บทที่ 554 นานแล้วที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง
เป่หมิงโม่ยืนอยู่หน้ากระจกห้องไอซียู ดูคุณพ่อที่นอนอยู่ข้างในเงียบๆ “อาการของท่านเป็นไงบ้างแล้ว”
คุณหมอที่แขวนป้ายชื่อศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งพูดว่า: “อาการของคุณเป่หมิงในตอนนี้ค่อนข้างดี เมื่อวานเราก็ให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจดูแล้ว รู้สึกว่าความน่าจะเป็นที่เขาจะหายดีสูงมาก พวกเรากำลังเตรียมการรักษาที่เกี่ยวข้องอยู่อย่างมุ่งมั่น”
“อืม” เป่หมิงโม่พยักหน้า จากนั้นผลักประตูห้องผู้ป่วยออก เดินเข้าไปด้วยเสียงเบา
ขณะนี้ท่านปู่เป่หมิงกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยเงียบๆ เครื่องอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ข้างเตียงกำลังตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงลักษณะชีวิตของเขาอย่างใกล้ชิดอยู่
ไม่เจอแค่กี่วันเอง รู้สึกว่าท่านปู่เป่หมิงแก่ขึ้นเยอะเลย
เขาหันหน้าไปเห็นบนโต๊ะข้างเตียงมีดอกไม้สดที่เบิกบานวางอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ
เขาเดินไปเด็ดกลีบดอกลงมาหนึ่งแผ่น หยดน้ำข้างบนยังไม่เคยแห้งเลย
สงสัยนี่น่าจะเพิ่งมาวางไว้ตรงนี้ไม่นานเอง
เป่หมิงโม่หันหน้าไปถามคุณหมอที่ตามหลังมาคนนั้น: “ยังมีใครเคยมาที่นี่อีกไหม”
คุณหมอจัดแว่นตา สีหน้ารู้สึกผิดและพูดว่า: “คุณเป่หมิงครับ ก่อนที่คุณจะมาถึงที่นี่ ผมก็เพิ่งจะเปลี่ยนเวรกับคุณหมออีกท่านหนึ่งเอง พอมาถึงที่นี่ดอกไม้ช่อนั้นก็วางไว้ตรงนั้นแล้ว เพราะฉะนั้นผมก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอามาให้เหมือนกัน”
ทันใดนั้น เป่หมิงโม่ก็ได้ยินข้างๆ มีเสียงอ่อนแอของท่านปู่เป่หมิงดังมา: “อะ…อะ…”
เขาหันหลังไปดูท่านปู่เป่หมิง ฉิงฮัวรีบเอาเก้าอี้มาตัวหนึ่งไว้ที่ข้างหลังของเขาทันที
“พ่อ ผมมาหาท่านแล้ว” ถึงแม้ว่าเป่หมิงโม่จะพูดอย่างเย็นชาเหมือนเก่า แต่ในใจของพ่อลูกล้วนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
***
เป่หมิงโม่นั่งลงมา นัยน์ตาเย็นชาส่องสายตาเป็นห่วงออกมา
มือที่มีเข็มฉีดยาอยู่ของท่านปู่เป่หมิง ยื่นไปหาเป่หมิงอย่างสั่น
เขาอยากจะจับมือลูกชาย ในระยะเวลาช่วงนี้ ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมหาเขาสักคน ขนาดเจียงฮุ่ยซินที่นอนอยู่ข้างเขาหลายสิบกว่าปีก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
ทุกครั้งที่เขาลืมตาขึ้นมา เห็นแต่ห้องผู้ป่วยที่อ้างว้าง และคุณหมอกับพยาบาลที่มาเปลี่ยนยาและตรวจร่างกายให้เขาเป็นบางครั้ง
ทุกครั้งที่นึกถึง เขาก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมา
เขาพูดกันว่า: นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยเวลานานๆ ก็จะไม่มีลูกกตัญญูอยู่ด้วย
ใช้กับท่านปู่เป่หมิงคือจริงที่สุด
ตั้งแต่ที่เขาเริ่มป่วยจนถึงตอนนี้ คนที่มาบ่อยที่สุดกลับเป็นเป่หมิงโม่ที่ทำให้เขาปวดหัวตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้เขาโมโหอารมณ์ไม่ดี
