เทพปีศาจผงาดฟ้า – ตอนที่ 50

ตอนที่ 50

ตอนที่ 50 โลกอันแปลกประหลาด

“เมื่อถึงเวลาที่ควร เจ้าก็จักเข้าใจทุกอย่างเอง!”

คำตอบของซุนทำให้หลงเฉินแทบอยากโขกศรีษะลงกับพื้น เพราะนั่นเท่ากับเขาจะไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้ จึงได้แต่จ้องมองหน้านางพร้อมกับร้องถามอย่างไม่เข้าใจ

“เหตุใดจึงบอกข้าตอนนี้มิได้เล่า? บอกตอนนี้จะมิง่ายกว่ารึ?”

“เจ้าอยากรู้เหตุผลที่ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้จริงๆน่ะรึ? ข้าเกรงว่าเจ้าจะทนฟังไม่ได้ และอาจกล่าวหาว่าข้าดูถูกเหยียดหยามเจ้าอีกน่ะสิ!” ซุนตอบยิ้มๆ

“ในเมื่อเจ้าไม่บอกก็ตามใจ จากนี้ไปก็มิต้องบอกอะไรกับข้าอีก.. ข้าแค่ต้องเข้าไปในนั้นใช่หรือไม่?” หลงเฉินจ้องมองประตูเข้าเจดีย์ที่กำลังปิดอยู่พร้อมกับเอ่ยถามออกไป

“ถูกต้อง!” นางยืดตัวตรงในขณะที่ตอบกลับไป

“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะเข้าไปตอนนี้เลย..” หลงเฉินร้องบอกพร้อมกับเดินตรงเข้าไปที่ประตูทันที

แต่เมื่อหลงเฉินเริ่มลงมือผลักประตูจะเปิดเข้าไป เขาก็พบว่าตนเองไม่สามารถเปิดประตูได้ และไม่ว่าเขาจะพยายามออกแรงดันมากเพียงใด ประตูนั้นก็หาได้ขยับเปิดออกได้แม้แต่น้อย หลงเฉินจึงหยุดและหันกลับไปมองซุนที่กำลังฉีกยิ้มกว้าง

“นี่มันอะไรกัน? เจ้ารู้วิธีเปิดเข้าไปด้านในหรือไม่?” หลงเฉินจ้องมองซุนพร้อมกับทำปากขมุบขมิบคล้ายกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง

“เจ้าเป็นคนบอกข้าเองมิใช่รึว่ามิให้บอกสิ่งใดกับเจ้าอีก..” ซุนตอบกลับทันที

“อ่อ.. ข้าลืมไป! เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าบอกข้าได้แล้ว ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า ข้าอยากจะเข้าไปด้านใน มิต้องการที่จะยืนอยู่หน้าประตูนี่ไปตลอดกาล!” หลงเฉินร้องบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น

“เอาล่ะ.. ในเมื่อข้าเองก็หาใช่เด็กอมมือที่เอาแต่ใจไปเสียทุกเรื่อง ข้าก็จะบอกวิธีเปิดประตูเจดีย์ให้กับเจ้า!” นางเชิดหน้าขึ้นในขณะที่เอ่ยตอบหลงเฉิน

“สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือ…” ซุนหยุดชะงักไปเล็กน้อยเมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่กลั้วหัวเราะว่า

“เจ้าต้องดึงประตูเข้าหาตัว หาใช่ผลักออกไปเช่นนั้น! เจ้านี่มันช่างโง่เง่าเสียจริงๆ ฮ่าๆๆๆ” ซุนหัวเราะเสียงดังด้วยความตลกขบขัน

“ในเมื่อที่นี่มีเพียงผู้สืบสายเลือดของเขาเท่านั้นที่จักเข้ามาได้ เหตุใดยังต้องมีการป้องกันคนแปลกหน้าด้วยเล่า ด้วยเหตุนี้จึงมิต้องมีวิธีซับซ้อนมากมาย แต่สิ่งที่เจ้าต้องมีก็คือสามัญสำนักพื้นๆในการเปิดประตูทั่วไปเท่านั้นเอง..”

หลังจากที่ซุนหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอยู่ครู่ใหญ่ นางก็ยืดตัวตรงพร้อมกล่าวกับหลงเฉินด้วยน้ำเสียงจริงจัง ราวกับว่าเป็นผู้ที่อาวุโสกว่าเขามาก

หลงเฉินได้แต่ยืนนิ่งด้วยความงุนงงอยู่ชั่วครู่ เขาหันหน้ากลับไปที่ประตูตรงหน้า และเลิกใส่ใจกับเด็กสาวผู้นั้นอีก หลงเฉินลองดึงประตูเข้าหาตัว และพบว่ามันสามารถเปิดออกได้อย่างง่ายดาย โดยมิต้องใช้ความพยายามเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปด้านในทันที

“โอ้โห..!!!”

