บทที่ 304 ค่าซ่อมสิบล้าน
เขาตกตลึงคาดไม่ถึง ยืนอยู่กับที่ไม่รู้จะพูดอะไร ผ่านไปเนิ่นนานจึงพูดออกมาหนึ่งประโยค:“คำถามเหล่านี้ผมไม่ค่อยรู้แน่ชัด ผู้ช่วยของผมเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” อยู่ดีๆเสิ่นอีเวยก็หัวเราะขึ้นมา
เธอหัวเราะเสียงดังอย่างหยาบคาย แต่ไม่ได้ทำให้ซ่งลู่เหยี่ยนรู้สึกอะไร:“คุณเสิ่นหัวเราะอะไรหรอครับ?”
เสิ่นอีเวยยืนตัวตรง พูดว่า :“คุณซ่ง คุณไม่เพียงแต่ไร้ความสามารถในการแกล้งเป็นคนรวย แต่คุณยังขาดทักษะในการพูดโกหกอีกด้วย ฉันรู้จักคนร่ำรวย บางครั้งแววตาของคุณก็ดูคล้าย แต่เขามีบารมีและออร่ามากกว่าคุณ ดังนั้นฉันแค่มองแวบเดียวก็ดูออกแล้วว่าคุณไม่ใช่เจ้าของคนคันนี้ตัวจริง เพียงแต่ว่า ——”
พูดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยหยุดไปสักพัก แสงสว่างในแววตามืดลงทันที เธอพูดต่อ:“เพียงแต่ว่าคนมีเงินบางคนไม่ใช่คนดีก็เท่านั้นเอง ดูแล้วคุณน่าจะมีจิตใจที่ดี ฉันรู้นะ ตัวตนที่แท้จริงของคุณไม่ได้เลวร้ายแบบนี้”
เสิ่นอีเวยพูดอย่างมีเหตุผล ซ่งลู่เหยี่ยนตะลึงงัน
“พูดมา แท้จริงแล้วใครใช้ให้คุณทำแบบนี้ ?”สายตาของเสิ่นอีเวยจริงจัง เธอมองซ่งลู่เหยี่ยนและถามขึ้นมา
ถูกดวงตาคู่สวยจ้องมอง ซ่งลู่เหยี่ยนใจสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เพราะแววตาของเสิ่นอีเวยน่าหวาดกลัว ดูเหมือนวันนี้หากเขาไม่ยอมพูดชื่อของประธานเซิ่งที่อยู่เบื้องหลังตนเอง ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคงไม่ยอมปล่อยเขาไป
แต่ประธานเซิ่งเคยพูดชัดเจนแล้ว ก่อนหน้าที่เขายังไม่ได้สั่งงานด้วยตนเอง ว่าอย่าบอกว่าตนเองคือคนขับรถของเขา การที่เขาถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงเลือกให้เป็นคนขับรถส่วนตัว แสดงว่าซ่งลู่เหยี่ยนก็ไม่ใช่คนที่มีความคิดธรรมดา เขาเพียงแต่ไม่เก่งเรื่องโกหก
นึกถึงตรงนี้ ซ่งลู่เหยี่ยนพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง แล้วมองไปที่เสิ่นอีเวย พูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผมทั้งนั้น หรือหากเบื้องหลังของผมคือใคร คำถามสองข้อนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณเสิ่น ตอนนี้สิ่งที่คุณเสิ่นต้องทำ คือรีบจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด คุณและผมจะได้ไปทำธุระของตนเองต่อเสียที ไม่ใช่มาเสียเวลากันแบบนี้ คุณจะว่าอย่างไรครับ?”
เสิ่นอีเวยหัวใจหล่นไปที่ตาตุ่ม วันนี้บังเอิญมาเจอกับผู้ชายใส่แว่นที่แสนจะรับมือยากคนนี้ จะปัดความรับผิดชอบเรื่องชนท้ายรถก็ไม่ได้ ตอนนี้กลับต้องจ่ายค่าชดใช้ให้คู่กรณีแบบงงๆอีก
เธอเกลียดจริงๆ!เกลียดที่ฟ้าดินไม่เคยเมตตา ทำไมเธอถึงได้โชคร้ายแบบนี้!?
