บทที่ 553 มดย้ายบ้าน
หลังจากที่เป่หมิงโม่สูบบุหรี่เข้าไปลึกๆ คำหนึ่ง ดวงตาเริ่มกวาดสายตาไปทุกคนที่นั่งอยู่: “ทุกคนครับ ปกติพวกคุณจะติดตามสถานการณ์แนวโน้มหุ้นของบริษัทไหม”
พอคำถามนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างมองหน้ากันไม่รู้ว่าควรตอบยังไง
หุ้นของบริษัทเป่หมิง เนื่องจากเป็นหุ้นสำคัญในตลาดหุ้นแล้ว ในมือของพวกเขาก็มีไม่น้อยเหมือนกัน
โดยเฉพาะหุ้นในเวลานี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกด้วย ในเวลาที่มีผลดีแบบนี้ ยิ่งไม่เข้าใจว่าประโยคนี้ของประธานไม่ความว่ายังไง
ผู้รับผิดชอบของแผนกหนึ่งคิดว่า คำถามนี้ของเป่หมิงโม่ก็คืออยากให้ทุกคนให้คำประเมินเขา ยังไงที่หุ้นของช่วงก่อนตกต่ำ ก็มีผลกระทบต่อบริษัทเป่หมิงไม่น้อยเลยทีเดียว
ขณะนี้ราคาหุ้นมีความมั่นคงแถมยังมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกด้วย คนเป็นผู้นำก็ต้องชอบฟังลูกน้องชื่นชมตัวเองอยู่แล้ว
ดังนั้น เขาพูดขึ้นมาก่อนว่า: “ท่านประธานครับ ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องครั้งก่อน หลังจากที่ท่านแก้สถานการณ์ ตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัทเป่หมิงมีแนวโน้มที่มั่นคง และยิ่งกว่านั้นคือสองวันนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย ผู้รับผิดชอบทุกแผนกที่อยู่ในห้องนี้ต่างชื่นชมความสามารถที่ไม่ธรรมดาของท่านเลยครับ”
คนอื่นๆ ก็รีบพูดตามว่า: “ความสามารถของท่านประธานนั้น พวกเราไม่มีใครสามารถไปถึงได้จริงๆ”
เป่หมิงโม่ดูทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นมีท่าทางเลียแข้งเลียขาตัวเอง เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มแห้งๆ ออกมา: “ราคาหุ้นของบริษัทเป่หมิงเพิ่มขึ้น สงสัยทุกคนจะมีเงินเข้าไม่น้อยเลย”
ทุกคนเห็นประธานยิ้มออกมาแล้ว ก้อนหินที่ติดอยู่ในใจตัวเองก็วางลงได้สักที
แต่ละคนมีสีหน้าดีใจ: “ท่านประธานครับ พวกเราได้ดีก็เพราะท่านแหละ ฮาๆๆๆ…”
***
ขณะที่ในห้องประชุมมีบรรยากาศรื่นเริง สีหน้าของเป่หมิงโม่ก็มีการเปลี่ยนแปลง
“เพียะ…”เป่หมิงโม่ใช้มือตบลงไปบนโต๊ะแรงๆ
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น ทุกคนที่อารมณ์ดีอยู่ตอนแรก ล้วนตกใจจนตัวสั่น
พวกเขาเก็บรอยยิ้มเข้าไป มองหน้าเป่หมิงโม่อย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้นในห้องประชุมก็หนาวเย็นขึ้นมา
ใบหน้าเย็นชาของเป่หมิงโม่หันไปทางผู้รับผิดชอบแผนกการเงิน พูดอย่างเย็นชาว่า: “เหล่าเฉียน เธอทำงานในบริษัทเป่หมิงของเราก็ไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว ผมเชื่อว่าเธอก็เคยเจอสถานการณ์ต่างๆ นานามาไม่น้อยแล้ว วันนี้ราคาหุ้นของเราเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องจริง แต่เธอไม่เคยสังเกตเลยหรอว่าเบื้องหลังของการที่ราคาหุ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรอ ”
เขาโยนคำถามนี้ออกไป เหล่าเฉียนอ้าปากขึ้นมา แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับยังไง
ขณะนั้นเสียงมือถือของฉิงฮัวก็ดังขึ้น เป่หมิงโม่จ้องเขา: “แกไปรับสายข้างนอกเลยไป”
ฉิงฮัวหันหลังหยิบมือถือและออกจากห้องประชุม
ห้านาทีผ่านไป เมื่อเขากลับเข้ามาห้องประชุมอีกครั้ง สีหน้ากลับไม่เหมือนเดิมแล้ว
เขาเดินไปข้างๆ เป่หมิงโม่ด้วยความรวดเร็ว ก้มหัวลงบอกกับเป่หมิงโม่เสียงเบาว่า: “เจ้านายครับ เมื่อกี้ผมได้ข่าวมาว่าราคาหุ้นของบริษัทตอนนี้ยังคงเพิ่มมูลค่าอยู่ ตามสถิติพวกเรามีหุ้นร้อยละห้าสิบถูกผู้ถือหุ้นขายออกเมื่อมันอยู่ในราคาสูง แต่ไม่นานก็ถูกคนอื่นซื้อเข้าแล้ว”
หุ้นร้อยละห้าสิบของบริษัทเป่หมิงถูกขายออก สำหรับบริษัทที่มีผลกระทบต่อวงการค้าขายและวงการการเมืองทั้งสองวงการแล้ว นี่ถือว่าน่าตกตะลึงมาก
ใบหน้าของเป่หมิงโม่ดูใจเย็นมาก สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้อยู่ในการคาดคิดของเขา แต่เป็นถึงผู้นำของหนึ่งบริษัท ก็ต้องไม่ตื่นตระหนกเมื่อเจอปัญหา แบบนี้แล้วลูกน้องของเขาจึงจะไม่วุ่นวาย
เขามองผู้รับผิดชอบทุกคนที่นั่งอยู่ในนี้ซึ่งตกใจจนไม่กล้าทำอะไรเลยอย่างเย็นชา
ตอนนี้จะว่าพวกเขาอะไรอีกก็ไม่มีประโยชน์แล้ว สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือรีบคิดวิธีว่าควรจะไปรับมือยังไง
ขณะนี้เป่หมิงโม่รู้สึกได้ว่าเหมือนมีมือใหญ่กำลังจะยื่นมาที่บริษัทเป่หมิงของเขา
ในหนังสือโบราณเขียนไว้ว่า: รู้จักตัวเอง รู้จักคนอื่น จึงจะรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งได้
แต่ในตอนนี้ คนที่เป่หมิงโม่จะเผชิญด้วยคือคู่แข่งที่เขาไม่เคยเจอหน้ากันเลย
และอีกอย่าง เหมือนว่าทรัพยากรทางการเงินที่คู่แข่งคนนี้มีอยู่เขามิอาจดูถูกได้ง่ายๆ
ฉิงฮัวเห็นเป่หมิงโม่ไม่มีการกระทำใดๆ เขาก็พูดเบาๆ ที่ข้างหูของเป่หมิงโม่ว่า: “เจ้านายครับ ผมว่าเหมือนคนที่นั่งอยู่ยังไม่ได้สังเกตปัญหานี้เลย ให้เขาอยู่ตรงนี้มองหน้ากันไปมาก็ไม่มีประโยชน์ หรือว่าให้พวกเขากลับไปก่อน ท่านก็ไม่ต้องรำคาญแล้วด้วย”
เป่หมิงโม่พยักหน้า ฉิงฮัวพูดถูก คนเหล่านี้อยู่ที่นี่แล้วมีแต่มาก่อกวนใจ และดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ถึงพวกเขาจะถูกขายออกก็จะนับเงินให้คนอื่นอย่างมีความสุข
พอนึกถึงตรงนี้ เขาโบกมืออย่างไร้อารมณ์: “วันนี้พอแค่นี้ก่อน เลิก”
