ตอนที่ 38 สังหารหมู่
“คุณชายหลงเทียน เจ้าออกมาทำไมกันรึ?” องค์หญิงเย่วเฟยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเล็กน่ารักของนาง
“องค์หญิงสาม.. น้ำเสียงของท่านไพเราะน่าฟังเช่นนี้ ควรต้องเอ่ยปากเจรจาให้บ่อยหน่อยกระมัง..” หลงเฉินเอ่ยปากชมพร้อมกับจ้องมององค์หญิงเย่วเฟย ก่อนจะกล่าวต่อ..
“ข้านอนไม่หลับก็เลยออกมาสูดอากาศข้างนอก ว่าแต่องค์หญิงออกมานั่งทำอะไรกัน?”
หลงเฉินสังเกตเห็นแก้มขององค์หญิงหลงเฟยเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อหลังจากที่เขาเอ่ยชมนาง จึงตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหา
“ข้าเองก็นอนไม่หลับเช่นกัน จึงได้ออกมานั่งเล่นข้างนอก แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาที่งดงามนี้ ข้าก็มิอาจถอนสายตาจากมันได้จริงๆ” องค์หญิงเย่วเฟิงเอ่ยตอบ และเห็นว่าหลงเฉินกำลังเดินตรงเข้ามาหาตน
หลงเฉินหยุดอยู่ห่างจากนางไปราวห้าเมตร แล้วจึงนั่งลง..
“นั่นสินะ.. ท้องฟ้ายามนี้ช่างงดงามยิ่งนัก งดงามเช่นเดียวกับองค์หญิงเย่วเฟย งดงามจนข้าเองก็มิอาจถอนสายตากลับได้เช่นกัน..” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของนาง
องค์หญิงเย่วเฟยถึงกับใบหน้าแดงก่ำ และรีบหลบสายตาของหลงเฉินที่กำลังจ้องมองมาทางตน..
“องค์หญิงเย่วเฟย เมื่อครู่องค์ชายสองบอกว่าท่านอยากจะมาที่ป่าแห่งนี้กับเขามาก เพราะเหตุใดรึ?” หลงเฉินรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที
“ข้าก็อยากออกมาดูโลกภายนอกบ้างน่ะสิ! ข้าอยู่แต่ในวัง มิเคยมีโอกาสได้ออกมาด้านนอกไกลๆเลย ได้ออกไปไกลที่สุดก็แค่ร้านค้าใกล้ๆวังหลวงเท่านั้น”
“เสด็จพ่อมิเคยยินยอมให้ข้าไปที่ใดเลย แต่เมื่อพี่ชายเอ่ยแนะนำเช่นนั้น ข้าจึงรีบขอเสด็จพ่อมาฝึกวรยุทธต่อสู้ที่ป่านี้ด้วยทันทีน่ะสิ!” องค์หญิงเย่วเฟยบอกเล่าให้หลงเฉินฟัง ในขณะที่ใบหน้ายังคงเงยขึ้นจ้องมองท้องนภาอยู่เช่นนั้น
“คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงเย่วเฟยจะเจ้าเล่ห์ไม่น้อยเหมือนกัน..” หลงเฉินเย้าแหย่พร้อมกับยิ้มออกมา
“เอ่อ.. นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าต้องเข้านอนแล้วล่ะ ไม่เช่นนั้นหากพรุ่งนี้ข้าตื่นสายพี่เย่วหรวนคงต้องดุข้าแน่ ราตรีสวัสดิ์คุณชายเทียน นอนหลับฝันดีนะ”
“ราตรีสวัสดิ์องค์หญิงเย่วเฟย ท่านก็นอนหลับฝันดีเช่นกัน!” หลงเฉินยิ้มให้องค์หญิงเย่เฟยพร้อมกับลุกขึ้นยืน เขายืนมองจนกระทั่งองค์หญิงเย่วเฟยเดินกลับเข้าไปในกระโจม
……
เช้าวันรุ่งขึ้น..
องค์ชายเย่วหรวนและองค์หญิงเย่เฟยตื่นขึ้นมา และทั้งคู่ก็พบว่ากระโจมของหลงเฉินได้หายไปแล้ว และตัวเขาก็หายไปด้วยเช่นกัน
“เด็กหนุ่มผู้นี้จากไปแล้ว เหตุใดเขาจึงต้องรีบร้อนเช่นนี้นะ? หรือเขากลัวว่าเจ้าจะจับเขากิน?” องค์ชายเย่วหรวนเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมององค์หญิงเย่วเฟย
“พี่เย่วหรวน ท่านชอบรังแกข้าเสมอเลยนะ..” องค์หญิงเย่วเฟยร้องโวยวายพร้อมกับยกมือขึ้นทุบไหล่ขององค์ชายเย่วหรวนราวกับเด็กๆ
หลงเฉินออกเดินทางตั้งแต่เช้า และตลอดทางเขาก็ได้เอาชนะสัตว์อสูรวิญญาณที่ขวางทางไปมากมายหลายตน..
ระหว่างที่ยังคงเดินทางต่อไปเรื่อยๆนั้น หลงเฉินสัมผัสได้ว่าด้านหน้าห่างไปราวหนึ่งร้อยห้าสิบเมตรนั้น มีชายสามคนกำลังซ่อนตัวอยู่
‘หึ.. ด้านหน้ามีชายสามคนซุ่มอยู่ บนพื้นยังมีรอยคราบเลือดที่ยังมิแห้งหยดอยู่ แต่ข้ากลับมิเห็นแม้แต่ร่าง หรือซากศพ อืมม.. น่าสนใจทีเดียว!’ หลงเฉินคิดพินิจอยู่ภายในใจ
“ข้าควรเล่นสนุกกับพวกมันเสียหน่อย? ที่ผ่านมาข้าเองก็ยังมิเคยได้ประมือกับผู้ฝึกยุทธซึ่งเป็นมนุษย์ และอยู่ในอาณาจักรผสานวิญญาณมาก่อนเลย ครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่ดีของข้าไม่น้อยทีเดียว ในบรรดาทั้งสามคนนั้น ผู้หนึ่งอยู่ในอาณาจักรผสานวิญญาณระดับเจ็ด ส่วนอีกสองคนอยู่ในระดับหก หากข้าไม่สามารถเอาชนะพวกมันทั้งสามคนได้ จักสามารถสังหารหลงซูได้อย่างไรกัน?” หลงเฉินพึมพำเบาๆกับตัวเอง
จากนั้นหลงเฉินจึงได้ถอดเสื้อคลุมซึ่งมีสัญลักษณ์ตระกูลหลงออก และนำเก็บเข้าไปไว้ในแหวนบรรจุ แล้วจึงเดินมุ่งตรงไปข้างหน้า เขารู้ว่าหากตนยังคงสวมใส่เสื้อคลุมสีทองนี้ เหล่าโจรผู้ร้ายก็จักมิกล้าลงมือถึงขั้นเข่นฆ่าเขาให้ตาย หากเป็นเช่นนั้น เขาจักได้ฝึกปรือวรยุทธต่อสู้กับพวกมันได้เช่นใดกัน?
ระหว่างทางที่หลงเฉินเดินเข้าไปใกล้พวกมันทั้งสามคนมากขึ้นนั้น..
“ลูกพี่กวน ผู้ที่มาเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มเท่านั้น อาภรณ์ที่สวมใส่ก็ดูเนื้อดี หมอนั่นน่าจะมาจากตระกูลที่ร่ำรวยไม่น้อยทีเดียว..” ชายไว้หนวดเคราร้องบอกชายหัวล้านที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ใช่แล้วหวู่หยา.. เด็กนั่นดูเหมือนจะอายุเพียงแค่สิบสองหรือสิบสามปีเท่านั้น นอกจากจะดูอ่อนแอมากแล้ว ยังดูไร้เดียงสายิ่งนัก นี่มันคงคิดว่าจะเอาชีวิตรอดกลับไปบ้านได้สินะ! ข้าว่าพวกเราคงต้องสั่งสอนเจ้าเด็กนั่นแทนพ่อแม่ของมันแล้วล่ะ.. มันจะได้รู้จักโลกนี้ให้มากขึ้น” ลูกพี่กวนกล่าวไปก็ยิ้มไป
‘หากลางสังหรณ์ของข้าไม่ผิดนัก ดูท่าพวกมันคงเตรียมพร้อมที่จะลงมือแล้วสินะ!’ หลงเฉินยังคงเดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยราวกับมิรู้ว่าจะมีอันใดเกิดขึ้น
แต่แล้วจู่ๆ ใครบางคนก็ปรากฏขึ้นขวางหน้าของเขาไว้ พร้อมกับร้องตะโกนออกมาว่า “ฮ่าๆๆๆ เจ้าหนู ที่นี่หาใช่ที่ที่เจ้าจะมาเดินเล่นเช่นนี้!”
หวู่หยาร้องตะโกนออกมาพร้อมกับก้าวเดินออกจากที่ซ่อน ในขณะเดียวกันชายร่างกำยำผู้หนึ่งก็ก้าวออกมาจากที่ซ่อนในฝั่งตรงข้ามเช่นกัน
“สหายตัวน้อย.. โลกภายนอกหาได้สวยงามดังที่เจ้าคิด ภัยอันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในป่าลึกที่อันตรายเช่นนี้ เจ้าอาจถูกผู้คนสังหารตายโดยมิมีผู้ใดล่วงรู้” ชายหัวล้านก้าวเดินออกมาเป็นคนสุดท้าย เขาเอ่ยบอกหลงเฉินพร้อมด้วยรอยยิ้มราวกับปีศาจที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“นี่พวกเจ้ามาไกลถึงที่นี่เพื่ออบรมสั่งสอนข้าเรื่องโลกใบนี้หรอกรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆอย่างไม่มีท่าทีหวาดกลัว ในขณะที่สายตาก็จับจ้องมองตรงไปยังชายหัวล้าน
“เอาล่ะ หมดเวลาเมตตาปราณีเจ้าแล้ว!” หวู่หยาร้องตะโกนบอกพร้อมกับเงื้อดาบในมือของตนขึ้น จากนั้นจึงพุ่งจู่โจมเข้าใส่ร่างของหลงเฉินที่อยู่ตรงหน้า ด้วยพลังบ่มเพาะในอาณาจักรผสานวิญญาณขั้นหกของตนทันที
‘เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ช่างอ่อนหัดและไร้เดียงสานัก นี่มันยังมิรู้ตัวว่าตนเองกำลังจะถูกฆ่าตายสิะ!’
