ตอนที่306แน่จริงก็แต่งงานกับเธอ 2
เป้หมิง โม่ขึงตาใส่ หยุนเฟิงแล้วหันกลับมามองเฟยเอ๋อ สายตาแข็งกร้าวคู่นั้นมีแววอ่อนลง ก่อนจะส่ายหัวไปมา “เฟยเอ๋อ เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็อย่าไปพูดถึงอีกเลยนะ ตอนนี้ คุณก็รักษาตัวเองให้ดี อย่าคิดมาก เข้าใจไหม?”
เฟยเอ๋อพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง นัยน์ตาเริ่มมีน้ำตาเอ่อขึ้น มา “อั้ม ขอบคุณนะคะ โม่……
“เด็กโง่ ผมต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณถึงจะถูก” เป้หมิงไม่ ถอนหายใจอย่างเอ็นดู มือใหญ่กุมมือน้อยๆของเฟยเอ๋ออ ย่างแนบแน่น
เฟยเอ๋อยิ้มบางๆ ก่อนจะนิ่งเงียบไปสักพัก ยังมีอีก เรื่อง……..ขอบคุณสําหรับกระโปรงตัวนั้นที่คุณมอบให้นะ คะ ฉันชอบมาก……..แต่เหมือนว่าจะไม่มีโอกาสได้ใส่เลยอ่ะ
“กระโปรงอะไรอ่ะ?” ซูหยุนเฟิงถามขึ้นอย่างสอดรู้สอด
เห็น
เป้หมิง ไม่อยากตบแมลงวันตัวนี้ให้ตายๆไปเลย!
เฟยเอ๋อหัวเราะอย่างเคอะเขิน แววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขาจะมอบกระโปรงที่ สวยงามราวเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ตัวนั้นให้กับเธอ……..
เป็นชุดราตรีลิมิเต็ดที่มีเพียงตัวเดียวในเมือง……..
พอพูดถึงกระโปรงตัวนั้น ดวงตาสีนิลของเป้หญิงไม่ ประกายความสับสนออกมา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม ทำไมจะไม่มีโอกาสใส่ล่ะ? อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของ คุณแล้ว พอถึงตอนนั้น ผมจะจัดปาร์ตี้วันเกิดให้คุณ เท่านี้ คุณก็มีโอกาสใส่แล้วใช่ไหม?”
“ปาร์ตี้วันเกิด?” เฟยเอ๋อรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เขา ทําให้กับเธอ
“ปาร์ตี้วันเกิด?” ซูหยุนเพิ่งกลับประกายความดีใจออกมา ทางสายตา “ดีเลย ดีเลย เฟยเอ๋อก็จะแก่ลงอีกปีแล้วนะ ฮ่าๆฉลองวันเกิดอีกครั้งสองครั้ง ก็จะไม่มีคนเอาแล้วนะ……
เฟยเอ๋อทำปากขึ้นอย่างกระดากกระเดื่อง “หยุนเฟิง คุณ หัวเราะเยาะฉัน….…..
“ใครจะกล้าล่ะ?” ซูหยุนเฟิงแอบเหลือบตามองสีหน้าของ เป้หมิงโม่ ก่อนจะพูดอย่างมีวัวกระทบคราดว่า “คนบางคน ปล่อยเวลาของตัวเองล่วงเลยไปอย่างไร้ค่าไม่พอ ทำไมยัง ต้องไปถ่วงเวลาของคนอื่น ให้ผ่านไปอย่างไร้ค่าด้วยก็ไม่รู้ เฟยเอ๋อ คุณว่าใช่ไหม?”
* เฟยเอ๋อรีบส่ายหน้าไปมาพร้อมรอยยิ้มที่เหนียม
อาย
เป้หมิงโม่ลูบแผลที่หน้าผากยังคงปวดอยู่นั้น ก่อนจะมอง เฟยเอ๋ออย่างจริงจัง และรีบพูดกับฉิงตัวว่า “โยนไอ้หยุนเฟ งออกไป ……
ฉิงตัวมองไปที่หยุนเฟิง ก่อนจะพูดด้วยความเคารพว่า “ชูเอ้อครับ คุณก็ได้ยินแล้วว่า เจ้านายของผมให้ผมส่งแขก แล้วครับ เชิญคุณกลับไปก่อนนะครับ
หยุนเฟิงเบะปากขมวดคิ้ว ก่อนจะมองไปที่เฟยเอ๋อและ มองไปที่เป็นมิงโม่สลับกันไปมา พูดเพื่อก่อความวุ่นวายขึ้น มาว่า “นี่ เปหมิงเอ๋อ นายนี่แล้งน้ำใจจริงๆเลย! เสียแรงที่ทุก ครั้งเพื่อนคนนี้ จะเป็นคนมาเยี่ยมเยียนเป็นคนแรก เวลานาย มีเรื่องคอขาดบาดตาย! ต่อให้วันใดวันหนึ่งที่นายเกิดสิ้นลม หายใจไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ก็ยังคงเป็นเพื่อนนายคนนี้ ที่ส่ง ซองขาวมาแสดงความเสียใจเป็นคนแรกอย่างแน่นอน เพื่อ ที่ดีขนาดนี้ หาไม่ได้อีกแล้วนะ นายจะมาถีบหัวส่งแบบนี้ได้ ไง?!”
