ตอนที่ 1942
“ทว่าสถานการณ์ที่ศิษย์พี่เซี่ยพูดถึงเหมือนจะแตกต่างจากสถานการณ์ที่ข้าได้เจอมา บางครั้งกลุ่มอิทธิพลสองกลุ่มที่ต่อสู้กัน เมื่อพวกเขาเห็นข้าที่เข้ามา พวกเขาก็เล็งเป้าหมายมาที่ข้าก่อนไล่ล่าสังหารข้าจนข้าต้องหลบหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต”
ลูกศิษย์บางคนก็บ่งบอกว่าตนเองเคยเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่กลุ่มอิทธิพลกําลังต่อสู้กัน ทว่า เขากลับไม่ได้กลายเป็นเฒ่าประมงได้กําไร หนําซ้ํายังถูกฝ่ายตรงข้ามมองเป็นศัตรู พยายามไล่ล่าเป็นระยะเวลานาน เกือบที่จะเอาชีวิตไม่รอด
เมื่อนึกได้ถึงเรื่องนี้ เขาก็ยังคงรู้สึกหวาดผวาอยู่ในใจ
“ใช่ ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยหลงทางและบังเอิญเข้าไปในดินแดนลี้ลับบางแห่ง ค้นพบเส้นทางและเดินตามไปจนสุดทาง ทว่ากลับไม่ค้นพบสมบัติใดๆ เห็นเพียงแค่ปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งในตอนนั้นข้าก็รู้ตัวในภายหลังว่าข้าได้เข้ามาในรังของปีศาจ ถูกปีศาจไล่ล่า หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าผู้อาวุโสที่เข้ามาช่วยเหลือข้าอย่างรวดเร็ว บางทีข้าอาจจะไม่ได้มายืนอยู่ในจุดๆนี้ อีกทั้งก็ยังไม่ได้พบสมบัติใดๆ”
บางคนที่รู้สึกเศร้าสลดก็บ่งบอกว่าการหลงทางเข้าไปในดินแดนลี้ลับเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก หากไม่ระมัดระวังแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะหลงเข้าไปในรังปีศาจได้ ถูกปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวไล่ล่า กลายเป็นอาหารของฝ่ายตรงข้าม
ปกติแล้วไม่รู้ว่ามีบุคคลที่หลงทางจํานวนมากแค่ไหนที่ตกเป็นเหยื่อให้กับปีศาจเหล่านี้ แม้แต่กระดูกก็ไม่มีเหลือ
“ก่อนหน้านี้ก็มีศิษย์พี่หลิวที่ถูกปีศาจไล่ล่าในดินแดนลี้ลับและก็ตกลงไปในหน้าผาที่มีความลึกถึงสามพันเมตร ถึงแม้ว่าจะมีการป้องกันของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์อยู่ ทว่าเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาหักทั้งสองข้าง กระดูกกว่าสามร้อยชิ้นทั่วทั้งร่างกายแตกร้าว ใต้หน้าผานั้นก็ไม่มีแม้แต่สายลม มีเพียงหญ้าและก้อนกรวดเท่านั้น ต้องใช้ระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนกว่าที่จะคืบคลานออกมาได้ เผชิญกับความสูญเสียที่ร้ายแรง”
บางคนก็รู้สึกว่าการตกลงไปในหน้าผาไม่ใช่เรื่องที่ดี ชีวิตอาจจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย โชคดีที่ขาทั้งสองข้างหักเท่านั้นและไม่ได้ตายไปโดยตรง
“ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้อยู่ การออกผจญภัยไปในดินแดนลี้ลับของจักรวาลเป็นเรื่องที่อันตรายถึงเพียงนี้เลยรึ?”