เป่หมิงโม่ยื่นมือออกไป จับมือที่สั่นไม่หยุดนั้นไว้แน่นๆ มือที่อ่อนแรงนั้น มือที่ตีเขาจนนับไม่ถ้วนเมื่อเขากำลังเติบโตอยู่นั้น…
“พ่อ วันก่อนผมพาลูกๆ ไปหาป้าแล้ว เธอดีมาก อยู่กับลูกๆ มีความสุขมากเลย ก่อนกลับยังให้ผมเอาผักผลไม้สดที่เธอปลูกเองให้ผมเอามาให้พ่อ…” ในใจของเป่หมิงโม่รู้ดี ถ้าบอกข่าวคุณป้าฟางเสียชีวิตแล้วในตอนนี้ให้ท่านปู่เป่หมิงฟัง ร่างกายของเขารับไม่ไว้แน่นอน
ถึงแม้ว่าท่านปู่เป่หมิงและคุณป้าฟางสองพี่น้องนี้จะไม่ถูกกันตั้งแต่เด็ก
แต่กาลเวลาผ่านไป ความรักของครอบครัวยังคงสูงกว่าอะไรอีก สองคนนี้ก็คิดถึงอีกคนหนึ่งอยู่ในใจ ไม่เคยพูดออกมา
ก็เหมือนกับเมื่อก่อนที่เป่หมิงโม่ไปหาคุณป้าฟาง ทุกครั้งที่กลับมาเธอจะเอาผักผลไม้สดที่ตัวเองปลูกให้เป่หมิงโม่เอากลับไป
ท่านปู่เป่หมิงก็จะแกล้งทำเป็นเตือนเป่หมิงโม่ไปเยี่ยมน้องคนนี้ของเขาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ และยังแอบสั่งคนไปช่วยเธออีกด้วย
ท่านปู่เป่หมิงได้ยินเป่หมิงโม่พูดถึงน้องสาวของตัวเอง อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา เขาปล่อยมือของเป่หมิงโม่ออก ยื่นมือสั่นของตัวเองเข้าไปในผ้าห่ม เอาหนังสือพิมพ์หนึ่งแผ่นออกมา
“ฟาง…ตาย…” ท่านปู่เป่หมิงไม่สามารถพูดทั้งประโยคได้ แต่เขาก็พอแสดงความหมายของได้
เป่หมิงโม่ยื่นมือไปหยิบหนังสือพิมพ์ เห็นแต่ข้างบนใช้ตัวหนังสือสีดำที่ชัดเจนเขียนว่า: ‘ครอบครัวตระกูลเป่หมิงเลือดเย็น น้องสาวของประธานเก่าเป่หมิงเจิ้งเทียนถูกไล่ออกจากครอบครัวหลายสิบปี เสียชีวิตเมื่อเช้า บ้านพักตากอากาศที่ทำมาครึ่งชีวิตผูกเผาหมดในคืนเดียว’
“ซี้ด…” เป่หมิงโม่อดไม่ได้ที่จะสูดปาก เขาขมวดคิ้วเข้ม เรื่องที่คุณป้าฟางเสียชีวิตเขาปิดข่าวไว้อยู่ตลอด จะมีคนไปรู้ได้ไง และยังอยู่ในหนังสือพิมพ์อีกด้วย?
ฉิงฮัวยืนอยู่ข้างหลังเป่หมิงโม่ เขาก็เห็นหัวข้อบรรทัดนี้แล้ว รู้สึกคาดคิดไม่ถึงเหมือนกัน
หลังจากที่เขาได้รับอนุญาตจากเป่หมิงโม่ เอาหนังสือพิมพ์มาดูวันที่ออกข่าว เป็นวันที่สองที่คุณป้าฟางเสียชีวิตพอดี
วันนั้นพวกเขาก็เพิ่งกลับมาตอนบ่ายๆ ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ในตอนแรก เพราะว่าวันนั้นเป่หมิงโม่ไม่ได้นอนที่บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง แต่อยู่กับกู้ฮอนและลูกๆ
วันที่สองและก็คือวันนี้ เกิดเรื่องวิลล่าและเรื่องหุ้นขึ้นมา เพราะฉะนั้นจึงไม่ว่างไปอ่านหนังสือพิมพ์ นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกคนอื่นฉวยโอกาสจนได้
ถ้ารู้เรื่องตอนแรกๆ เป่หมิงโม่จะสามารถทำให้หนังสือพิมพ์ทุกฉบับที่มีข่าวนี้หายไปโดยไม่มีใครรู้
ดูจากอีกมุมหนึ่งแล้ว มีคนตั้งใจเอาหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ให้ท่านปู่เป่หมิงดู ก็คืออยากจะใช้ข่าวร้ายของคุณป้าฟางมากระตุ้นเขา ถึงแม้ว่าท่านปู่เป่หมิงจะไม่เสียจนเสียชีวิต แต่ก็สามารถทำให้ครอบครัวตระกูลเป่หมิงวุ่นวายมากได้
