ตอนที่ 59 พบกันครั้งแรก
‘ที่นี่มีอาหารหน้าตาแปลกประหลาดมากมาย โชคดีที่ข้ามิได้รู้สึกหิวเลยเมื่อยู่บนโลกใบนี้ หาไม่แล้วก็คงไม่รู้ว่าข้าจะทนกินของพวกนั้นเข้าไปได้อย่างไร!!’
หลงเฉินเฝ้าครุ่นคิดอยู่ภายในใจขณะที่เดินสำรวจเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง และเหลือบเห็นอาหารที่ผู้คนกำลังกินอยู่..
การปรากฏตัวของหลงเฉินในร้านอาหาร ทำให้ลูกค้าในร้านต่างก็พากันตกอกตกใจไม่น้อย..
“เอ๊ะ.. นั่นร้านอะไรน่าสนใจทีเดียว!” หลงเฉินพึมพำขึ้นมาเมื่อเห็นชายผู้หนึ่งกำลังขายอะไรบางอย่างอยู่บนแผงเล็กๆข้างถนน
หลงเฉินรีบเดินตรงเข้าไปดูทันที และพบว่ามีสินค้าหลากหลายวางเรียงรายอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหรียญหน้าตาแปลกประหลาด ดาบ โล่ และอีกมากมายหลายอย่าง แต่สิ่งที่สะดุดสายตาของหลงเฉินมากที่สุดกลับเป็นสร้อยคองดงามเส้นหนึ่ง แม้หลงเฉินจะมิได้รู้สึกว่าสร้อยเส้นนี้มีความพิเศษอันใด แต่เขากลับรู้สึกว่ามันงดงามมากจริงๆ
“นายท่านต้องการสิ่งใดรึ? ร้านของข้ามีสินค้ามากมายหลากหลาย นี่เป็นเหรียญจากเผ่าซุนหมี่ที่ถูกเหล่าอสูรกายกำจัดไปเมื่อครั้งเกิดมหาสงครามในอดีต ราคาเพียงแค่สามสิบเหรียญเอลเฟียเท่านั้น รับรองได้ว่าท่านจักหาเหรียญเช่นนี้จากที่ใดมิได้เลย”
หลังจากที่คนขายหายตกใจและตั้งสติได้แล้ว จึงเริ่มแนะนำสินค้าในร้านของตนให้หลงเฉินฟังทันที..
“ข้ามิได้ต้องการเหรียญอะไรนั่น ข้าสนใจสร้อยคอเส้นนั้นต่างหาก” หลงเฉินบอกกับพ่อค้า
“เอ่อ.. สร้อยเส้นนั้นรึ? แม้มันจักมิได้มีความพิเศษอันใด แต่ก็เป็นสร้อยผลึกใสงดงงามที่สุดในดินแดนนี้ แต่น่าเสียดายนักที่มีคนซื้อไปก่อนแล้ว ข้าจึงมิอาจขายให้ท่านได้” คนขายจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับบอกเขาไป
“หมายความเช่นใดกัน? สร้อยก็วางขายอยู่ เวลานี้ก็หาได้มีลูกค้าอื่นใดนอกจากข้า..” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงงมิเข้าใจ
“สร้อยเส้นนี้คุณหนูเซี่ยบุตรสาวของท่านรองหัวหน้าเผ่าเป็นผู้ซื้อไว้เมื่อวานนี้ อภัยที่ข้ามิอาจขายให้ท่านได้หากนางมิอนุญาติ” คนขายตอบด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“หากนางซื้อไว้จริง เหตุใดจึงมินำกลับไปด้วยเล่า?” หลงเฉินยังคงถามต่อ
“เมื่อวานข้าก็มีสร้อยเช่นเดียวกันนี้หนึ่งเส้น คุณหนูเซี่ยมาพบเข้าจึงได้ซื้อกลับไป และนางได้ถามข้าว่าสร้อยนี้ยังมีอีกหรือไม่? ข้าจึงตอบกลับไปว่ายังมีอีกหนึ่งเส้นอยู่ที่บ้าน นางจึงได้ขอจองไว้ และสั่งให้ข้านำมาในวันนี้ด้วย” คนขายอธิบายเสียงเบา
“อ่อ.. ถ้าเช่นนั้นนางก็ควรได้สร้อยเส้นนี้ไป”
หลงเฉินตอบ และล้มเลิกความตั้งใจที่จะซื้อสร้อยเส้นนี้อีก แต่ในระหว่างที่เขากำลังจะหันหลังเดินจากไปนั้น เสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้นจากด้านหลังของเขาพอดี
“เมื่อวานนี้ข้าได้สร้อยนั่นไปเส้นหนึ่งแล้ว สร้อยเส้นนี้ท่านก็ซื้อไปเถิด..”
หลเฉินหันกลับไปมองทันที และพบหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังเดินตรงมาหาตนพร้อมกับผู้อารักขาหนึ่งคนซึ่งเดินตามมาทางด้านหลัง นางสวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวรัดรูปเผยให้เห็นทรวดทรงที่งดงามอย่างไร้ที่ติ
“แม่นางเซี่ย ในที่สุดก็ได้พบเจ้า ข้ารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติยิ่งนัก!”
จากคำพูดของหญิงสาวผู้นี้ หลงเฉินสามารถคาดเดาได้ทันทีว่านางก็คือคุณหนูเซี่ยผู้เป็นลูกสาวรองหัวหน้าเผ่านั่นเอง จึงรีบเอ่ยทักทายขึ้นทันที
“ข้าต่างหากที่ต้องรู้สึกเป็นเกียรติและยินดี!” เซี่ยกล่าวกับหลงเฉินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วจึงหันไปบอกกับคนขายว่า
“เจ้าขายสร้อยเส้นนี้ให้กับเขาได้ ในเมื่อข้าเองก็มีเส้นหนึ่งแล้ว..”
“ขอรับคุณหนู!”
จากนั้นคนขายจึงหันหน้าไปบอกราคาสร้อยกับหลงเฉิน “สร้อยเส้นนี้ราคาสิบห้าเหรียญเอลเฟีย..”
“เอ่อ.. ข้าลืมไปว่าตนเองมิมีเหรียญเอลเฟียเลยแม้แต่เหรียญเดียว” หลงเฉินบอกกับคนขาย
“หากท่านมิมีเบี้ยที่จะซื้อ ถ้าเช่นนั้น.. ข้าขอซื้อสร้อยเส้นนี้ไว้เอง และขอมอบให้กับท่านเป็นของขวัญจากเผ่าเอลเฟียของเรา” เซี่ยตอบยิ้มๆพร้อมกับจ้องมองหลงเฉิน
“แม่นางเซี่ยอย่าได้กังวลใจไป ข้ามิได้กล่าวว่าตนเองไม่มีเงิน..” หลงเฉินตอบเซี่ยแล้วจึงหันกลับไปหาคนขาย
“สิ่งนี้พอจักใช้แทนเบี้ยของเผ่าเจ้าได้หรือไม่?” หลงเฉินถามขึ้นพร้อมกับโยนเหรียญเงินให้กับคนขาย และเขาก็รีบตะครุบไว้ทันที
“นี่เป็นเหรียญที่มนุษย์เราใช้กัน น่าจะเพียงพอกับราคาสร้อยของเจ้า?” หลงเฉินกล่าวยิ้มๆ
“ห๊ะ????” คนขายถึงกับลุกขึ้นยืนทันที สีหน้าของเขาที่จ้องมองเหรียญในมือนั้น บ่งบอกว่ากำลังตกใจสุดขีดจนแทบจับไข้
“ท่านมิจำเป็นต้องจ่ายเงินมากมายถึงเพียงนั้น! หากนำเหรียญนั่นไปประมูล ท่านจักได้เบี้ยมาซื้อของได้ทั้งตลาดเลยทีเดียว” เซี่ยบอกกับหลงเฉินในขณะที่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่เหรียญเงินในมือของคนขาย
‘งั้นรึ?? เหรียญเงินเพียงแค่เหรียญเดียวมีค่ามากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ?’ หลงเฉินครุ่นคิดและทำสีหน้าประหลาดใจ
“มิเป็นไร.. ให้เขาไปเถิด ในเมื่อเจ้าบอกว่าเหรียญเงินของข้ามีค่ามากมายถึงเพียงนั้น เจ้าก็หยิบของที่แผงของเขาไปอีกสักสองสามอย่างก็แล้วกัน คิดเสียว่าเป็นของขวัญที่ข้ามอบให้กับเจ้าในการพบกันครั้งแรกของเราก็แล้วกัน เอาล่ะ.. ข้าคงต้องขอตัวก่อน เพราะยังมีหลายสิ่งหลายอย่างต้องทำ ไว้พบกันใหม่..”
หลงเฉินยิ้มให้เซี่ย แล้วจึงเดินถือสร้อยจากไป
“ชายผู้นี้…” เซี่ยถึงกับยืนตกตะลึง และได้แต่จ้องมองตามแผ่นหลังของหลงเฉินไป
“นี่.. หนึ่งร้อยเหรียญเอลเฟีย เจ้ารับไป.. แล้วคืนเหรียญมนุษย์คืนมาให้กับข้า เจ้ารู้มิใช่รึว่าหากถือครองของล้ำค่าไว้โดยที่ตนเองมิแข็งแกร่งพอ จักนำพาหายนะมาสู่ตนเอง?”
หลังจากที่หลงเฉินจากไปแล้ว เซี่ยจึงหันไปพูดกับคนขาย
“เอ่อ.. ตกลงๆๆ”
คนขายอยากจะปฏิเสธ แต่ก็มิอาจทำได้ เขามิต้องการที่จะเป็นปฏิปักษ์และมีปัญหากับลูกสาวรองหัวหน้าเผ่า จึงได้แต่ยอมรับเงินจำนวนหนึ่งร้อยเหรียญเอลเฟียมาจากนาง และคืนเหรียญเงินเงินในมือให้กับนาง
“เหรียญนี้น่าสนใจยิ่งนัก..” เซี่ยยืนพินิจพิศมองเหรียญเงินในมืออย่างละเอียดพร้อมกับพึมพำออกมา
…….
หลงเฉินเดินกลับไปยังบ้านของเท็นช่าผู้เป็นหัวหน้าเผ่า เขาสามารถเข้าออกที่นี่ได้โดยมิมีผู้ใดกล้า หรือพยายามจะห้ามปรามเลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างก็เห็นว่าแม้แต่หัวหน้าเผ่ายังเคารพต่อมนุษย์ผู้เป็นตำนานเช่นนั้น หลงเฉินจึงสามารถเดินทางไปได้ทุกที่อย่างอิสระ
“เขาเข้าไปที่อารามของบรรพบุรุษเรา ข้าคิดว่ากว่าจะออกมาก็คงอีกเป็นเดือน เวลานี้คงยากที่จะส่งเขาออกไปเผ่าอื่นได้แน่..” เท็นช่าจ้องมองซูพร้อมกับบอกเล่าให้เขาฟัง
“ห๊ะ.. หายนะมาถึงเผ่าเราแน่แล้ว!! เหตุใดเจ้าจึงพาเขาไปที่นั่นเล่า? เจ้ามิรู้หรอกรึว่าหากเขาไปที่นั่นจักต้องทำสิ่งใด? เขาย่อมต้องศึกษาอยู่ที่นั่นจนกว่าตนจักได้บรรลุเป็นแน่..”
“เฮ้อ.. ข้าเองก็มิรู้ว่าจักสามารถปกปิดเรื่องที่มนุษย์ปรากฏตัวในเผ่าของเราได้อีกนานเพียงใด อีกทั้งมิรู้ด้วยว่าข่าวเรื่องการปรากฏตัวของมนุษย์ได้แพร่สะพรัดไปถึงหูของเหล่าอสูรกายบ้างหรือยัง?” ซูกล่าวกับเท็นช่าด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“จักให้ข้าทำเช่นใดได้เล่า.. ในเมื่อเขารู้เรื่องวัตถุที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้แล้ว และเมื่อเขาร้องขอให้ข้านำพาไปที่นั่น ข้าจักกล้าปฏิเสธเขาได้อย่างไร”
“เฮ้อ.. เวลานี้เขาคงต้องอยู่กับเราไปนานอีกอย่างน้อยหนึ่งเดือน พวกเราคงต้องพยายามช่วยกันปกปิดข่าวนี้ให้ได้นานที่สุด และได้แต่ภาวนาว่าเหล่าอสูรกายจักยังมิรู้เรื่องนี้เช่นกัน” เทนช่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกระซิบ
“ผู้ใดกัน?”
เท็นช่าร้องตะโกนถามออกไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น..