทําผิดพลาดซ้ําสอง พวกเราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง กลืนกินอาณาเขตดวงดาวไปที่ละแห่ง สังหารสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งอาณาเขตดวงดาวนั้นๆ ฆ่าล้างทั้งตระกูล เปลี่ยนจักรวาลทั้งหมดให้กลายเป็นอาณาเขตของพวกเราเดม่อน
พวกเราเดม่อนจะกลายเป็นจ้าวแห่งจักรวาล จะเป็นผู้ปกครองของเผ่าพันธุ์ทั้งหมดทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เหล่านั้นหรือว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ พวกมันจะกลายเป็นอาหารของพวกเรา เป็นเพียงแค่ปศุสัตว์เท่านั้น ไม่คู่ควรที่จะผูกเชือกรองเท้าให้พวกเราด้วยซ้ํา!