เป้หมิงไม่เริ่มโมโห
ฉิงตัวยืนเหงื่อตกอย่างเป็นกังวล ซูเอ๋อคนนี้นี่ปากไม่มีหูรูด เลยจริงๆ พลังทำลายล้างสูงมาก
เฟยเอ๋อรีบดึงเสื้อชูหยุนเฟิงเพื่อห้ามปราม
เ ห ง โม่มองด้วยสายตาเอาเรื่อง “แน่จริงนายลองพูด อีกครั้ง !
“พูดอีกครั้งก็พูดอีกครั้ง! คิดว่าฉันกลัวนายหรือไง เสีย แรงที่เพื่อนคนนี้จะมาเยี่ยมเยียนเป็นคนแรก เวลานายมีเรื่อง คอขาดบาดตาย……
เป้หมิงไม่ตะโกนออกมาอย่างสุดทน “หยุนเฟิง นายเชื่อ ไหมว่าฉันจะให้คนไปปิดไนต์คลับของนายซะ!”
ซูเอ้อยังคงพูดจายั่วยต่อ “เป๊หญิงโม่ ฉันไม่เชื่อหรอกว่า นายจะมีปัญญาจัดการซ่องโจรของตระกูลซูได้!”
ไฟโกรธของเป้หมิงไม่ใกล้ถึงจุดปะทุเข้าไปเต็มที่ “นาย
คิดว่าฉันไม่กล้าใช่ไหม?!
ซูเอ้อเหน็บแนม “โอ้โห นายคิดว่าคนอย่างเป็นมิงเอ้อ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้งั้นสิ?”
เป้หมิง โม่ตอบกลับด้วยท่าทีที่อวดดี “กลัวนายจะไม่กล้า พูดว่า ไม่มีสิ่งไหนที่คนอย่างเป็นมิงไม่ทำไม่ได้มากกว่า!
เอ้อยกมุมปากขึ้นอย่างยียวน “งั้น ถ้านายแน่จริงก็แต่ง
งานกับเฟยเอ๋อ !
ประหนึ่งเสียงอากาศที่หยุดนิ่งลง
สีหน้าของเฟยเอ๋องฉันทันที และหายใจติดขัดขืนมา อย่างเสีย
ฉิงตัวตะลึงงันทันที ครั้งนี้เอ้อเล่นแรงเกินไปจริงๆ
เป้หมิงไม่มีสีหน้าที่ครึ้มหม่นลง เม้มปากแน่น โดยไม่ ปริปากพูดอะไรออกมาเลยสักคำ แววตาเหี้ยมเกรียมคู่นั้นดู เย็นชาเป็นพิเศษ
หยุนเพิ่งยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ “ทำไม กลัวหัวหดเป็นเต่า เลย? เป้หมิงเอ๋อ ฉันรู้ทันนายมานานแล้ว นายมันก็มีปัญญา แค่นี้แหละ! เสียแรงที่เฟยเอ๋อเฝ้ารักนายมาตั้งนานหลายปี ความสาวที่ร่อยหรอลงไปในแต่ละปีที่ผ่านไป ต้องสละเวลา ทั้งชีวิต ให้กับนายแบบนี้เหรอ? ถ้านายรักเธอ ก็แต่งงานกับ เธอซะ อย่าทิ้งเธอให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวที่หอพักฟื้นแบบนี้ นายรู้ไหมว่าเธอแอบร้องไห้กลางดึกอยู่บ่อยๆ เพราะหอพัก พื้นไม่ใช่ที่ที่เธออยากจะอยู่!”
เปหมิงโม่มองเฟยเอ๋ออยู่นาน โดยไม่ปริปากพูดอะไรออก มาเลย
เฟยเอ๋อดึงเสื้อของซูหยุนเฟิงแรงขึ้นด้วยความตื่นตระหนก
“หยุนเฟิง หยุดพูดได้แล้ว…….
“ทำไมจะพูดไม่ได้? เฟยเอ๋อ เธอคิดที่จะอยู่แบบนี้ไป ตลอดชีวิตเลยเหรอ?” ซูหยุนเพิ่งรีบคว้ามือของเฟยเอ๋อขึ้น มา ซึ่งตามองเป้หมิงไม่อย่างเอาเรื่อง “เป๊หมิงเอ้อ นายแหกตาดูรอยแผลบนข้อมือของเฟยเอ๋อเหล่านี้ให้ดี มันใช่รอยไฟ ไหม้ตรงไหนกัน? มันเป็นรอยที่เธอกรีดข้อมือเพื่อฆ่าตัวตาย ต่างหาก!”
เมื่อหยุนเฟิงดึงข้อมือของเฟยเอ๋อไปไว้ตรงหน้าของเป็น มิงโม่นั้น เขาตกตะลึงกับรอยแผลคดเคี้ยวเส้นแล้วเส้นเล่า ที่ พาดกันไปมาบนเรียวแขนเล็กนั้นอย่างไม่เป็นระเบียบ