บทที่ 216 ผมไม่เคยไม่มีการเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
ทั้งห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบงัน ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มที่ตกลงพื้นดิน นอกจากเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วคนอื่นก็เหมือนจะหยุดการหายใจไปชั่วครู่
หัวสมองของเสิ่นอีเวยก็ทำการหยุดชะงักลง เมื่อสักครู่นี้เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดอะไรออกมา ? เหมือนกำกับผงที่ทำให้คนนั้นมีอาการติดและกล่อมประสาท ในหัวเธอเต็มไปด้วยความสับสน สุดท้ายก็สามารถเข้าใจความหมายของเขาได้
เจิ้งอวิ๋นชวนเสพยา และเซิ่งเจ๋อเฉิงสามารถถ่ายภาพลงมาได้
ภายในระยะเวลาที่ไม่กี่วินาที สถานภาพก็เปลี่ยนไปทันที เสิ่นอีเวยยังไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาตัวเองเลย ว่าความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้น ? เสิ่นอีเวยเสพยาเป็นเรื่องจริงหรือปลอมกันแน่ ? เซิ่งเจ๋อเฉิงทำไมสามารถมีหลักฐานพิสูจน์ได้ ?
เสิ่นอีเวยหันไปหาเซิ่งเจ๋อเฉิง ส่วนเจิ้งอวิ๋นชวนก็มีหน้าตาที่ไม่สนใจอะไร เหมือนกับไม่ยอมรับอะไรเลย สุดท้ายสีหน้าของเจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้ปรากฏถึงความสับสนซึ่งไม่สามารถที่จะระงับอาการไว้ได้
หากเสิ่นอีเวยมองไม่ผิดแล้วล่ะก็ สายตาของเจิ้งอวิ๋นชวนลุกเป็นไฟ ชัดเจนว่าเขาโกรธจนไม่สามารถที่จะหยุดยั้งได้
แต่ลูกชายของเจิ้งโป๋หงก็มีชื่อเสียงสมคำร่ำลือ ต่อให้เป็นการต่อสู้ที่ผาดโผนอาจจะยังไม่เท่าเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่หากพบเจอกับปัญหาก็ยังสามารถที่จะสงบอารมณ์ได้ ในส่วนนี้เขาทำได้
เขาได้เงยหน้าและมองไปยังเซิ่งเจ๋อเฉิง และท่าทางอารมณ์ การหายใจที่มีความน่าเกรงขามอยู่ในนั้น
เจิ้งอวิ๋นชวนได้เปิดปากพูดออกมาว่า “คำพูดของประธานเซิ่ง ผมไม่เข้าใจสักนิดเลย ผงสารที่ทำให้คนนั้นติดนั้นคืออะไร ? เครื่องบันทึกวิดีโอ ? หากประธานเซิ่งไม่ว่าแล้วล่ะก็ ผมก็อยากจะดูเหมือนกัน ในเมื่อหากผมจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ หากเป็นการใส่ร้ายป้ายสีแล้วก็จะเป็นเรื่องของกฎหมายที่จะต้องการจัดการ”
เสิ่นอีเวยไม่ได้รู้จักเซิ่งเจ๋อเฉิงแค่วันเดียว ดังนั้นในความเข้าใจของเธอ เธอสามารถเข้าใจผู้ชายคนนี้พอสมควร ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นในแวดวงธุรกิจหรืออะไรก็ตาม หากเขามีหลักฐานที่แน่ชัด เขาก็จะกล้าพูดออกมา
เสิ่นอีเวยพอคิดถึงตรงนี้ เขาก็เลยรู้สึกเจ็บไปที่ขั้วหัวใจ
เสิ่นอีเวยได้มองไปยังที่เซิ่งเจ๋อเฉิงนั่งอยู่ ท่านั่งของเขานั้นเปรียบเสมือนท่านั่งของเทพบนสวรรค์ เซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนที่ทำเรื่องราวแบบนี้ได้ดีมากสง่างามเพียงนี้ แต่ทำไมกับชั้นแล้วมีความอดทนน้อยเหลือเกิน
สิ่งที่คุณนั้นมีก็เพียงพอที่จะสามารถตัดสินอะไรได้ แต่ทำไมจึงตัดสินใจว่าชั้นนั้นเป็นคนทำร้ายถังเจิน ?