***
ฉิงฮัวพาคนหมอออกไปจากห้องผู้ป่วย
เขาเงยหน้าขึ้นสังเกตข้างบนของทางเดิน เห็นว่าติดกล้องวงจรไว้หลายอัน
ถ้าอยากหาว่าใครเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์มาให้ท่านปู่เป่หมิง ไปดูข้อมูลกล้องวงจรง่ายที่สุดแล้ว
นึกถึงตรงนี้เขาพูดกับคุณหมอคนนั้นว่า: “ห้องตรวจสอบอยู่ชั้นไหน”
“ฝ่าย รปภ.ที่ชั้นเจ็ด ทำไมหรอ” คุณหมอสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
ฉิงฮัวมองเขา สีหน้าของเขาดูออกได้ว่ากระวนกระวายมาก “ช่วยพาผมไปห้องตรวจสอบหน่อย ผมจะดูข้อมูลบางอย่าง”
“แต่…”คุณหมออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา “ถ้าผมไปแล้ว ก็ไม่มีคนดูแลคุณท่านเป่หมิงแล้ว…” พูดไปก็แสดงสีหน้าทำตัวไม่ถูกออกมา
“ทำไม ไม่ไว้ใจหรอ เจ้านายผมอยู่ที่นี่อยู่ ถ้ามีอะไรเขาจะเรียกพวกคุณเอง คุณยังมีอะไรอีกไหม” ฉิงฮัวพูดจบก็ลากคุณหมอไปทางบันได
ฉิงฮัวและคุณหมอไปห้องตรวจสอบแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็เหลือแค่เป่หมิงโม่และท่านปู่เป่หมิงพ่อลูกสองคนแล้ว
เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เป่หมิงโม่ก็มิอาจปกปิดไม่ได้อีกแล้ว
เขาเอาผ้าเช็ดหน้าราคาแพงของตัวเองออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เช็ดน้ำตาที่อยู่บนหน้าของท่านปู่เป่หมิงออกเบาๆ
“พ่อ ความจริงตอนที่คุณป้าเสียผมกับลูกๆ ก็อยู่ในบ้านพักตากอากาศ แต่ตอนที่ผมไปถึง คุณป้าก็…” เป่หมิงโม่พูดถึงตรงนี้ก็เงยหัวขึ้นปิดปากไว้แน่นๆ กล้ามเนื้อตรงแก้มทั้งสองข้างของเขาเกร็งมาก
ผ่านไปสักพักเป่หมิงโม่ก็พูดต่อ: “เธอป่วยกะทันหันมาก ยังรอไม่ถึงคุณหมอมา เธอก็ไปแล้ว ตอนแรกผมอยากจะปกปิดเรื่องนี้ไว้ ก็คือกลัวว่าจะมีคนมาบอกให้ท่านรู้ ตอนนี้ท่านยังป่วยอยู่ โดนกระทบไม่ได้อีกแล้ว”
“โฮ…” พอท่านปู่เป่หมิงฟังถึงตรงนี้ หลับตาลงแน่นๆ น้ำตาไหลลงมาทีละหยดๆ ริมฝีปากสั่นที่ปิดไว้แน่นส่งเสียงเสียใจที่มาจากข้างในใจ
ถึงแม้ว่าเขาสองพี่น้องจะไม่ถูกกัน แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าน้องสาวตัวเองจะจากไปแบบนี้…
ส่วนลูกชายของเขาเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองเสียใจเกินไป ใช้ทุกวิถีทางทำหลายอย่างมากขนาดนี้
เป่หมิงโม่เช็ดน้ำตาของท่านปู่เป่หมิงให้แห้งอีกครั้ง: “พ่อ ไม่ต้องห่วงนะ ผมจัดการเรื่องของคุณป้าให้เรียบร้อยแล้ว เธอจะอยู่ในสุสานครอบครัวตระกูลเป่หมิงของเรา ผมรู้ว่าเธอออกไปจากบ้านตระกูลเป่หมิงไปครึ่งชีวิตแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่จะกลับมาแล้ว”
เป่หมิงเจิ้งเทียนพยักหน้าเล็กน้อย เขาชื่นชมวิธีทำแบบนี้ของลูกชาย
เป่หมิงโม่ลุกขึ้นมา เดินไปที่หน้าต่าง ยื่นมือเปิดผ้าม่านออกมาครึ่งหนึ่ง
แสงจันทร์สีขาวส่องเข้ามาในห้องผู้ป่วยผ่านหน้าต่าง ส่องตรงที่เตียงผู้ป่วยของท่านปู่เป่หมิง
เขาเงยหัวขึ้นดูจันทร์กลมดวงนั้น ความทรงจำตอนเด็กๆ ลอยขึ้นมา
