แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 391 คุณไม่ไว้หน้าฉันเอง อย่าโทษฉันที่ฉันไร้มนุษยธรรม
เป็นเสียงของเหมียนเหมียน!
เสิ่นอีเวยใจสั่นไม่หยุดตาเบิกโตค้างเติ่ง แถมเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอาแรงมาจากไหนรีบผลักตัวเองให้หลุดพ้นจากอ้อมอกของเขาแล้วกองลงไปอยู่ที่พื้น
เซิ่งเจ๋อเฉิงตกใจอย่างเห็นได้ชัดแต่ไม่ได้รีบร้อนจนเกินเหตุ เขามองผู้หญิงที่จ้องมองเขาด้วยความกลัว เผลอแปบเดียว เสิ่นอีเวยก็เป็นฝ่ายผลักเขาเข้าห้องนอนของตัวเองแทน
มนุษย์ทุกคนเวลาในยามที่อยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดต่างก็มีกำลังมากมายมหาศาลเกิดขึ้นมาเอง เรื่องนี้วันนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงเขารู้แจ้งเห็นจริง เพราะว่าร่างกายของเขาสูงใหญ่ เขาสูง180 เซนติเมตร กลับถูกเสิ่นอีเวยผลักจนเกือบเซหงายหลัง
เซิ่งเจ๋อเฉิงรีบหันหัวกลับไปมองเธอ พร้อมทั้งส่งสายตาเตือนเธออีกทั้งยังจ้องเธออย่างดุดันด้วยความรู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรง
ทว่าในยามนี้เสิ่นอีเวยแทบไม่ได้สนใจอารมณ์ผู้อำนวยที่หยิ่งยโสในเวลานี้ด้วยซ้ำ
“รีบเข้าไปเร็วๆเลย!” เสิ่นอีเวยทั้งพูดพล่ามทั้งผลักไล่ให้เซิ่งเจ๋อเฉิงเดินไปทางตู้เสื้อผ้า เซิ่งเจ๋อเฉิงเขาฉลาดซะขนาดนี้ทำไมจะเดาไม่ออกว่าเธอให้เขาทำอะไร?
มุมปากของเขากลับมีรอยยิ้มขึ้นมาแทนแต่มันมีเหมือนมีความร้ายกาจออกมา แต่เสิ่นอีเวยก็แทบไม่ได้สนใจเรื่องที่อยู่ตรงหน้าเลย เธอถูกกอดแล้วกลิ้งเป็นลูกขนุนกลิ้งลงบนเตียงแทน
ทว่าสิ่งที่ร่างกายของเธอสัมผัสนั้น..มันไม่ใช่เตียงนอนที่เธอคุ้นเคยนี่หน่า เธอสงสัยเลยหันกลับไปดูก็พบว่าตัวเองล้มไถลแล้วล้มบนตัวของเขา
เธอได้สติก็พยายามที่จะพลิกตัวเพื่อลุกขึ้นนั่ง ทว่าเอวคอกกิ่วของเธอกลับถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงจับไว้แน่นแทบขยับไม่ได้เลยสักนิด
เสิ่นอีเวยใจร้อนดั่งไฟแผดเผา เพราะว่าประตูห้องนอนของเธอไม่ได้ปิดเอาไว้แถมในตอนนี้เหมียน
เหมียนก็อยู่ในห้องรับแขกแล้วด้วย หากเหมียนเหมียนเดินขึ้นมาชั้นบน สิ่งที่เหมียนเหมียนจะเห็นเป็นสิ่งแรกก็คือในห้องนอนมีเธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่สองต่อสองในห้องนอน
เมื่อคิดถึงภาพที่เหมียนเหมียนมาเจอหน้ากับเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้ว เสิ่นอีเวยถึงกับเครียดอยู่ในใจ ไม่ได้ เธอไม่อยากให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น!
