ตอนที่ 539 ผมมีบ้านตระกูลดีหลังหนึ่ง1
ฝ่ามือนี้ เป็นเหมือนกับการเทน้ำเย็นๆลงบนหัวใจเล็กๆอันร้อนแรงของชายอ้วนเตี้ย
“เฮ้ย คุณตบผมทำไม?” ชายอ้วนเตี้ยเอามือกุมขมับ เบิกตาโตมองดูชายผอมสูง เขาไม่เข้าใจจริงๆ เป็ดอ้วนตัวหนึ่งที่จะเข้าปากอยู่แล้ว ยังไม่รีบไปกินอีกหรือ
“ตบคุณ ตบนี้ยังถือว่าเบา” ชายผอมสูงมือสั่นเทาชี้ชายอ้วนเตี้ยแล้วพูดว่า “คุณกำลังทำอะไร? คุณปล่อยเธอไปแล้วคุณยังจะสามารถได้เงินหรือ? จะบอกให้ แค่เพียงเธอออกไป เธอก็จะไปแจ้งตำรวจ ยังจะกล้าเอาที่อยู่ให้เธอ คุณจะเอาเงินไม่เอาชีวิตแล้วหรือ”
“ผู้หญิงคนนี้ก็พูดแล้วว่า สามารถปล่อยเด็กไปก่อน รอเมื่อได้เงินแล้วค่อยปล่อยเธอก็ได้ หากเธอจะกลับคำ พวกเราก็ยังมีตัวประกัน” สีหน้าชายอ้วนเตี้ยมองดูชายผอมสูงอย่างน่าสงสาร
“คุณจะไปรู้อะไร คำพูดของผู้หญิงคนนี้ล้วนหลอกลวงคุณ หากเธอเป็นเศรษฐีนีจริงๆ จะวิ่งมาที่นี่ได้อย่างไร?” ชายผอมสูงพูดพร้อมกับชี้ไปหาเบลล่าในหลุม “หากเธอเป็นเศรษฐีนีจะเลี้ยงสุนัขแบบนี้หรือ? สุนัขตัวนี้ดูยังไงก็เหมือนสุนัขทั่วไปในหมู่บ้าน”
ชายอ้วนเตี้ยฟังจนอ้าปากค้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชายผอมสูงพูดหลักการได้อย่างชัดเจนขนาดนี้ พูดวิเคราะห์ได้อย่างชัดเจน ไม่เพียงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาอยู่ในใจ เขายังคิดอีกว่า จะติดตามเขาไปตลอดชีวิตนี้จะต้องสามารถทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันแน่
ชายอ้วนเตี้ยรู้สึกว่า ชายผอมสูงพูดมีเหตุผล
ต่อมา เขาก็ใช้สายตามองกู้ฮอนอย่างคนถูกหลอกลวง
“ผู้หญิงอย่างเธอ ทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราอย่างรุนแรง ถึงแม้พวกเราจะออกมาจากบ้านนอก แต่ก็จะมาดูถูกความคิดสติปัญญาของพวกเราไม่ได้” ชายอ้วนเตี้ยโกรธจะเจอชีเทปกาวออกมาหนึ่งเส้น แล้วนำไปติดบนปากของกู้ฮอนอย่างแรง
“เฮ้ยๆ คุณใช้เทปกาวประหยัดหน่อย สิ่งของนี้ราคาไม่ถูก ม้วนละสิบหยวนนะ” ชายผอมสูงพูดใส่เขาอย่างปวดใจ
กู้ฮอนอยากร้องไห้อย่างไม่มีน้ำตา เธอยอมรับ ทีแรกเธอคิดที่จะเกลี้ยกล่อมให้ทั้งสองคนปล่อยหยางหยางไปก่อน แล้วตัวเองค่อยหาโอกาสหนีไป ต่อมาก็อยากที่จะใช้เงินเพื่อให้รอดพ้นจากอันตราย ใช้เงินไถ่ตัวเองกับลูกให้ปลอดภัย ยังไงเป่หมิงโม่ก็ไม่ขาดเงิน มากสุดต่อไปค่อยหามาคืนเขาก็ได้
แต่ดูสิ คนตรงหน้าทั้งสองคนนี้สติปัญญาก็ไม่ได้ดีอะไร หรือจะพูดว่าพวกเขาฉลาดกลับถูกความฉลาดทำให้เขลา แม้แต่เบลล่าเป็นสุนัขพันธ์อะไรยังรู้
ชายผอมสูงเดินมาตรงหน้ากู้ฮอน คุกเข่าลง
อ้าปาก เผยให้เห็นเพียงฟันหน้าสามซี่ พูดด้วยท่าทีจริงจังว่า “หญิงสาว ผมจะพูดว่า คุณไม่ต้องกลัว และไม่ต้องคิดที่จะหนี ถึงแม้พวกเราจะมีอาชีพลักขโมยค้าขาย แต่พูดไปแล้ว อย่างน้อยก็ถือเป็นการแก้ไขปัญหาการแต่งงานของผู้ชายโสดที่มีอายุมากแล้ว อย่างมากก็ถือเป็นการบริจาคเพื่อการสร้างกุศลให้แก่สังคมส่วนน้อย”
กู้ฮอนเคยเห็นคนเอาทองแปะหน้าตัวเอง กลับไม่เคยเห็นคนเอาทองแปะหน้าตัวเองแบบนี้ ลักพาตัวคนไปค้าขายถือเป็นการแก้ไขปัญหาการแต่งงานของผู้ชายโสด ไร้สาระที่สุด
มองดูลักษณะท่าทางตอนที่เขาพูด ไม่ต้องบอก เขาฟังเวลาหัวหน้าในหมู่บ้านปราศรัยมากไปแล้ว และก็เลียนแบบมา
ชายผอมสูงพูดถึงกิจการงานอันยิ่งใหญ่ของเขายังไม่หมด “พวกเรามีคุณธรรมขั้นต่ำอยู่ เห็นเธอขาวๆสะอาดแบบนี้ น่าจะเป็นผู้หญิงที่สะอาด ดังนั้นพวกเราจะไม่เอาเธอไปขายในสถานที่เริงรมย์แน่นอน แต่จะหาบ้านตระกูลดีให้เธอ”
กู้ฮอนโกรธจนหายใจแรงถลึงสายตาดุใส่ชายผอมสูง เค้ายิ่งพูดก็ยิ่งไม่มีสาระที่สิ้นสุดแล้ว
ชายอ้วนเตี้ยฟังอยู่ด้านข้างด้วยความเดือดดาล เขาได้ถูกล้างสมองเป็นการสำเร็จไปแล้วแปดสิบเปอร์เซ็นต์์ คิดว่าพวกเขากำลังทำเรื่องที่ดีต่อประชาชนประเทศชาติ
เขายื่นแขนเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม และยื่นมือทั้งคู่จับมือของชายผอมสูงไว้แน่นแล้วพูดว่า “พี่เขย พูดได้ถูกต้องที่สุด พูดได้ดีมาก”
ต่อมาเขามองดูกู้ฮอน สายตานั้นเหมือนดั่งกำลังช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่ง “หญิงสาว เธอวางใจเถิด ตามประสบการณ์ที่พวกเราประสบความสำเร็จแล้วหลายครั้ง ครั้งนี้พวกเราก็จะหาบ้านตระกูลดีให้เธอ รับประกันว่าภายในสามปีเธอจะกลับมาอุ้มลูกสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่งครบถ้วน”
กู้ฮอนถูกสองคนนี้พูดจนไม่รู้จะโกรธยังไงแล้ว จึงทนฟังดูพวกเขาว่ายังจะพูดอะไรขึ้นมาได้อีก
ชายอ้วนเตี้ยเกาหัวตัวเองที่ล้านแล้ว หลังจากผ่านไปเนิ่นนานแล้วเขาก็ตบขึ้นมาหนึ่งที พูดกับกู้ฮอนอย่างตื่นเต้นว่า “ข้าคิดได้ถึงบ้านหนึ่งแล้ว นั่นเป็นถึงเศรษฐีใหญ่บ้านหนึ่งในพื้นที่ บ้านของพวกเขาสามารถพูดได้ว่านั่งกินนอนกิน หลังจากที่เธอไปแล้ว รับรองว่าเจ้าจะได้อยู่อย่างอิ่มสุขสำราญ”
พูดเสร็จ เขาก็สูบบุหรี่เข้าไปลึกๆหนึ่งคำ แล้วเอาก้นบุหรี่ที่เหลือโยนไปบนพื้น แล้วยกเท้าเหยียบไปมา
หลังจากนั้นเขาก็แนะนำให้กลับกู้ฮอนอย่างแม่สื่อมืออาชีพว่า “” พูดถึงคนในครอบครัวนี้แล้ว ทั้งบ้านมีกันเจ็ดคน อาศัยอยู่ในบ้านอิฐสี่ห้อง หกในเจ็ดไม่พูดไม่จาทั้งวัน นอกจากดื่มทานราดแล้วก็มีแต่ความเย็นชา ถือว่าไม่ป่วย คนที่ใช้ชีวิตกับเจ้าเป็นคนรองของบ้านนี้ และเป็นคนที่เป็นที่รักที่สุด เขามีความสามารถมากกว่าคนทั้งหก เดินได้พูดได้ นอกจากเป็นโรคลมชักกำเริบเป็นบางครั้งแล้ว ก็นับว่าเป็นคนปกติ
ชายอ้วนเตี้ยพูดอยู่แล้วก็เหมือนจะคิดอะไรได้ขึ้นมา หันไปพูดกับชายผอมสูงว่า “ถูกไหมพี่เขย เอาเธอกับเด็กคนนั้นไปให้คนบ้านนี้เลย หวูเหล่าเอ๋อคนนั้นดูแล้วก็ไม่น่าจะมีลูกได้ ผมเห็นว่าเด็กคนนี้ค่อนข้างฉลาด และยังเป็นแม่ลูกกับผู้หญิงคนนี้…”
ยังไม่ทันที่ชายอ้วนเตี้ยจะพูดจบ ชายผอมสูงก็โกรธแล้วตบชายอ้วนเตี้ยอีกครั้ง “บอกว่าอย่าพูดมาก บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่า ก่อนที่ยังค้าขายกันไม่สำเร็จ ห้ามเปิดเผยข้อมูลของลูกค้า ไม่อย่างนั้นเมื่อข้อมูลถูกเปิดเผยแล้ว คนอื่นก็จากไปหาผู้ซื้อเอง พวกเราก็อย่าคิดที่จะได้เงินแล้ว แม้แต่ค่าแนะนำก็ไม่มี”