ตอนที่ 240 ความทรงจำอันงดงามก่อนออกเดินทาง
ไปต่างประเทศ1
“เขาน่าสงสารนะ โดนคุณพ่อผิวสีทำร้ายร่างกาย ใบหน้า เต็มไปด้วยรอยฟกซ้ำ ยังไม่หายจากอาการบวมซ้ำเลย.”
“อ้อ…. เจียงฮุ่ยซินรู้ว่ามีเด็กบางคนที่ถูกทำร้ายจากคน ภายในครอบครัวมามาก ดังนั้นจึงเกิดความรู้สึกความ เวทนาขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นให้หมอเฉินดูอาการบาดเจ็บของ เธอแล้วหรือยัง”
“คุณย่าโปรดวางใจ อาการบาดเจ็บของเขาสองวันก็หาย แล้ว แต่ทว่าบาดแผลทางใจ จำเป็นจะต้องชดเชยกันสัก หน่อย คุณพ่อของเขาทำเลวร้ายต่อเขามากเกินไปแล้ว…” ขณะที่เด็กชายตัวน้อยพูดประโยคนี้ เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ราวกับว่ากำลังพูดถึงพ่อนกซึ้งกสมควรตายที่ไม่มีอะไรดีตัว หนึ่ง! จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ดังนั้นวันนี้อากาศปลอด โปร่งสดชื่น ผมเตรียมตัวพาเขาไปสวนสนุกสำหรับเด็ก –”
คำพูดยังเอ่ยไม่ทันจบ ก็ถูกท่านปู่เปหมิงขัดเสียงแข็ง “เหลวไหล! เฉิงเฉิง รีบตัดสัมพันธ์กับคนแบบนี้ซะ เขาไม่ คู่ควรที่จะเป็นเพื่อนของเรา!”
“u…..* จู่เด็กชายตัวน้อยก็เบะปากร้องไห้ พาลพาโลขึ้นมา “ท่านปู่ไม่รักษาสัญญา….”
เจียงฮุ่ยชินใต้ยินเสียงเด็กน้อยร้องไห้ ใจก็ลนลาน ดึงคุณ ปู่เอาไว้ “เจิ้งเทียน ดูคุณสิ ทำให้เด็กน้อยตกใจแล้ว! ได้ๆๆ เฉิงเฉิงไม่ร้องแล้วนะ ท่านปู่ท่านย่ารับปากเรา ก่อนที่จะเดิน ทางไปต่างประเทศให้เราเล่นกับเพื่อนตัวน้อยด้วยกัน”
“ฮุ่ยซิน….” ท่านปู่เป่ยหมิงโมโหถลึงตาหนวดกระดิก (ใช้ อธิบายอาการโมโหตุร้ายของคน) อยากจะห้าม
เจียงฮุ่ยชินส่ายศีรษะ “เรื่องที่รับปากเด็กน้อยเอาไว้ พวก เราจะมาเสียใจภายหลังไม่ได้ เจิ้งเทียน หลายวันนี้คุณก็ยอม เฉิงเฉิงหน่อยแล้วกัน ด้วยความสัตย์จริง ฉันก็ทำใจไม่ค่อย ได้ที่จะต้องส่งเขาไปต่างประเทศ..”
ช่องว่างระหว่างคิ้วของท่านปู่เป่ยหมิงขมวด จ้องไปที่เด็กผิว สีตัวน้อยอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วก็มองไปยังใบหน้าที่ ร้องไห้งอแงหลานชาย
ภายใต้ความจำใจก็เลยใจอ่อน “เฮ้อ ช่างเถอะช่างเถอะ! ตามใจพวกคุณเลย.
ในที่สุด ภายใต้การร้องไห้พาลพาโลของหลานชาย ผู้สูง วัยทั้งสองของตระกูลเป่ยหมิงก็พบกันคนละครึ่งทาง
รถพี่เลี้ยงเด็กคันงาม ค่อยๆขับเคลื่อนออกจากบ้านเป่หในที่สุดวันที่งดงามของเฉิงเฉิงและหยางหยางก็ได้เริ่มต้น
ขึ้นแล้ว
เจียงฮุ่ยชินกำซับแล้วกำชับอีก ให้คนรับใช้สามคนติดตาม อยู่ข้างกายตลอด นอกจากคนรับใช้สามคนนั้นที่ทำให้คน รู้สึกไม่ชอบแล้วนั้น สิ่งอื่นๆ ทั้งหมดมองแล้วก็สมบูรณ์แบบ จริงๆ
แน่นอนว่า นี่ไม่นับรวมน้องสาวดาตัวน้อยที่นั่งเงียบๆอยู่ ด้านหลัง
เหอะๆ ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ ตอนที่ท่านปู่เป่หมิงและเจียงฮุ่ยชิ นเห็นน้องสาวดำตัวน้อยครั้งแรกนั้น เขาก็เปลี่ยนจากน้อง สาวดำหยางหยางเมื่อคืนวาน เป็นน้องสาวดำเฉิงเฉิงใน ตอนนี้
ต้องเริ่มเล่าจาก เมื่อคืนวานที่หยางหยางไม่ทันระวัง ปัสสาวะใส่หน้าคนรับใช้
หยางหยางตื่นขึ้นมา เขาที่ไม่ได้คิดอะไรมากนัก ก็ลืมเรื่อง ราวเมื่อคืนวานไปแล้ว
ตอนที่เฉิงเฉิงหาเขาพบนั้น ใบหน้ารูปไข่ของหยางหยาง ขาวส่วนหนึ่งส่วนหนึ่งนานแล้ว บนผ้าปูที่นอนล้วนแล้วแต่ ย้อมไปด้วยสีดำ
หยางหยางที่ประมาทเลินเล่อ ง่ายต่อการถูกเปิดโปงมาก
เกินไปจริงๆ
ภายใต้ความจนใจ เฉิงเฉิงจำใจต้องออกโรงเอง ให้หยาง หยางสวมรอยเป็นเขา
แท้จริงแล้ว วันนี้ตอนเช้าต่อหน้าท่านปู่ท่านย่า โชคดีที่ หยางหยางใช้วิธีการที่โอเวอร์เกินจริง
นั่นเรียกว่าการแหกปากตะโกนร้องไห้ น่าขายหน้าเกินไป
แล้ว
เฉิงเฉิงเกือบจะทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว
แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้ผล
เฮ้อ บนโลกใบนี้คนที่หน้าไม่อายยังคงได้รับความนิยม
อยู่ดี
รถพี่เลี้ยงอยู่ระหว่างทางขับเคลื่อนไปทางสวนสนุก สำหรับเด็กอย่างราบรื่น
ภายในรถพี่เลี้ยงนั้นคล้ายกับห้องเล็กๆห้องหนึ่ง โซฟา โทรทัศน์ ตู้เย็น สิ่งไหนที่ควรจะมีล้วนมีครบ
หยางหยางเหมือนกับลูกลิงตัวน้อย ดีใจจนกระโดดโลด
เต้นไปมา
เฉิงเฉิงยังคงนั่งเงียบอยู่ด้านหลัง มองไปที่หยางหยาง อด ไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างเงียบๆ
จู่ๆก็เริ่มที่จะสงสัยขึ้นมาว่าก่อนที่ตัวเองจะเดินไปต่าง ประเทศ หยางหยางจะทิ้งฝันที่งดงามหรือว่าฝันที่โหดร้ายให้ เขากันแน่นะ
ภายในสวนสนุกสำหรับเด็ก วิวทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยความ สนุกสนานครึกครื้น
เฉิงเฉิงเห็นผู้ปกครองมากมายพาเด็กๆออกมา ทุกใบหน้า ล้วนประดับด้วยรอยยิ้ม จู่ๆก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา
ส่วนเขาและหยางหยาง กลับมีเพียงแค่คนรับใช้สามคนที่ ใบหน้าไร้ความรู้สึก เคารพนบนอบตามอยู่ด้านหลัง
เพียงแต่ว่า นี่แทบจะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่ออารมณ์ความ รู้สึกของหยางหยาง
หยางหยางคล้ายกับเด็กน้อยที่ถูกปล่อยออกมาให้เป็น อิสระ เล่นได้อย่างบ้าระห่ำมาก
“เฮ้ย น้องสาวดำ พวกเราไปนั่งรถไฟเหาะตีลังกากันเถอะ” เนื่องจากคนรับใช้สามคนที่ติดตามอยู่ หยางหยางจึงต้อง เรียกเฉิงเฉิงว่าน้องสาวดำ คิดไม่ถึงเลยว่าเรียกแล้ว จะเรียก จนเสพติดแล้ว
เฉิงเฉิงมองบนใส่หยางหยางหนึ่งรอบ “ไม่ไป”
“เอ๋! กลัวหรือ ขี้ขลาดจัง ไม่ใช่บอกว่าจะทิ้งความทรงจำที่ สวยงามให้หรอกหรือ ยิ่งไปกว่านั้น คนอื่นบอกว่าวัยเด็กที่ ไม่มีรถไฟเหาะตีลังกาจะถือว่าเป็นวัยเด็กที่สมบูรณ์แบบได้ อย่างไรกันล่ะ” O(ก_n)o
สีหน้าเฉิงเฉิงแข็งที่อไปบ้าง มองไปยังตัวรางรถที่โค้ง เลี้ยวจนเกือบจะลอยถึงหมู่เมฆ เม้มริมฝีปาก “ฉันไม่ ต้องการ…..”
“ไอ้หยา ไปเถอะ ไม่ต้องลังเลแล้ว! ถ้าหากว่าเธออาเจียน ฉันจะถือถุงพลาสติกรับให้เธอเอง!” หยางหยางที่ใบหน้า เต็มไปด้วยความตื่นเต้นลากมือเล็กๆของเฉิงเฉิง
หลังจากรอคนรับใช้คนนั้นซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้ว สอง เพื่อนสนิท คนหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนที่นั่งอย่างมาดแมน อีก คนหนึ่งดึงกระโปรงกระมิดกระเมี้ยนขึ้นไปนั่งตาม
คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย
รถไฟเหาะตีลังกาใช้วิธีค่อยๆเพิ่มความเร็วเคลื่อนตัวออก
ไปตามตัวรางรถ..
เฉิงเฉิงมองไปยังท้องฟ้า จู่ๆก็รู้สึกว่าอยู่ห่างจากก้อนเมฆ เหล่านั้นใกล้มากๆ ที่แท้ท้องฟ้าก็งดงามอะไรอย่างนี้…
รถไฟเหาะตีลังกาแล่นไปตามตัวรางรถ เริ่มต้นด้วยข้ามภูผาสูงชัน ผลักขุนเขาคว่ำทะเล พุ่งตัวผ่านคลื่นแล้วคลื่นเล่า ออกไป
เสียงกรีดร้องดังอยู่ข้างหูของเฉิงเฉิง นั่นเป็นเสียงกรีดร้อง ของนักท่องเที่ยวคนอื่น
เฉิงเฉิงมองที่ก้อนเมฆ คิดว่านี่เหมือนกับความรู้สึกที่ได้ ท่องเที่ยวอยู่บนท้องฟ้า สนุกสุดๆไปเลย! อาจจะเป็นเพราะ ว่าชีวิตของเขามันช่างสงบเงียบเกินไป ทั้งยังจืดชีดเกินไป เมื่อถูกความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างรุนแรงแบบนี้ที่ จู่ๆก็ ตกลงไปด้านล่าง จู่ๆก็พุ่งขึ้นมาด้านบน กระตุ้นอย่างลึกซึ้ง! ช่างน่าตื่นเต้น!
แต่เฉิงเฉิงคิดไม่ถึงว่า หยางหยางที่อยู่ด้านข้าง จู่ๆจะ เอื้อมมือมาดึงหมวกกันแดดของเขาไป
หยางหยางที่เมื่อสักครู่เรียกตัวเองว่าใจกล้า ขณะนี้กำลัง กอดหมวกของเขาอาเจียนออกมาไม่หยุด
“แหวะ.แหวะ.แหวะ..” : “.” เฉิ่งเฉิงหมดคำ พูด พลางคิด คืนหมวกลายดอกไม้น้อยมาให้ฉัน..-3!
ในที่สุดก็ลงจากรถไฟเหาะตีลังกา