เซี่ยปิงก็พูดออกมาอย่างประหลาดใจ
“ใช่ ศิษย์พี่เซี่ย การออกผจญภัยในดินแดนลี้ลับของจักรวาลเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างถึงที่สุด ไม่ได้เป็นการเดินเก็บสมบัติเหมือนอย่างที่ท่านได้กล่าวมาอย่างแน่นอน อาจจะเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้ร่ํารวยขึ้นมา”
“ผู้ที่สามารถเอาชีวิตรอดและร่ํารวยขึ้นมาได้ก็มีเพียงแค่หนึ่งในสิบเท่านั้น มีอัตราการตายที่สูงมาก การออกผจญภัยในแต่ละครั้งก็เป็นการเอาชีวิตของตนเองไปเสี่ยง”
“การสืบทอดมรดกของเซนต์ก็เป็นเรื่องที่ได้แค่เพ้อฝัน ไม่ต้องพูดถึงการที่ตกลงหน้าผาและพบสมบัติใดเลย เพียงแค่การเจอแท่งเหล็กบนพื้นก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว”
ลูกศิษย์จํานวนมากก็ระบายความในใจออกมา มองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด
เมื่อได้ยินคําเหล่านี้ ผู้อาวุโสจํานวนมากรวมถึงผู้นํานิกายจูเซี่ยนก็มีสีหน้าที่พูดอะไรไม่ออก ไม่มีอะไรที่จะพูดได้ พวกเขาก็เริ่มเข้าใจว่าเหตุใดพัฒนาการของเซี่ยปิงถึงได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้
เวรเอ๊ย เจ้าบัดซบนี้ออกไปเดินเล่นเก็บสมบัติ เมื่อพบกลุ่มคนที่ขัดแย้งกัน ก็กลายเป็นเฒ่าประมงได้กําไร ตกหน้าผาก็ได้ครอบครองมรดกสืบทอดของเซนต์ หลงทางก็ค้นพบดินแดนลี้ลับที่ยังไม่มีใครเคยได้เข้าไป
นี่มีที่ไหนที่เป็นมนุษย์อีก เห็นได้ชัดว่าเป็นบุตรแห่งโชคชะตา มีโชคดวงที่ท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง
ทว่าเหตุใดความแตกต่างระหว่างผู้คนถึงได้มากมายเช่นนี้ สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ
พวกเขาต่างก็มองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่อิจฉาริษยา
“ศิษย์พี่เซี่ย ท่านมีวิธีการที่จะแสวงหาผลประโยชน์ได้โดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงแม้แต่น้อยหรือไม่?”
บางคนเอ่ยถามขึ้นมา
“แน่นอนว่ามี ข้าก็ใช้วิธีการนี้มาตลอด”
เซี่ยปิงก็พูดอย่างจริงจัง “อันดับแรกเจ้าจะต้องเก็บเงินห้าหมื่นล้านเหรียญจักรวาลไว้ในธนาคาร จากนั้นทางธนาคารจะให้ดอกเบี้ย5%กับเจ้าในทุกปี เมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าจะได้รับเงิน2.5พันล้านเหรียญจักรวาลในทุกๆปีอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตจะสามารถใช้จ่ายได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะซื้อเม็ดยาหรือว่าสมุนไพรวิญญาณใดๆก็สามารถซื้อได้ ข้าคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีต่อทุกๆคน ไม่ต้องเปลืองแรงแม้แต่น้อย”
ลูกศิษย์จํานวนมากก็มีสีหน้าที่นิ่งอึ้งไป “……….”
พวกเขาก็คิดว่ามันสมเหตุสมผลมาก ไม่สามารถที่จะปฏิเสธแนวคิดนี้ได้เลย นี่เป็นวิธีการที่ไม่ต้องเปลืองแรงอย่างแท้จริง
“แค่ก แค่ก เอาล่ะ เลิกพูดคุยกันได้แล้ว”
ในตอนนี้ผู้นํานิกายจูเซี่ยนที่ยืนอยู่บนเวทีก็ไอออกมาและขัดขวางการพูดคุยสอบถาม เขาจะปล่อยให้เจ้าเศรษฐีบัดซบและเจ้าบุตรแห่งโชคชะตาเซี่ยปิงนี่ทําร้ายลูกศิษย์ของนิกายไปมากกว่านี้ไม่ได้
หากหลงเชื่อคําพูดของเจ้าบัดซบนี้จริงๆ ผู้คนของนิกายจะไม่เกียจคร้านและมัวแต่คิดหาวิธีให้ได้ผลประโยชน์มาโดยที่ไม่เปลืองแรงหรือ?
สถานการณ์แบบเจ้านี้ ไม่สามารถให้ใครมาลอกเลียนแบบได้
เขาก็เริ่มพูดออกมา “เอาล่ะ ลูกศิษย์หน้าใหม่ทุกๆคนก็มากันพร้อมหน้าแล้ว ไม่จําเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ เริ่มเข้าไปในสถานที่ทดสอบทันที ขอให้ทุกคนโชคดีและได้รับประสบการณ์ที่ดีในการทดสอบครั้งนี้”
หลังจากที่สิ้นเสียง ทั่วทั้งโถงนี้ก็มีค่ายกลเทเลพอรต์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาทันที ทอดยาวออกไปกว่าสามพันกิโลเมตร แสงระยิบระยับปรากฏขึ้นมา รอบๆเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานห้วงมิติ
ทันใดนั้นแสงสีขาวก็เปล่งประกายและปกคลุมพื้นที่ที่มืดสลัวแห่งนี้ ห่อหุ้มตัวลูกศิษย์ทุกคนในโถงนี้อย่างกะทันหัน รวมถึงผู้อาวุโสอีกกว่าสิบคนเช่นกัน จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็หายวับไปจากดาวฟ้าดินดวงนี้
ปัง!
