บทที่ 287 โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงเกร็งขึ้นมา เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนี้จากปากของเสิ่นอีเวย
น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความสงสัย: “ทำไมอยู่ๆเธอถึงได้พูดชื่อของสวี่อันฉิงขึ้นมา”
บอดี้การ์ดพยายามคิดหาเหตุผล แต่ดูเหมือนว่าวันนั้นคุณผู้หญิงไม่ได้บอกเหตุผลอะไรกับเขา ดังนั้นเขาจึงได้แต่ตอบไปตามความเป็นจริง: “ขอโทษครับท่านประธานเซิ่ง วันนั้นคุณผู้หญิงไม่ได้บอกเหตุผลอะไรครับ”
ด้วยเหตุที่วันนี้ทั้งวันหาตัวเสิ่นอีเวยไม่พบ หลังจากสอบถามข้อมูลจากคนหลายคน ตอนนี้เวลานี้ในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงเต็มไปด้วยความโกรธอย่างสุดขีด หันไปข่มขู่บอดี้การ์ดปลายสายว่า :” คิดให้ดีก่อนแล้วค่อยบอกฉัน วันนั้นตกลงหล่อนพูดอะไรบ้าง เล่าให้ฟังอย่างละเอียดทุกคำ”
บอดี้การ์ดกลัวจนลนลาน รีบตอบว่า: “ท่านประธานเซิ่ง ผมไม่ได้โกหกท่านนะครับ วันนั้นคุณผู้หญิงบอกผมแค่นี้จริงๆครับ” เซิ่งเจ๋อเฉิงพยายาควบคุมไฟโกรธที่กำลังปะทุอยู่ภายในใจแล้ววางสาย
ไม่ไปทำงานที่บริษัทเซิ่งซื่อ หลอกคนใช้ที่บ้าน พูดจาแปลกๆกับบอดี้การ์ดที่โรงพยาบาล เสิ่นอีเวย แกล้งทำเป็นหายตัวไปเหรอ
ดีมาก
เซิ่งเจ๋อเฉิงขบกรามแน่น นัยน์ตาเย็นเยือกดั่งน้ำแข็ง คนที่กำลังโกรธถึงขีดสุด อารมณ์กลับมีความสงบนิ่งมากกว่าปกติ เซิ่งเจ๋อเฉิงเหมาะที่จะพิสูจน์สิ่งนี้มากที่สุดแล้ว
เขาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วรีบกดเบอร์โทรของเสิ่นอีเวยอย่างรวดเร็ว นิ้วเรียวยาวและข้อต่อของนิ้วที่เห็นชัดเจนกดลงบนหน้าจออย่างคล่องแคล่วว่องไว เมื่อกดโทรออกไปเซิ่งเจ๋อเฉิงถึงกับชะงักงัน
เพราะเบอร์นี้เขาไม่ได้บันทึกเอาไว้ แต่เขากลับจำมันได้อย่างขึ้นใจ ตัวเองจำเบอร์นี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
กดโทรออกไปแล้วแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆ เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ยินเพียงเสียงสายไม่ว่างเท่านั้น
เขายังไม่ยอมแพ้ กดโทรออกไปอีกครั้งแต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม
ความโกรธของเซิ่งเจ๋อเฉิงเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความสงบเยือกเย็นในเวลานี้ ไม่ใช่เพราะว่าเขาหายโกรธแล้ว แต่เป็นเพราะว่าเมื่อเขารู้ว่าตนเองไม่สามารถติดต่อเสิ่นอีเวยได้นั้น หัวใจของเขาก็เกิดเต้นรัวไม่หยุด เขากำลังเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้น
ใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนตกลงไปในบ่อน้ำลึก สมองของเขาครุ่นคิดถึงช่วงเวลาที่เขาและหล่อนอยู่ด้วยกันอย่างละเอียด พยายามคิดทบทวนพิจารณาว่าหล่อนเคยพูดอะไรที่ซ่อนนัยยะอะไรกับเขาบ้างหรือไม่
แต่ตอนนี้ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่รู้เลยว่าเสิ่นอีเวยหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่
เขากับหลินอวี้ไปทำงานนอกสถานที่กันตั้งแต่วันพุธที่แล้ว วันอังคารเขาก็ไม่เจอหน้าเสิ่นอีเวยแล้ว ป้าเฉินบอกว่าหล่อนพูดว่าออกไปทำงานพร้อมกับเขา ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าหล่อนก็อาจจะหายตัวไปพร้อมกับที่เขาเดินทางไปทำงาน
แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไปอยู่ที่ไหนได้
ตอนนี้เอง ด้านนอกก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังขึ้น เซิ่งเจ๋อเฉิงกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น รีบพุ่งตัวไปที่หน้าต่าง ท้องฟ้ากว้างใหญ่เต็มไปด้วยเมฆสีดำทะมึน ไม่นานฝนก็กระหน่ำลงมา
เซิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะเยาะอยู่ในใจ เขากับหลินอวี้เพิ่งจะลงจากเครื่องบินก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง ตอนนั้นท้องฟ้ายังปลอดโปร่งทั้งเมือง ตอนนี้กลับมีฝนตกลงมาเสียอย่างนั้น