เสิ่นอีเวยมองซ่งลู่เหยี่ยนด้วยความสงบ ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนแดงไปหมด ดวงตาจ้องมอง ข้างในมีน้ำเป็นประกาย
มีบางจังหวะ ซ่งลู่เหยี่ยนมองตาของคู่กรณี ทำให้เขารู้สึกกังวลและเสียวสันหลัง เพราะเขารู้สึกว่าสายตาของคุณนายเซิ่งคนนี้กระจ่างใสเกินไป หากไม่ระวังตัว อาจถูกเธอมองทะลุความคิดทุกอย่างในใจได้
เสิ่นอีเวยโมโหอยู่ในใจ อันที่จริงเมื่อสักครู่ตนเองพูดทุกอย่างที่สามารถพูดออกไป เพราะต้องการรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังซ่งลู่เหยี่ยนแท้จริงคือใคร เธอเติบโตขึ้นมาในเมืองนี้ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก สำหรับคนที่มีหน้ามีตาในเมืองนี้ เมื่อก่อนตอนที่เธอและเซิ่งเจ๋อเฉิงไปงานเลี้ยงและงานแสดงสินค้าด้วยกัน ก็ได้พบเจอผู้คนมากมาย
ดังนั้นเธอต้องการรู้ว่าเจ้านายของคู่กรณีคือใคร เพื่อที่เธอจะได้พิจารณาในใจสักหน่อย ว่าด้วยเหตุนี้จะได้ตัดสินใจจ่ายค่าชดใช้หรือหาทางบ่ายเบี่ยงต่อไป
แต่ตอนนี้มองดูแล้ว ผู้ชายใส่แว่นแซ่ซ่งคนนี้เหมือนกับเป็นของหวานชิ้นหนึ่ง ร่างกายของฝั่งตรงข้ามสามารถตีช่องโหว่แตกได้ ทั้งหมดนี้ตัวเขาเองปกป้องไว้อย่างดี
ได้ฟังน้ำเสียงเมื่อสักครู่ของซ่งลู่เหยี่ยน เจ้านายของเขาคล้ายกับคนที่ไม่สามารถพูดชื่อออกมาได้ตามอำเภอใจ ถ้าไม่สามารถพูดชื่อออกมาได้ง่ายๆแบบนี้……งั้นส่วนใหญ่เป็นคนในแวดวงการเมือง
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยจึงตัดสินใจไม่ถามขุดคุ้ยให้ลึกกว่านี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องรีบกลับบ้าน ดังนั้นตอนนี้เธอสามารถทำอะไรได้บ้าง?คงทำได้เพียงยอมรับมัน
ถ้าหากเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังของผู้ชายใส่แว่นเป็นคนที่ร้ายกาจมาก เรื่องราวใหญ่โตแล้ว งั้นตอนสุดท้ายคนที่ต้องเสียเปรียบก็ไม่ใช่ตนเองหรอกหรอ?ไม่ไม่ไม่ เสิ่นอีเวยไม่คิดจะทำอะไรโง่ๆ
สังคมในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่ว่าจะมีสถานะแบบไหน อำนาจที่คุณถืออยู่ในมือ ยิ่งเยอะก็แปลว่าเสียงคุณยิ่งดัง ดังนั้นอำนาจยิ่งเยอะ เสียงยิ่งดัง อำนาจการตัดสินใจก็เยอะด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอเพิ่งค้นพบว่า การใช้คำพูดของตำรวจจราจรสองคนตรงหน้าก็ชัดเจนว่ามีความผิดปกติ ลองพิจารณาท่าทางในการปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง คิดๆดูแล้ว เหมือนกับเป็นพรรคพวกของซ่งลู่เหยี่ยนจริงๆ
ก็ได้ ก็ได้ คิดว่าฟาดเคราะห์แล้วกัน สูญเสียเงินนี้ไปวันนี้ เพื่อทำให้ตนเองฉลาดขึ้นในวันข้างหน้า
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยมองไปที่เอกสารในมือของซ่งลู่เหยี่ยน เธอกรอกตามองบน พูดด้วยความหยิ่งยโส:“ ส่งเอกสารมาให้ฉัน”
ซ่งลู่เหยี่ยนเห็นว่าในที่สุดเสิ่นอีเวยก็ยอมสักที เขาก็โล่งใจเช่นกัน การได้เห็นเรื่องราวเป็นไปตามที่ตนเองคาดหวัง เขารู้สึกสบายใจ
หลินอวี้เดิมพันกับเขาว่าเรื่องนี้ตนเองไม่มีทางทำสำเร็จ นี่อาจจะยังไม่ใช่ขั้นตอนสุดท้ายใช่ไหม?