ทันทีที่เดินเข้าไปด้านใน หลงเฉินถึงกับต้องร้องอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ เมื่อพบเห็นการตกแต่งภายในของเจดีย์หลังนี้

ผนังทั้งหมดถูกตกแต่งไว้ด้วยลวดลายลึกลับต่างๆมากมาย และทอประกายแสงสีม่วงอยู่ตลอดเวลา ลวดลายบนผนังนี้ยังเปลี่ยนแปลงไปมาอยู่ตลอดเวลา หาได้อยู่นิ่งๆไม่

หลงเฉินจ้องมองผนังแปลกประหลาดนั้นด้วยความตกตะลึง เขาสัมผัสได้ว่าลวดลายต่างๆบนผนังนั้นล้วนแล้วแต่มีพลังลึกลับแฝงเอยู่ด้วย..

“เวลานี้เจ้าคงจะมิสามารถเข้าใจความลึกลับของลวดลายบนผนังนี้ได้ใช่หรือไม่?” ซุนปรากฏตัวขึ้นข้างๆหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยถามออกไป

“เจ้าคาดเดาได้ถูกต้องแล้ว ข้ามิสามารถเข้าใจได้จริงๆ เพียงแต่รู้สึกราวกับว่าสามารถเชื่อมต่อกับพวกมันได้เท่านั้น..” หลงเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็น

หลงเฉินจ้องมองผนังลึกลับนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถอนสายตาออกมา และหันมองไปรอบตัว ทั่วทั้งห้องที่กว้างใหญ่นั้น สิ่งที่เขาเห็นดูเหมือนจะมีเพียงประตูบานเดียวเท่านั้น

“ภายในเจดีย์ขนาดใหญ่นี้ แต่กลับมีห้องอยู่ภายในเพียงห้องเดียวงั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามออกมาขณะที่เดินตรงไปยังประตู

“เจ้าเข้าไปในห้องนั้นได้เลย ที่นั่นคือที่ที่เจ้าจักต้องเข้าร่วมการทดสอบ หากเจ้าสามารถออกมาจากห้องนั้นได้ เจ้าจึงจะมีสิทธิ์ล่วงรู้ข้อมูลที่มากกว่านี้..” ซุนร้องบอกหลงเฉินพร้อมกับชี้นิ้วไปทางประตูที่ปิดอยู่

“ในเมื่อเจ้าอ้างตัวเป็น.. วิญญาณนำทางของข้า ก็จงบอกข้ามาว่าภายในห้องนั้นข้าจักต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง? และต้องทำเช่นใดข้าจึงจักนับว่าผ่านการทดสอบได้สำเร็จ?” หลงเฉินจ้องมองซุนพร้อมกับเอ่ยถาม

“แน่นอน.. ข้าย่อมต้องบอกเจ้าอยู่ได้อยู่แล้ว สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือ.. เจ้าจักต้องกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเดิม” นางตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เจ้าหมายความว่าข้าจักต้องเข้าไปฝึกวรยุทธบ่มเพาะภายในห้องนี้งั้นรึ?” หลงเฉินถามพร้อมกับจ้องด้วยแววตาประหลาดใจ

“หาใช่เช่นนั้นไม่! แม้เจ้าจักสามารถฝึกวรยุทธบ่มเพาะภายในห้องจนแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้ แต่นั่นยังมิใช่การผ่านด่านทดสอบ เจ้าจักต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองด้วยวิธีที่แตกต่างจากนั้นต่างหากเล่า จึงจะนับว่าประสบความสำเร็จ!”

“นี่เจ้าได้โปรดอธิบายให้ข้าเข้าใจชัดเจนกว่านี้จะได้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยความหงุดหงิดใจ

“เวลานี้ข้ามิอาจบอกอะไรกับเจ้าได้มากไปกว่านี้ เจ้าจักต้องใช้ความเข้าใจและความสามารถของตนเอง ในการที่จะหาหนทางเพิ่มความแข็งแกร่งของตนให้จงได้”

“เอาล่ะ.. เจ้าเข้าไปในห้องได้แล้ว และจงเข้าไปหาคำตอบที่เหลือด้วยตัวของเจ้าเอง”

แล้วซุนก็ยืนหลับตานิ่งอยู่เช่นนั้น มิยอมกล่าวอันใดออกมาอีกเลย..