หวู่หยาคิดอยู่ในใจในขณะที่ร่างยังคงพุ่งจู่โจมเข้าใส่หลงเฉิน แต่เมื่อมันพุ่งเข้าไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง กลับพบว่าสายตาที่เคยจับจ้องอยู่ที่ร่างหลงเฉินนั้นได้เปลี่ยนทิศทางไป ในขณะที่ร่างไร้ศรีษะของมันยังคงวิ่งตรงเข้าหาร่างของหลงเฉิน
แต่ก่อนที่หวู่หยาจะทันได้คิดอะไรมากกว่า ภาพทั้งหมดก็ดับวูบลงทันที มันสิ้นใจตายในสภาพที่ร่างไร้ศรีษะ ร่วงลงกองกับพื้นห่างจากศรีษะของตนเองไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ลูกพี่กวนที่กำลังยิ้มกว้างในระหว่างที่จ้องมองหวู่หยาพุ่งจู่โจมเข้าใส่หลงเฉินนั้น ภายในใจกำลังคิดว่าหลงเฉินจักต้องแต่แน่ในคราวนี้ แต่แล้วจู่ๆ ก็เห็นร่างและศรีษะของหวู่หยาร่วงลงไปกองกับพื้น จึงได้สติและรู้ตัวทันทีว่าปัญหาใหญ่กำลังเกิดขึ้นกับตนเองเข้าแล้ว เพราะเด็กหนุ่มผู้นี้หาใช่คนธรรมดาอ่อนหัดอย่างที่ตนคิดไว้ไม่
“แย่แล้ว! เด็กนั่นแข็งแกร่งยิ่งนัก ตี้ฉวน.. เจ้ากับข้าเข้าจู่โจมมันพร้อมๆกัน”
หลังจากที่ตั้งสติได้ ลูกพี่กวนก็ได้หันทางชายหนุ่มร่างกำยำข้างๆ พร้อมกับร้องตะโกนสั่งให้ช่วยกันรุมสังหารหลงเฉินทันที แต่เพียงแค่เขาหันหน้ากลับมาเท่านั้น หางตาก็สังเกตเห็นว่าลูกน้องร่างกำยำของตนได้ร่วงลงไปนอนสิ้นใจอยู่ที่พื้นแล้ว
ลูกพี่กวนจ้องมองหลงเฉินที่ยืนอยู่ด้วยแววตาสะพรึงกลัว เวลานี้เหลือเพียงมันผู้เดียวยืนอยู่ตามลำพัง..
“หึ.. ข้าคิดว่าจักได้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้กับพวกเจ้าบ้าง แต่ไม่เลย.. พวกเจ้ากลับอ่อนแอเสียยิ่งกว่าสัตว์อสูรวิญญาณระดับห้าเสียอีก พวกเจ้าทำให้ข้าเสียเวลายิ่งนัก!”
ลูกพี่กวนที่ยืนตัวแข็งด้วยความตื่นตกใจนั้น ได้ยินเสียงพูดเย้ยหยันนี้ดังมาจากด้านหลังของตนเอง แต่ก่อนที่มันจะได้ขยับเขยื้อนกาย ดาบเล่มหนึ่งก็ได้แทงทะลุเข้าที่ขั้วหัวใจของมันจากด้านหลังแล้ว
ลูกพี่กวนล้มลงกับพื้นสิ้นใจตาย แต่ก่อนจะหมดลมนั้น ภายในใจได้แต่นึกเสียใจที่ตนได้รนหาที่เอง..
หลงเฉินสวมชุดคลุมสีทองกลับคืนดังเดิม จากนั้นจึงเริ่มออกเดินทางต่อไปราวกับว่ามิมีสิ่งใดเกิดขึ้น..
……
เวลาล่วงเลยไปกว่าครึ่งวัน คนสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นในบริเวณที่หลงเฉินได้ผ่านไป ทั้งคู่ก็คือองค์ชายเย่หรวน และองค์หญิงเย่วเฟย
“เกิดการสังหารหมู่ขึ้นหรือนี่! ดูจากบาดแผลแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นบาดแผลที่เกิดจากคมดาบของมนุษย์ที่ฝึกวรยุทธบ่มเพาะ”
องค์ชายเย่วหรวนเอ่ยขึ้นหลังจากตรวจดูสภาพศพทั้งสามที่นอนกองอยู่กับพื้น ในขณะที่องค์หญิงเย่วเฟยเอาแต่ปิดตามิกล้ามองร่างไร้ศรีษะนั่น