ซ่งลู่เหยี่ยนส่งเอกสารรายละเอียดค่าชดใช้ในมือให้เสิ่นอีเวยอย่างว่องไว เสิ่นอีเวยยื่นมือรับมาไว้กับตัว เธอเปิดอ่าน ทันใดนั้นลูกตาของเธอแทบจะทะลักออกมาจากเบ้าตา!
พระเจ้าช่วย! เธอเห็นอะไรเข้าให้!
จำนวนเงินที่ต้องชดใช้ ตัวเลขถูกเขียนอย่างน่าประหลาดใจ ดังนั้น จึงทำให้เธอต้องยื่นนิ้วออกไปนับดูว่าแท้จริงแล้วมีเลขศูนย์ทั้งหมดกี่ตัว……
มองเห็นเลขศูนย์เป็นแถวยาว เสิ่นอีเวยแทบอยากจะเปลี่ยนเอกสารรายละเอียดค่าชดใช้ในมือเป็นท่อนไม้ที่ใช้ซักผ้า
ให้เขาแบล็คเมล์ฉันเลย นี่มันรีดไถกันชัดๆ!ยังมีศักดิ์ศรีอยู่ไหม!ด้านหลังตัวเลขมีศูนย์ทั้งหมดเจ็ดตัว!
สิบล้าน รอยขีดข่วนเล็กๆน้อยๆ ขอให้เธอจ่ายสิบล้าน?มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า!
เสิ่นอีเวยรู้สึกพอกันที ช่วงเวลานี้ ความแข็งแกร่งทั้งหมดภายในใจถูกกระตุ้นขึ้นมา อารมณ์โกรธของเธอเหมือนกับไฟกำลังลุกไหม้ ความอดทนก็กลายเป็นศูนย์
“ป้าบ!”เสิ่นอีเวยเขวี้ยงเอกสารในมือไปที่ซ่งลู่เหยี่ยน แต่เพราะกระดาษเบามาก ดังนั้นเมื่อกระทบร่างกายจึงไม่รู้สึกอะไร
แต่ซ่งลู่เหยี่ยนกลับไม่มีท่าทีตกใจการกระทำของเสิ่นอีเวย เพราะเขารู้อยู่ในใจอยู่แล้วว่า คนปกติเมื่อเห็นจำนวนเงินที่ต้องชดใช้แบบนั้นก็ต้องมีท่าทีโต้ตอบเช่นนี้ มองดูแล้วคุณนายเซิ่งคนนี้ก็นับว่าเป็นคนปกติคนหนึ่ง อื้ม
“คุณซ่งแท้จริงแล้วคุณต้องการอะไร?ถ้าต้องการแบล็คเมล์ก็กรุณาแสดงความบริสุทธิ์ใจสักหน่อยได้ไหม?สิบล้าน?ผู้หญิงสิบล้านคนสามารถซื้อรถได้แล้ว รอยเล็กๆน้อยๆคุณบอกว่าต้องการให้ฉันจ่ายค่าซ่อมสิบล้านหรอ?คุณฝันไปเถอะ!”
เสิ่นอีเวยโมโหมาก จนไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น คิดอะไรก็พูดออกมาทุกอย่าง
ตำรวจจราจรทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้างตะลึงงัน แต่ท่าทีโต้ตอบของซ่งลู่เหยี่ยนกลับสงบนิ่ง เพราะเหตุการณ์ในวันนี้เป็นแค่ละครฉากหนึ่ง บทสนทนาของเขาก็ถูกเตรียมไว้นานแล้ว
ซ่งลู่เหยี่ยนก้มลงไปหยิบเอกสารค่าชดใช้ที่ตกอยู่บนพื้น กระแอมเบาๆและพูดว่า:“คุณเสิ่น รถยนต์คันนี้ทั่วโลกมีจำนวนจำกัด ค่าซ่อมราคานี้จึงเป็นที่เข้าใจได้ อีกทั้งเอกสารค่าชดใช้นี้ถูกประเมินราคาจากร้าน4s ดังนั้นไม่มีทางผิดพลาด ถ้าคุณไม่เชื่อ สามารถไปร้าน 4s กับผมได้ ดูว่าจริงหรือหลอก”