หลงเฉินตัดสินใจเปิดประตูและเดินตรงเข้าไปในห้องทันที แต่เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในห้อง หลงเฉินก็ไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดอะไรอีกแล้ว เพราะภายในห้องนั้นหาใช่เป็นอย่างที่เขานึกคิดจินตนาการไว้ไม่ มันกลับกลายเป็นโลกหนึ่ง โลกใบใหม่ที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง

หลงเฉินเห็นท้องนภาที่เป็นสีแดงอยู่เหนือศรีษะของตน และผืนดินที่รกร้างภายใต้ฝ่าเท้า สุดสายตาที่จะสามารถมองเห็นได้นั้นมีเพียงทะเลทรายที่แห้งแล้งไร้ซึ่งพรรณไม้และสิ่งมีชีวิต ท้องนภานี้ดูเหมือนจะไร้ซึ่งสุริยันต์และจันทรา แต่กลับสุกสว่างได้เช่นเดียวกับเวลากลางวันของโลกมนุษย์

หลงเฉินสัมผัสได้ถึงอากาศที่หนาวเย็น บรรยากาศในยามนี้คล้ายกับฤดูหนาว ซึ่งตรงข้ามกับท้องนภาสีแดงร้อนแรงเหนือศรีษะของเขายิ่งนัก

“ที่นี่คือที่ใดกัน? ช่างแตกต่างจากโลกที่ข้าคุ้นเคยนัก!” หลงเฉินพึมพำกับตนเองด้วยความประหลาดใจ

“ห๊ะ.. นี่มันอะไรกัน?”

หลงเฉินร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อหันหลังกลับไป นั่นเพราะเวลานี้ด้านหลังของเขาไม่มีประตูอยู่แล้ว ประตูที่เขาเพิ่งจะเดินเข้ามาได้อันตธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ประตูนั่นหายไปจริงๆ หรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้นนะ?”

หลงเฉินพึมพำกับตัวเอง เขาพุ่งตัวไปยังตำแหน่งที่ประตูเคยอยู่ แต่ไม่ว่าจะพยายามค้นหาเช่นใด ก็มิสามารถหาประตูบานนั้นพบ

“ดูท่าคงจะหายไปแล้วจริงๆ ‘ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วยความเข้าใจของตนเอง’ มันหมายความเช่นใดกัน? คิดไม่ถึงว่าหลังจากคำพูดบ้าๆนั่น ข้าจักต้องมาพบเจอสถานที่เช่นนี้ แต่ที่นี่ก็หามีอะไรไม่..” หลงเฉินบ่นพึมพำในขณะเดียวกันก็หันมองรอบตัว

“คงจะเหลือเพียงแค่หนทางเดียว.. ข้าคงต้องเลือกเอาเส้นทางใดเส้นทางหนึ่ง และมุ่งหน้าตรงไปยังเส้นทางนั้น หวังว่าจักได้พบเจอใครสักคน หรืออะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบครั้งนี้ ในเมื่อให้ข้ามาที่นี่ก็ย่อมต้องมีบางสิ่งบางอย่างอยู่เป็นแน่!”

หลงเฉินพูดไปและเริ่มเลือกเส้นทางที่จะมุ่งหน้าเดินตรงไป..

……

“น่าแปลกที่ข้ากลับไม่รู้สึกหิว แต่เอาเถิด.. แม้จักมิรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่หวังว่าข้าจะไม่รู้สึกหิวเช่นนี้ไปเรื่อยๆ นี่ก็เดินทางมาครึ่งค่อนวันแล้ว แต่กลับมิพบเจอผู้คนหรือสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย เช่นนี้แล้วข้าจักหาสิ่งใดเป็นอาหารได้ในโลกที่รกร้างว่างเปล่านี้!”

หลงเฉินบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ก็ยังคงก้าวเท้าเดินต่อไปเรื่อยๆ

“นั่นของจริงหรือไม่นะ?”

หลงเฉินร้องอุทานออกมาทันที เพราะในที่สุด.. หลังจากที่เดินต่อไปอีกราวครึ่งชั่วยาม เขาก็พบเจอกับบางสิ่งบางอย่างเข้า

เทพปีศาจผงาดฟ้า

เทพปีศาจผงาดฟ้า

Status: Ongoing

เทพปีศาจผงาดฟ้า เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท