ตอนที่ 64 อำลา
“ถวายพระพรองค์ราชินีเมี่ย..”
เซี่ยและคนอื่นๆต่างก็กล่าวทักทายองค์ราชินีแห่งเผ่าแบนชี เว้นแต่หลงเฉินผู้เดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนจ้องมองนางอย่างสงบนิ่ง
“ส่วนเรื่องที่ท่านกล่าวเมื่อครู่นั้น ข้าคิดว่าท่านคงจักกล่าวหยอกเย้าเล่นเป็นแน่ เผ่าเอลเฟียของเรานับเป็นเผ่าที่ซื่อสัตย์ยิ่ง มิได้ไร้ความซื่อสัตย์เหมือนเช่นบางคน” เซี่ยกล่าวต่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เรื่องนั้นข้าย่อมรู้ดี.. ข้ารู้จกชนเผ่าของเจ้าดี” เด็กสาวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นกัน
“ถ้าเช่นนั้นจงตอบคำถามของข้า.. ในเมื่อมนุษย์ผู้นี้มากับพวกเจ้า ย่อมหมายความว่าเผ่าเอลเฟียเป็นผู้พบเจอเขาก่อนเป็นแน่ คำถามของข้าก็คือ.. เหตุใดพวกเจ้ายังต้องพามนุษย์ผู้นี้มาที่จักรวรรดิของข้าด้วยเล่า?” องค์ราชินีเอ่ยถามเซี่ยพร้อมกับจ้องมองนางแน่นิ่ง
“เรื่องนี้มิได้มีลับลมคมในแต่อย่างใด.. ท่านหลงเฉินมาถึงเผ่าเราได้สามวันแล้ว และชนเผ่าเราทุกคนต่างก็อ้าแขนต้อนรับ เขาใช้เวลาไปกับการเรียนรู้โลกนี้และประวัติของชนเผ่าเราจากคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ บางคราในช่วงเวลากลางวันก็เดินเล่นไปอยู่ภายในเผ่า แต่หลังจากนั้นเขาได้บอกกับพวกเราว่าปรารถนาที่จะมาเยี่ยมเยียนเผ่าแบนชีของท่าน พวกเราจึงได้นำพาเขามาที่นี่ตามความต้องการ”
เซี่ยอธิบายให้องค์ราชินีฟังตามที่นางได้ยินได้ฟังมาจากบิดาของตนเอง..
“เผ่าของข้างั้นรึ? ที่นี่คือจักรวรรดิหาใช่เผ่าไม่!” องค์ราชินีกล่าวค้านด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เอาล่ะ.. ข้าเชื่อคำพูดของเจ้า เผ่าเล็กๆเช่นเอลเฟียนั้นอยู่เพียงแค่วันเดียวก็คงเบื่อแล้ว ไหนเลยจักดีเหมือนจักรวรรดิของข้าเล่า” องค์ราชินีกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มที่มั่นอกมั่นใจ
“ดีหรือไม่มิได้วัดจากความโอ่อ่าหรือซับซ้อน ชนเผ่าเราพอใจกับชีวิตเรียบง่ายเช่นนั้น!” เซี่ยพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมน้ำเสียงของตนให้ราบเรียบ มิให้เผลอแสดงอารมณ์โกรธออกมาพร้อมกับน้ำเสียง
“นั่นคงจะเป็นเทอร่าน้อยสินะ? นี่เจ้าโตขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่ข้าได้พบมากนัก เหตุใดเจ้าจึงไม่กล่าววาจาอันใดออกมาแม้แต่คำเดียวเล่า? ทำให้ข้าอดคิดมิได้ว่าเป็นนางที่เป็นบุตรของท่านหัวหน้าเผ่า หาใช่เจ้าไม่..” องค์ราชินีหันไปกล่าวกับเทอร่าโดยมิได้สนใจเซี่ยอีก
“เรื่องนี้หาได้มีสิ่งใดซับซ้อนไม่องค์ราชินี นางเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของพ่อนาง ส่วนตำแหน่งของพ่อข้านั้นก็หาใช่ข้าเป็นผู้สืบทอดไม่ แต่เป็นพี่ชายของข้า เขาเป็นคนช่างเจรจา แล้วข้าจักบอกให้เขามาเยี่ยมเยียนที่นี่ในคราหลัง..” เทอร่าเอ่ยตอบองค์ราชินี และเขาก็เข้าใจความนัยในคำพูดของนางดี
‘หญิงสาวผู้นี้ช่างหยิ่งผยองนัก ธรรมชาตินิสัยของนางก็ดูน่ารังเกียจยิ่ง หากเป็นไปได้ ข้าคงต้องพยายามอยู่ให้ห่างจากนาง..’ หลงเฉินแอบครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ ระหว่างที่ฟังทุกคนสนทนากัน
“เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง! แต่ข้ามิต้องการที่จะเสวนากับพี่ชายของเจ้า ข้ามิได้ชื่นชอบคนเช่นนั้นนัก ดูเหมือนเขาจักเป็นคนเจ้าแผนการไม่น้อย..” องค์ราชินีตอบ
“ท่านนามว่าอันใดรึ?”
ราชินีเมี่ยมิสนใจที่จะฟังคำตอบของเทอร่าด้วยซ้ำ แต่กลับหันไปทางหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยถามออกไป
“ข้านามว่าหลงเฉิน.. ยินดียิ่งนักที่ได้รู้จักแม่นางเมี่ย!” หลงเฉินตอบกลับ
“ข้าเป็นราชินีแห่งจักรวรรดิแบนชี ท่านควรต้องเรียกขานข้าว่าองค์ราชินี หรือไม่ก็แทนว่าใต้ฝ่าพระบาท..” ราชินีเมี่ยกล่าวกับหลงเฉิน
“ในเมื่อพวกเราได้พาท่านหลงเฉินมาส่งถึงที่นี่แล้ว เป็นอันว่าภารกิจของพวกเราสำเร็จลุล่วงด้วยดี ฉะนั้นพวกเราคงต้องขอลากลับเลย” เซี่ยเอ่ยบอกองค์ราชินีพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“แม่หนู.. เจ้ามิต้องรีบร้อนถึงเพียงนั้น นี่ก็ใกล้จะมืดค่ำแล้ว พวกเจ้าค้างที่นี่กันสักคืนเถิด ไม่ว่าอย่างไรการพักค้างคืนในพระราชวังของข้า ย่อมดีกว่าการนอนกระโจมในป่าเป็นไหนๆมิใช่รึ?” ราชินีเมี่ยเอ่ยขัดขึ้นทันที เมื่อเซี่ยเอ่ยคำร่ำลา
‘แม้นางจักค่อนข้างหยิ่งผยอง แต่ก็นับว่ายังมีน้ำใจ หาใช่เป็นปีศาจร้ายทั้งกายและใจ’ หลงเฉินแอบคิดอยู่ในใจพร้อมกับยิ้มออกมา
“พาพวกเขาไปที่เรือนรับรองอาคันตุกะ” ราชินีเมี่ยหันไปสั่งสาวใช้ให้นำทุกคนออกไป
“องค์ราชินีเมี่ย ข้าขอเจรจากับท่านเป็นการส่วนตัวจักได้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสาวใช้เดินตรงมาหาตน
“มีสิ่งใดค่อยสนทนาในวันพรุ่ง วันนี้ข้าเหนื่อยมากแล้ว เจ้าเองก็คงจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยเช่นกันหลังจากที่ต้องเดินทางไกลมาเช่นนี้”
องค์ราชินีเมี่ยตอบหลงเฉินพร้อมกับลุกขึ้นจากบัลลังก์ ก้าวเดินออกไปจากท้องพระโรงทันที..
“แต่…” และก่อนที่หลงเฉินจักทันได้พูดจบประโยค นางก็เดินหายจากท้องพระโรงไปแล้ว
“คงต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้าสินะ!”
หลงเฉินพึมพำกับตัวเองในขณะที่เดินตามสาวใช้ไปยังเรือนรับรองอาคันตุกะ ระหว่างทางต้องเดินผ่านห้องหับมากมายถึงห้าสิบห้องกว่าห้อง จึงจักไปถึงห้องพักของตน หลงเฉินได้แต่นึกอัศจรรย์ใจและนึกสงสัยว่า พระราชวังแห่งนี้จักใหญ่โตถึงเพียงใด?
เมื่อไปถึงเขตที่พักของเหล่าอาคันตุกะ ทุกคนต่างก็ได้แยกย้ายกันไปพักในห้องของตนเอง แต่ทั้งหมดก็ได้พักอาศัยอยู่ภายในบริเวณเดียวกัน
“นางแตกต่างจากเท็นช่าที่ค่อนข้างให้เกียรติและเกรงอกเกรงใจข้ายิ่งนัก เช่นนี้แล้วนางจักยอมให้ข้าได้เห็นลูกแก้วงั้นรึ? การจักทำให้นางยินยอมนับเป็นความท้าทายไม่น้อยทีเดียว!”
หลงเฉินล้มตัวลงนอนบนเตียง ในขณะเดียวกันก็อดที่จะครุ่นคิด และบ่นพึมพำออกมาด้วยความกังวลใจไม่ได้..
“เหตุใดเจ้าต้องกังวลใจถึงเพียงนั้นด้วยเล่า? หากนางมิยินยอมให้เจ้าเข้าถึงลูกแก้วนั่น เจ้าก็หาหนทางนำมันกลับไปก็เท่านั้น!”
ซุนปรากฏตัวขึ้นข้างกายหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยแนะนำออกไป..
“ไม่.. ข้ามิได้มาที่นี่เพื่อที่จะขโมยลูกแก้วของพวกเขา!” หลงเฉินคัดค้านขึ้นทันที
“หาใช่เป็นการขโมยไม่ ลูกแก้วนั่นเป็นของเจ้าอยู่แล้ว และพวกมันก็เพียงแค่รอคอยการมาของเจ้าเท่านั้น!” ซุนเอ่ยตอบอย่างมีเลศนัย
“ไม่ล่ะ.. รอให้นางปฏิเสธข้าจริงๆเสียก่อน พวกเราค่อยหารือเรื่องนี้กันใหม่อีกครั้ง!” หลงเฉินตอบกลับและจบการสนทนาทันที
หลงเฉินเริ่มฝึกวรยุทธบ่มเพาะหลังจากที่ให้พลังชี่เป็นอาหารกับไข่แล้ว และหลังจากที่ได้ฝึกปรืออยู่ราวครึ่งคืน จนสามารถทะลวงเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นเก้าระดับเริ่มต้นได้แล้ว เขาจึงเข้านอนตามปกติ
…….
รุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ได้มาเยือนอีกครา..
ระหว่างที่หลงเฉินตื่นนอนนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เขารีบใส่เสื้อผ้าและเดินไปเปิดประตู และพบว่าเป็นเซี่ยและเทอร่าพร้อมผู้ติดตามกำลังยืนอยู่ด้านหน้า
“นี่พวกเจ้าจักออกเดินทางตอนนี้เลยงั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถาม
“ถูกต้องแล้วท่านหลงเฉิน พวกเรากำลังจักออกเดินทาง และต้องการที่จะกล่าวอำลาท่านเสียก่อน!” เซี่ยเอ่ยตอบยิ้มๆ
“สองวันตลอดการเดินทางมากับพวกเจ้า ข้าได้รับประสบการณ์ที่ล้ำเลิศยิ่งนัก ข้าสนุกและมีความสุขยิ่งที่ได้เดินทางมาที่นี่พร้อมกับพวกเจ้า ข้าอยากจะขอขอบคุณพวกเจ้าทุกคนที่ร่วมเดินทางมาเป็นเพื่อนข้าในครั้งนี้”
“นี่เป็นของกำนัลเล็กๆน้อยๆจากข้า แต่มีคนบอกว่ามันเป็นสิ่งที่มีราคาแพงยิ่งนัก..”
หลงเฉินเอ่ยขึ้นพร้อมกับหยิบเหรียญทองแดงออกมามอบให้กับเทียและลูกน้องของเขา..
“ไม่มีของกำนัลให้พวกเราสองคนบ้างรึ?” เทอร่าเห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยถามขึ้นทันที
“ข้ามีของขวัญที่ล้ำค่ากว่านั้นที่จะมอบให้กับพวกเจ้าทั้งสอง!” หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