พอได้ยินเป่หมิงโม่พูด ใจที่ลอยอยู่ในลำคอของแต่ละคนก็วางลงในที่สุด
ทุกคนเหมือนกับถูกปล่อยออกมาอย่างนั้น ออกไปจากห้องประชุมอย่างเร่งรีบ
พวกเขายังคงไม่เข้าใจที่ท่านประธานพูดว่า: “เบื้องหลังของการที่ราคาหุ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกิดปัญหาอะไรขึ้น” หมายความว่าอะไร
รอจนถึงตอนที่มีแค่เป่หมิงโม่และฉิงฮัวสองคนอยู่ในห้องประชุม เป่หมิงโม่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ทำอะไรเลย
“เจ้านายครับ เนื่องจากว่าเวลามีจะกัด สืบได้แค่คนที่ซื้อหุ้นบริษัทเป่หมิงเข้าตลอดเป็นประจำ แต่บัญชีของพวกเขาอยู่กันคนละที่ ดูเหมือนจะไม่ได้สัมพันธ์กัน” ฉิงฮัวพูดโดยขมวดคิ้ว
แต่พอผ่านไปสักพักเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรแล้ว: “ผมสงสัยว่าพวกเขากำลังใช้วิธีที่ว่ามดย้ายบ้านอยู่ เก็บหุ้นไปที่แต่ละที่ไว้ก่อน พอถึงเวลาก็จะรวมหุ้นที่ถืออยู่ไปรวมที่บัญชีใหญ่อันเดียวหรือบัญชีใหญ่หลายอัน”
***
การวิเคราะห์ของฉิงฮัวละเอียดและชัดเจน เป่หมิงโม่ฟังอยู่ข้างๆ พยักหน้าไม่หยุด
พอพูดถึงตรงนี้แล้ว ฉิงฮัวขมวดคิ้วขึ้นมา เหมือนจะไม่เข้าใจอะไรบางอย่างอีกแล้ว: “เจ้านายครับ คนพวกนี้ซื้อหุ้นของเราไปแบบไม่เสียดายเงินลงทุน คือเพื่ออะไรหรอครับ เพราะยังไงแล้วราคาหุ้นของเราก็ไม่ใช่ถูกๆ ผมคิดว่า พวกเขาน่าจะไม่ใช่แค่อยากจะทำให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มสูงขึ้นแล้วค่อยขายออกมาครั้งเดียวง่ายๆ แบบนี้มั้ง”
เป่หมิงโม่มองฉิงฮัว เขาตามตัวเองมาหลายปีมากแล้ว ถึงภายนอกจะดูซื่อๆ แต่สมองคือยิ่งอยู่ยิ่งชัดเจนและว่องไวแล้ว
เป่หมิงโม่พยักหน้าอย่างชื่นชม: “เธอคิดถูกแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย”
ฉิงฮัวขมวดคิ้ว: “ไม่ได้ง่ายแค่นี้? คือท่านหมายความว่ามันยังมีพล็อตที่ใหญ่กว่านี้”
เป่หมิงโม่พยักหน้า มองฉิงฮัวและโยนคำถามให้เขาหนึ่งข้อ: “ถ้าคนพวกนี้แค่อยากจะได้เงิน ความจริงทำแบบนี้แล้วก็จะได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เธอลองคิดดู ถ้าพวกเขาคิดแบบนี้จริงๆ แล้วทำไมถึงเลือกหุ้นของเรา”
ฉิงฮัวพูดต่อ: “ใช่สิ หุ้นของเราอยู่อันดับสูงๆ อยู่ตลอด พวกเขาหาซื้อแค่หุ้นที่ขายไม่ดีหรือหุ้นที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงก็ได้แล้ว แบบนี้แล้วเงินทุนของพวกเขาก็จะลดลงเยอะมาก”
พอพูดถึงตรงนี้ เหมือนฉิงฮัวจะเข้าใจทั้งหมดนี้แล้ว: “ความหมายของเจ้านายคือคนพวกนั้นตั้งใจเจาะจงบริษัทเป่หมิง เขามาโดยเตรียมตัวไว้ดีแล้ว ทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นและขายออกทั้งหมด ทำให้ตลาดหุ้นวุ่นวาย ใช้มือของผู้ซื้อหุ้นมาโจมตีบริษัทเป่หมิง?”
เป่หมิงโม่มองฉิงฮัวและพยักหน้าอย่างชื่นชม
ฉิงฮัวรีบทำหน้าจริงจังเข้าทันที
ทำให้บริษัทเป่หมิงเสียประโยชน์ ก็คือทำให้เจ้านายเสียประโยชน์ สำหรับฉิงฮัวที่จงรักภักดีต่อเจ้านายมาตลอดแล้ว คนพวกนี้ก็กลายเป็นศัตรูของเขาแล้วเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าตัวเองควรทำยังไงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีการถามเป่หมิงโม่: “เจ้านายครับ ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว จะให้ผมสั่งคนไปตรวจสอบพวกเขาเพื่อที่จะควบคุมสถานการณ์ไว้ไหมครับ”
ฉิงฮัวพูดอยู่ก็คว้ามือถือขึ้นมา ขณะนี้แค่คำสั่งประโยคเดียวของเป่หมิงโม่ เขาก็สามารถสั่งคนไปจัดการได้เลย
เป่หมิงโม่แสดงออกอย่างนิ่งมาก เขาแค่โบกมือปฏิเสธ แต่นัยน์ตากลับส่องแสงหนาวเย็นออกมา: “ไม่ต้อง เธอแค่ไปติดตามแนวโน้มของพวกเขาก็พอแล้ว พวกเราอยู่เฉยๆ ฉันจะรอดูว่าเขาจะเก่งแค่ไหน”
“เขา?”ฉิงฮัวพูดมองเจ้านายอย่างสงสัย เหมือนเขาจะแน่ใจมากแล้ว “ท่านหมายความว่า รู้คนที่อยู่เบื้องหลังแล้ว?”
“ใช่ แต่ฉันรู้ว่าเขาก็แค่ตุ๊กตาที่โชว์อยู่หน้าเคาน์เตอร์ และอีกไม่กี่วันก็จะรอไม่ไว้และออกมาแล้ว…” พูดถึงตรงนี้ มุมปากของเป่หมิงโม่มีรอยยิ้มอันร้ายกาจโผล่ออกมา
เขาดูหมิ่นที่จะเจอคนต่ำๆ แบบนี้ แต่เขาอยากเจอคู่แข่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ยิ่งใหญ่แบบนี้ขึ้นมามากกว่า
เขาลุกขึ้นมา ปัดฝุ่นที่อยู่บนเสื้อลงไปอย่างสง่า: “ไม่ต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกับแค่นี้แล้ว จะรอดูว่าเขาจะสามารถสร้างคลื่นได้ใหญ่เพียงใด”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกจากห้องประชุม
ฉิงฮัวตามอยู่ข้างหลังของเขา
เขาดูออกได้ว่า เป่หมิงโม่ไม่ได้ใจเย็นอย่างกับที่แสดงออกมาภายนอก เขากำลังเก็บพลังงานไว้อยู่ เตรียมจะต่อสู้กับผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนนั้น ดูว่าใครจะชนะ
“เจ้านายครับ ตอนนี้เราจะไปไหน ไปหาคุณกู้ไหม” ฉิงฮัวตามอยู่ข้างหลังและถามขึ้นมา
เป่หมิงโม่คลายคิ้วออก ใบหน้าเย็นชานั้นแสดงความร่าเริงออกมา เหมือนกับว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น แม่ทัพเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะออกรบฆ่าศัตรู
เขาโยนประโยคหนึ่งออกไปอย่างชิวสบาย: “ไปกินข้าวก่อน แล้วค่อยไปโรงพยาบาลหาท่านปู่”
***
ฉิงฮัวขับรถออกไปจากอาคารเป่หมิงกับเป่หมิงโม่ ท้องฟ้าของเมือง Aใกล้ถึงพระอาทิตย์ตกแล้ว
บนถนนที่แออัดอยู่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นแออัดกว่าเดิมอย่างกับเมืองอื่นๆ
ดูคนเหล่านั้นที่ถึงแม้ว่าสีหน้าจะดูเหน็ดเหนื่อย แต่ตัวยังคงยุ่งเหยิงอยู่ผ่านกระจกรถที่กึ่งโปร่งใส
ตอนนี้เป้าหมายเดียวของพวกเขาก็คือ—กลับบ้าน
บ้าน สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วก็คือท่าเรืออบอุ่นที่ใช้กำบังลม ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยทั้งกายใจเมื่อทำงานอยู่ข้างนอก แต่พอกลับมาถึงที่นี่ก็จะวางความเหน็ดเหนื่อยทุกอย่างลงมา เอนจอยกับความสบายกับความสุขที่ได้มายากทั้งกายและใจ
แต่สำหรับเป่หมิงโม่แล้ว บ้านอาจจะเป็นที่ที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยทั้งกายใจยิ่งกว่างานอีก ตั้งแต่เล็กจนโต เขายอมที่จะบินไปที่ต่างๆ ยอมที่จะทำให้ตัวเองอยู่ในความยุ่งเหยิงจนไม่สามารถเงยหัวขึ้นมาได้ เขาก็ไม่อยากกลับมาบ้าน
เพราะว่าที่นั่นสำหรับเขาแล้ว ความทรงที่ไม่ดีมีมากเกินไปแล้ว…
ตั้งแต่ที่ท่านปู่เป่หมิงไปนอนที่โรงพยาบาล บ้านหลังใหญ่ตระกูลเป่หมิงก็เงียบเหงากว่าเดิม นอกจากคนใช้ยังคงยุ่งเหยิงอยู่ คือพูดได้ว่าคนไปบ้านว่างแล้ว
คนโตเป่หมิงเฟยหย่วนทั้งครอบครัวถูกเป่หมิงโม่ไล่ออกจากบ้านตระกูลเป่หมิงแล้ว ขนาดเป่หมิงยี่เฟิงที่เป็นหลานชายคนโตก็ไม่ได้มีนามสกุลเป่หมิงอีกแล้ว
ส่วนคนที่สามเป่หมิงยัน ทั้งวันใช้แต่ข้ออ้างว่าต้องถ่ายหนัง มีนัด ถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องอะไรเลย เขาก็จะไปหลบอยู่ในบาร์หรือร้านกาแฟเพื่อหาความสงบ มีแต่ที่นี่เขาถึงจะหลบคุณแม่ของเขา–ท่านนางเป่หมิงเจียงฮุ่ยซินได้
หลังจากที่ความมืดมาเยือน รถของเป่หมิงโม่จอดอยู่ตรงหน้าประตูโรงพยาบาลช้าๆ
ฉิงฮัวเปิดประตูรถออกมา เป่หมิงโม่ลงจากรถอย่างสง่า
สายตาของเขาเย็นชาและคมกริบ ริมฝีปากที่ปิดไว้แน่น…ทั้งตัวมีความรู้สึกทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
ภายใต้การนำทางของฉิงฮัว เขามาถึงห้องผู้ป่วยVIPที่ท่านปู่เป่หมิงอาศัยอยู่
เป่หมิงโม่หยุดตรงนอกประตูสักพัก จัดเสื้อสูทของตัวเองเล็กน้อย หลังจากนั้นผลักประตูออกและเดินเข้าไป
คุณหมอของห้องไอซียูเห็นเป่หมิงโม่มา รีบลุกขึ้นมาโน้มตัวทักทายอย่างมีมารยาท