ช่างเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นเสียจริงๆที่เปลี่ยนหน้าได้รวดเร็วเสียเหลือเกิน อันที่จริงเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ถือสานิสัยแบบนี้ของหล่อน บางครังกลับชื่นชมเสียด้วยซ้ำ แต่เวลานี้เพราะว่าเขาหาตัวหล่อนไม่เจอ ไม่เห็นหน้าหล่อนเลยรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา แม้แต่นิสัยของหล่อนก็เกิดความเกลียดขึ้นมา
นอกหน้าต่างฝนตกลงมาอย่างหนัก คนใช้ต้องรวบรวมความกล้าเพื่อจะเดินมาปิดหน้าต่างที่เปิดอยู่นั้น ตอนที่ยืนอยู่ข้างเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นแน่นอนว่าเขากลัวจนไม่กล้าพูดอะไร ก็เพราะว่าเวลาที่เซิ่งเจ๋อเฉิงโกรธหน้าตาจะน่ากลัวมาก หน้านิ่งจนไม่รู้เปรียบกับอะไรดี
เพราะว่าฝนตกหนัก ทำให้น้ำฝนที่ไหนลงมาตรงกระจกที่หน้าต่างนั้นเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ คดๆงอๆไหลลงสู่เบื้องล่าง เซิ่งเจ๋อเฉิงมองฝนที่อยู่นอกหน้าต่าง อยู่แบบนั้นตลอดทั้งช่วงบ่าย
ตลอดช่วงระยะเวลานั้น เว้นช่วงไม่กี่นาทีเขาก็โทรหาเสิ่นอีเวยครั้งหนึ่ง ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น แต่ก็เป็นเช่นเดิมคือติดต่อไม่ได้
ประตูเชื่อมต่อไปยังสวนด้านหลัง รอจนฝนซาลง เซิ่งเจ๋อเฉิงเดินไปหยุดยืนที่บันไดในสวนหลังบ้าน สวนหลังบ้านที่เพิ่งถูกฝนกระหน่ำลงมาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดิน เซิ่งเจ๋อเฉิงค่อยๆเงยหน้ามองท้องฟ้า ที่ให้ความรู้สึกเหมือนมีควันสีเทาดำลอยอยู่ทั่วไปหมด
นี่มันฝนตกนี่นา จะมีควันสีเทาดำได้อย่างไร
เซิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะเยาะตนเองในใจ นี่เขาคงจะเพ้อเจ้อไปเอง หรือเพราะเขาคิดถึงและเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นเกินไปกันแน่ เซิ่งเจ๋อเฉิงเองไม่ตอบไม่ได้
เขาเองก็เป็นคนมีความรู้ ดังนั้นการที่เขาโทรหาเสิ่นอีเวยหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็สายไม่ว่างตลอด ในใจเซิ่งเจ๋อเฉิงเองก็พอจะรู้สาเหตุอยู่แล้ว
ทางเสิ่นอีเวย ถ้าโทรศัพท์ไม่ได้มีปัญหาก็ต้องเกิดปัญหาจากซิมการ์ดเสีย แต่เมื่อดูจากคำบอกเล่าของป้าเฉินแบะบอดี้การ์ดที่โรงพยาบาลแล้ว น่าจะสันนิษฐานได้ว่าเสิ่นอีเวยไม่ต้องการให้เขาติดต่อหล่อนได้
และก็ไม่ต้องการให้เขาตามรอยหล่อนได้ จึงต้องโกหกแบบน้้น
ถ้าหากซิมการ์ดมีปัญหาส่วนใหญ่ก็เกิดจากการกระทำของคน เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว แววตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยิ่งเงียบขรึม
ผู้หญิงคนนั้น หนีไปแล้ว
หนีจากเขาไป หนีจากพันธนาการของเขา
เสียดายที่ก่อนเขาจะเดินทางไปทำงานนั้นพยายามแสดงออกให้หล่อนเห็นถึงความคิดและความจริงในใจของเขา และยังวางแผนให้หล่อนไปรักษาตัวที่อเมริกา ทำไมนะ ทำไมผู้หญิงคนนี้ก็ยังคิดจะหนีไปอีก
“เสิ่นอีเวย เพราะผมดีกับคุณตามใจคุณมากไปเหรอ”เซิ่งเจ๋อเฉินรำพึงรำพันคนเดียว น้ำเสียงทุ้มต่ำ ฟังออกถึงความโกรธและใจสลาย
แต่ว่า ในเมื่อผมก็ยอมตามใจคุณขนาดนี้ แล้วทำไมคุณถึงยังจะหนีผมไปอีก
คำถามที่สองไม่มีเสียงดังออกมา เขาเพียงแค่ถามอยู่ในใจ เขาสาบานว่าเขาจะต้องหาผู้หญิงที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนั้นให้พบให้ได้ รอวันนั้นที่เขาพบหล่อน เขาจะต้องทำให้หล่อนมีคำตอบที่ทำให้เขาพอใจให้ได้
มิเช่นนั้นเขาจะต้องทำให้หล่อนเสียใจกับการตัดสินใจทำเรื่องโง่เขลาของตัวเองในครั้งนี้
ต่อมาภายในช่วงหนึ่งเดือนนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงโทรหาทั้ง เซียวหันถิงและฉินโม่ เพราะเขาจำได้ว่า เสิ่นอีเวยไม่ได้ติดต่อใครนอกจากพวกเขาทั้งสองคน
ในสายทั้งฉินโม่และเซียวหันถิงต่างก็ไม่รู้ถึงการหายตัวไปของเสิ่นอีเวย และเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้ไปพบพวกเขาทั้งสองคนหลังจากการพูดคุยทางโทรศัพท์อีกด้วย เพราะเขามั่นใจในสายตาของเขา หากมีใครพยายามเสแสร้งโกหกต่อหน้าเขา จะต้องไม่มีทางรอดพ้นสายตาเขาไปได้แน่นอน
แต่ผลกลับทำให้เขารู้สึกผิดหวังมาก เพราะผู้ชายทั้งสองคนดูเหมือนว่าจะไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะฉินโม่ ที่พอรู้ถึงการหายตัวไปของเสิ่นอีเวย กลับย้อนถามเซิ่งเจ๋อเฉิงว่าทำไม่ดูแลหล่อนให้ดี ทำไมไม่รั้งหล่อนเอาไว้