เรื่องสำคัญมันอยู่ที่ว่า เขาเพิ่งรู้เรื่องที่เหมียนเหมียนเป็นตัวตั้งตัวตีที่จะหาแฟนใหม่ให้แม่ที่งานเลี้ยงmeeting แฟนคลับในวันนั้น ยิ่งในยามนี้ให้เขาได้มาเจอกับเหมียนเหมียนเข้าไม่แน่เขาอาจจะบีบบังคับจนเอาตัวเหมียนเหมียนไป
เธอต้องหยุดเรื่องที่น่ากลัวนี้เอาไว้ แค่คิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะเอาลูกไป ใจเธอถึงกับเจ็บหน่วงๆมาโดยตลอด
“หม่ามี๊อยู่ที่ไหน?” เสียงเหมียนเหมียนดังเข้าโสตประสามหูของทั้งคู่
เสิ่นอีเวยใจเต้นโครมคราม เธอเตรียมคำพูดไว้พูดกับเซิ่งเจ๋อเฉิงแต่กลับมีเสียงผู้หญิงอีกคนพูดมาแทน
“น่าจะอยู่ชั้นบนมั้ง เห็นไฟในห้องนอนยังเปิดอยู่ แถมกับข้าวบนโต๊ะยังอุ่นๆอยู่เลย หม่ามี๊ของหนูอยู่ที่บ้านแน่ๆจ๊ะ”
เสิ่นอีเวยตบหัวตัวเองฉาดใหญ่ นั่น….มันเสียงหยางอันหราน ทุกครั้งที่เหมียนเหมียนทำงานเสร็จ หยางอันหรานจะเป็นคนมาส่งด้วยตัวเองทุกครั้ง เธอลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันนะ?
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ยินเสียงคนสองคนดังมาจากข้างล่าง เดิมเขาคิดว่าควรรับมืออย่างไรดี แต่พอมองหน้าเสิ่นอีเวยที่หน้าตาเคร่งเครียดจนทำตัวไม่ถูก เขาเลยนึกแผนขึ้นมาได้
น้ำเสียงที่เขาเอ่ยออกมานั้นมันเหมือนกำลังก่อไฟขึ้นมาอีก: “ตอนนี้เธอกลัวคนข้างล่างจะมาเห็นภาพที่เราสองคนกำลังทำอยู่ในตอนนี้ใช่ไหม?”
ยิ่งเสิ่นอีเวยได้สติขึ้นมาเธอเอาแต่พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง สักพัก เธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทีหลังเพราะเธอน่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าคนอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิงรู้ข้อเสียเรื่องนี้ของเธอ เลยเอาเรื่องนี้มาขู่เธอ นิสัยของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
ในที่สุดเสิ่นอีเวยก็ได้เห็นรอยยิ้มจากมุมปากของเขาที่เป็นรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ และเขาตอบกลับ : “ถ้าเป็นไปตามนั้นฉันก็สบายใจแล้ว”
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดจบ เสิ่นอีเวยก็พยายามสรรหาคำมาพูดงัดข้อกับเขา แต่เธอกลับเขาประกบปากแทน การจูบที่รุนแรงมันพาลมหายใจที่รุกรานเข้ามาด้วยเหมือนว่าเธอกำลังถูกข้าศึกบุกล้อมโจมตี
ส่วนเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่รู้ว่าตัวเองเริ่มทาบทับเรือนกายของเธอตอนไหน ด้านเสิ่นอีเวยก็พยายามใช้แรงสู้เขา จนหลุดพ้นออกมาได้ช่วงหนึ่ง เสิ่นอีเวยหายใจติดขัดแล้วเอ่ยขึ้นมา: “คุณต้องการอะไรกันแน่? บอกฉันมา? ฉันจะให้ตามความต้องการของคุณเอง แค่นี้พอไหม!”
การจูบที่ดุดันของเขาหยุดลง เขาก้มศีรษะลงมามองใบหน้าของเธอแดงเป็นแถบ สายตาส่องประกายยังกับลูกกวางน้อยนั้นเหมือนมีน้ำตาเอ่อล้น ทว่ากลับไม่ใช่
สงสัยถูกบีบจนรีบรับปาก แต่ว่าก็ถือว่าดีมาก ที่เขาต้องการคือผลลัพธ์ที่ดีแบบนี้แหละ
เซิ่งจ๋อเฉิงก้มศีรษะแล้วเอ่ยขึ้นมา: “ที่ฉันต้องการเมื่อครู่ก็บอกกับเธอไปแล้ว!”
สายตาของเสิ่นอีเวยค้างเติ่ง: “คุณต้องการเหมียนเหมียนหรอ? ไม่มีทาง! นอกจากเรื่องนี้ฉันยอมตกลงคุณได้ทุกเรื่อง!”
เธอเคยพูดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเหมือนเหมียนเปรียบเสมือนชีวิตของเธอจะให้ใครไปก็เป็นไปไม่ได้แม้กระทั่งเซิ่งเจ๋อเฉิง
เมื่อเขาได้ยินที่เธอพูดออกมาถึงกับตะลึงไปสักพักจนหัวเราะออกมา : “เดิมที่ฉันต้องการบอกถึงแม้ว่าไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เธอพูดเองเหมือนเตือนสติให้ฉันได้คิด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีลูกกับฉันอีกคนนี่แหละคือเรื่องที่ฉันต้องการ ”
เสิ่นอีเวยถึงกับอยู่นิ่งๆไม่ขยับตัวเลย ผู้ชายคนนี้ตกลงว่าพูดเรื่องอะไรเนี่ย? ฝันอยู่หรอ?
แต่ในสถานการณ์ยามนี้เธอก็ต้องพูดไปตามน้ำ อย่าเพิ่งขัดคอเขาในตอนนี้ ยังไงซะต้องให้ผ่านเรื่องนี้ไปก่อนถึงจะรอด
สมองเสิ่นอีเวยคิดอยู่หลายตลบต้องหาวิธีตั้งรับให้ได้อย่างรวดเร็วถึงจะรอดไปจากตอนนี้ได้และต้องไม่ให้เซิ่งเจ๋อเฉิงสงสัยขึ้นมาด้วย
แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงเขากลับพูดอย่างสบายอกสบายใจไม่สะทกสะท้านแถมยังเอามือขวามาจับศีรษะของเธอไว้แน่นส่วนมุมปากของเขายังยิ้มอ่อนๆมาอีก แถมยังจดๆจ้องๆรอคำตอบของเธออีกต่างหาก
ในยามนี้ทั้งคู่ต่างเงียบ บรรยากาศในห้องกลับเงียบสงบ หากมีเข็มหล่นลงพื้นทั้งสองก็คงได้ยินเสียงอย่างชัดเจน
ในยามนี้เสียงที่ดังมาจากชั้นล่างกลับได้ยินเสียงดังอย่างชัดเจน
ในเวลานั้นเอง เสิ่นอีเวยได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันไดบ้านมา ฟังจากเสียงการย่ำเท้าแล้ว น่าจะเป็นเหมียนเหมียน!
“หม่ามี๊กำลังเล่นซ่อนแอบอยู่ใช่ไหมคะ? น้าอันหรานเป็นคนส่งหนูกลับมาบ้าน หม่ามี๊รีบออกมากอดหนูเถอะค่ะ!” เสียงดังกังวานของเหมียนเหมียนดังเข้าหูของทั้งสองคนอย่างชัดเจน ทว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงแทบไม่แสดงอาการตกอกตกใจเลยสักนิด
เขามีความคิดว่าหากภายใต้สถานการณ์บีบบังคับในเวลานี้ เขาต้องให้เธอพูดคำตอบที่ทำให้เขาพอใจได้หลุดมาจากปากของเธอเอง
“ฉันให้เวลาเธอสามวินาทีในการตัดสินใจ หากเธอตอบตกลงและพร้อมที่จะแต่งงานกันใหม่แถมมีลูกให้ฉันหนึ่งคน ฉันสามารถหยุดสถานการณ์ที่ทำให้เธอลำบากใจไว้ได้” น้ำเสียงเขาพูดอย่างยินดีปรีดา
เสิ่นอีเวยได้แต่กัดฟันอยู่ในใจ พระเจ้าช่วย ทำไมบนโลกใบนี้ถึงมีผู้ชายหน้าด้านได้ขนาดนี้นะ!
“ 3……” เขาเริ่มนับ
เสิ่นอีเวยได้ยินเสียงดังเข้ามาใกล้เรื่อย ในหัวของเธอกับตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด เธอก็คิดวิธีขึ้นมาได้ แต่เกรงว่า…ต้องทำให้ท่านประธานเซิ่งน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาบ้าง
แต่ว่า แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ? คุณไม่ไว้หน้าฉันเอง อย่าโทษฉันที่ฉันไร้มนุษยธรรม