ทันใดนั้นลูกศิษย์จํานวนมากของนิกายฟ้าดินก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เหมือนว่าจะกระโดดข้ามมิติมาเป็นระยะไกล วินาทีต่อมาพวกเขาก็รู้สึกว่าเท้าของตนเองกําลังเหยียบอยู่บนพื้นอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกเทเลพอร์ตมาสู่ดินแดนที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง เป็นไปได้ว่าคือสถานที่ทดสอบในครั้งนี้
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนก็ได้มาถึงทวีปเดม่อนหมายเลข333,333แล้ว โปรดรอสักครู่ รอให้ลูกศิษย์ของนิกายอื่นๆมากันพร้อมหน้า หลังจากนั้นจะเปิดให้เข้าไปในพื้นที่การทดสอบทันที”
เสียงของผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา ถ่ายทอดมาสู่โสตประสาทของลูกศิษย์แต่ละคน
ลูกศิษย์จํานวนมากก็มองไปรอบๆ ค้นพบว่าดินแดนแห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยออร่าของเดม่อนในทุกหนแห่ง ท้องฟ้ามืดสลัว เหมือนว่าจะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทา ไม่สามารถมองเห็นแสงอาทิตย์ได้
ยิ่งไปกว่านั้นดินแดนแห่งนี้ก็ยังมีออร่าแห่งความเงียบและความอ้างว้างที่ปกคลุมไปรอบๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอาศัยอยู่เลย แม้แต่หญ้าสักต้นก็ไม่มี ทุกๆที่มีเพียงแค่พื้นที่โล่งเปล่า มีซากปรักหักพังและอาคารทรุดโทรมมากมาย พื้นดินขรุขระราวกับเป็นพื้นผิวของดวงจันทร์
จากสิ่งดังกล่าว สามารถที่จะจินตนาการได้ว่าดินแดนแห่งนี้เคยผ่านสงครามที่สิ้นหวังมาแล้ว เกือบที่จะทําให้ทั่วทั้งดินแดนล่มสลายไป
ซู่จี เจียงยารุ ฉู่หลงและยวีชีชีทั้งสี่คนก็สังเกตเห็นสภาพแวดล้อมนี้เช่นกัน
“ที่นี่คือทวีปเดม่อนหรือ? นี่คือโลกอบิสหรือ?”
“ไม่ พวกเรายังไม่ได้เข้าไปในโลกอบิส ดินแดนแห่งนี้เป็นเพียงแค่ทางเข้าไปสู่โลกอบิสเท่านั้น”
“ทวีปเดม่อนหมายเลข333,333? ถ้าอย่างนั้น ในจักรวาลนี้จะมีดินแดนเช่นนี้อยู่มากมายเพียงใดกัน?”
“เท่าที่ข้ารู้มา สถานที่เช่นนี้กระจายอยู่ทั่วทั้งจักรวาล ถูกคุ้มกันและเฝ้าระวังโดยนิกายจํานวนนับไม่ถ้วน”
“ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดฝัน สถานที่แห่งนี้ช่างแผ่ออร่าของลางร้ายออกมา เป็นสถานที่ที่น่าอึดอัดมาก เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายในทุกหนแห่ง ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยเป็นระยะเวลานาน”
“ดูเร็ว ลูกศิษย์ของนิกายอื่นๆก็มาถึงกันแล้ว”
ซู่จี เจียงยารุ ฉู่หลงและยวีชีชีทั้งสี่คนก็เข้าใจข้อมูลส่วนหนึ่ง ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ได้รับมาจากอาจารย์ของพวกเธอ มีความเข้าใจในการทดสอบของพื้นที่เดม่อนในระดับหนึ่ง
ในตอนนี้ เมื่อลูกศิษย์ของนิกายฟ้าดินมาถึงสถานที่แห่งได้ไม่นาน ลูกศิษย์ของนิกายเมฆาทะยาน นิกายห้าธาตุ นิกายหวนคืนปรโลกและนิกายเซียนเหินเวหา นิกายระดับเซนต์ทั้งสี่ก็ถูกเทเลพอร์ตมาที่นี่เช่นกัน ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“มาแล้วรึ?”
เซี่ยปิงก็ไม่ได้สนใจนิกายอื่นๆ ทว่ามองไปที่นิกายเมฆาทะยานเพียงเท่านั้น
สาเหตุที่เขามีความสนใจในนิกายเมฆาทะยานก็ไม่ใช่เพราะสิ่งอื่นใด เป็นเพราะว่าหลังจากที่เขาและเย่เมิ่งเหยาได้ใช้ค่ําคืนร่วมกันในวันนั้น พวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เป็นไปได้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเข้ามาควบคุมดูแลการทดสอบนี้เช่นกัน เมื่อได้เห็นเขา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะแสดงสีหน้าอย่างไร
ทว่าเมื่อเขาลองสังเกตดูอย่างละเอียดแล้วนั้น เขากลับค้นพบว่ามีเพียงแค่บรรดาผู้อาวุโสที่แก่ชราของนิกายเมฆาทะยานที่มาที่นี่ ไม่มีเย่เมิ่งเหยาอยู่ เหมือนว่าเธอจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับการทดสอบครั้งนี้