ความคิดพวกนี้เต็มไปหมดในหัวของเธอ ภายในไม่กี่วินาที ร่างกายของเขาก็เหมือนกับถูกไฟนรกแผดเผาอย่างทารุณ
“ใส่ร้ายป้ายสี” เซิ่งเจ๋อเฉิงได้พูดออกมาสี่พยางค์ เหมือนกับได้ฟังคำตลกและหัวเราะอยากไม่ได้ตั้งใจ
วินาทีต่อมา เซิ่งเจ๋อเฉิงได้หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เสิ่นอีเวยได้มองไปสักครู่หนึ่ง นั้นไม่ใช่โทรศัพท์ของเขา แต่ดูแล้วเหมือนโทรศัพท์ใหม่
ซ่งเจ๋อเฉิงก็ได้กดลงไปที่โทรศัพท์ ความสนใจทั้งหมดของเสิ่นอีเวยเกือบทั้งหมดนั้นถูกสะกดโดยเซิ่งเจ๋อเฉิง
และเจิ้งอวิ๋นชวนที่นั่งอยู่บนโซฟา ในใจก็เต็มไปด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หลังจากที่เซิ่งเจ๋อเฉิงกล่าวถึงเรื่องผงสารนั้น ทำให้ใจเขาเต้นระรัว
นี่คืออาการตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้นำโทรศัพท์ออกมาไว้บนโต๊ะ เนื่องจากเป็นโต๊ะกระจก เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้ใช้มือดีดโทรศัพท์ไปยังต่อหน้าเจิ้งอวิ๋นชวน
ถึงแม้ระยะห่างจากโต๊ะถึงเจิ้งอวิ๋นชวนมีระยะห่างที่พอวคร แต่ว่าหากยื่นมามือก็สามารถรับได้
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แต่ว่าเสิ่นอีเวยกลับตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง ในปากของเธอนั้นมีรอยยิ้มอยู่ในนั้น แล้วในใจก็ได้พูดว่า ทุกเรื่องราวก็มีผลของมัน
สีหน้าของเจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้เปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง ถึงแม้เขาจะนั่งพิงโซฟาอย่างสบาย ๆ แต่สายตาของเขาก็ได้มองไปอย่างไม่ลดละ
ชัดเจนว่าโทรศัพท์เป็นสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ทำไมตอนนี้กลับเหมือนมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ตรงนั้นเหมือนกับมีหลุมดำขนาดใหญ่ ที่กำลังจะกลืนกินทุกอย่างเข้าไป
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้พูดว่า “คุณชายเจิ้ง เมื่อสักครู่นี้บอกว่าผมใส่ร้ายป้ายสีหรอกหรือ ? หรือว่ารอคุณดูหมดทุกอย่างแล้วค่อยมาเปลี่ยนความคิดก็ได้นะ”
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเงียบงัน เจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้ยืนมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาก็ได้กดไปตรงที่โทรศัพท์เรียบร้อย
บรรยากาศที่คุ้นเคย บทสนทนาที่คุ้นเคย คนที่คุ้นเคย ในวิดีโอนั้นทำให้เจิ้งอวิ๋นชวนนึกถึงไปยังอดีตที่ชัดเจนอย่างยิ่ง
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เหมือนโดยไม้มาทุบที่ตรงหัวอย่างรุนแรง แล้วเริ่มมีความสับสน ความจริงมันเกิดเรื่องเมื่อวันก่อนนี่เอง แต่ทำไม…
เจิ้งอวิ๋นชวนเงยหน้ามองเซิ่งเจ๋อเฉิง ด้วยสายตาที่เยือกเย็นอย่างหาเปรียบไม่ได้
ทำไมเซิ่งเจ๋อเฉิงสามารถถ่ายรูปนี้มาได้
ยังไม่ได้รอเจิ้งอวิ๋นชวนถามคำพูดในใจของเขา เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ธรรมดา สบาย ๆ
“ขอโทษทีคุณชายเจิ้ง ผมเซิ่งเจ๋อเฉิงแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยต่อสู้โดยไม่เตรียมพร้อม”