ภายใต้จันทร์กลมดวงเดียวกัน คุณป้านั่งอยู่บนกองเมล็ดข้าว เขาที่ยังเด็กอยู่เอาหัวนอนลงบนตักของคุณป้า
ท่านเขย่าร่างกายเบาๆ ตบตัวของเขาอย่างอ่อนโยน เล่านิทานที่สนุกสนาน…
ผ่านไปเนิ่นนาน เป่หมิงโม่ปิดผ้าม่านกลับมาใหม่ ไปนั่งที่บนเก้าอี้ข้างๆ เตียงผู้ป่วยอีกครั้ง
ขณะนี้ ไม่รู้ว่าท่านปู่เป่หมิงเอารูปออกมาจากตรงไหน กำลังดูคนที่อยู่ในนั้นสุดแรง
เป่หมิงโม่เข้าใกล้ไปดู คือรูปที่ท่านปู่เป่หมิงอยู่กับคุณป้าฟางด้วยกัน
ในรูปทั้งสองคนสีหน้ายิ้มแย้ม
มือที่ท่านปู่เป่หมิจับรูปอยู่สั่นเล็กน้อย เขาอาจจะกำลังรำลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้ว
“พ่อ ไม่เช้าแล้ว ท่านก็ควรพักผ่อนแล้ว เมื่อกี้คุณหมอบอกว่าเขามั่นใจสามารถรักษาโรคของท่านให้หายได้ รอท่านหายดีแล้ว ผมก็พาท่านไปหาคุณป้า”
พูดจบ เป่หมิงโม่ก็ดึงรูปออกมาจากมือของเขาเบาๆ แล้ววางไว้ที่ข้างหมอนของเขา
ท่านปู่เป่หมิงมองลูกชาย พยักหน้าเล็กน้อย ค่อยๆ หลับตาลง
เป่หมิงโม่เฝ้าอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยตลอดเวลา จนถึงฉิงฮัวและคุณหมอกลับมาอีกครั้ง
ฉิงฮัวยืนอยู่ในห้องสังเกต ดูเจ้านายตัวพิงอยู่ที่เก้าอี้ มือหนึ่งยกหน้าไว้ หลับตาเล็กน้อย
ท่านปู่เป่หมิงนอนอยู่เงียบๆ ภาพในตอนนี้คือการอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุขระหว่างพ่อลูกสองคนที่ไม่มีเป็นเวลานานมากแล้ว
***
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หัวของเป่หมิงโม่ตกลงไปก็ตื่นมาแล้ว หันไปดูท่านปู่เป่หมิง เขานอนหลับอย่างสงบแล้ว
ลุกขึ้นมาเบาๆ ผ้าห่มที่ห่มอยู่ตรงขาของเขาหลุดลงไปที่พื้น
เขายึดแขนและคอที่เกือบจะชาอยู่ที่เดิม
หันหน้ามองไปที่ห้องสังเกต เห็นฉิงฮัวยืนอยู่ตรงนั้น คุณหมอที่อยู่ข้างๆ เขากำลังสังเกตข้อมูลที่บันทึกไว้อย่างละเอียด
เป่หมิงโม่เดินเข้าไปในห้องสังเกต ดูฉิงฮัวแวบหนึ่ง: “ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
ฉิงฮัวก้มหน้าลงดูนาฬิกา: “เจ้านายครับ ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว” เห็นเป่หมิงโม่มีสภาพเหน็ดเหนื่อย: “ให้ผมไปสั่งเขาให้จัดห้องหนึ่งที่นี่ให้ไหม คืนนี้พักที่นี่ก็ได้นะ”
เป่หมิงโม่ส่ายหัว จากนั้นดูฉิงฮัวและพูดว่า: “เมื่อกี้เธอไปทำอะไร”
ฉิงฮัวคุณหมอที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง
“อ๋อ พอดีผมต้องออกไปดูสถานการณ์การเป็นเวรของคืนนี้หน่อย ถ้าพวกคุณมีเรื่องอะไรก็กดกริ่งกดเรียกนั้นได้เลย” คุณหมอพูดจบก็หันหลังออกไปจากห้องผู้ป่วยอย่างรู้ตัว
ฉิงฮัวเห็นในห้องไม่มีคนนอกอยู่แล้ว ก็พูดกับเป่หมิงโม่เสียงเบาว่า: “เมื่อกี้ผมไปห้องตรวจสอบมา เจออะไรมาบางอย่าง”
พูดจบ ฉิงฮัวคว้ามือถือของตัวเองออกมา เปิดคลิปวิดีโอออกมาคลิปหนึ่ง
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วดูวิดีโอที่เปิดในมือถืออย่างตั้งใจ
ตรงขวาล่างของวิดีโอ แสดงวันเวลาที่ถ่ายวิดีโอนี้อย่างชัดเจน นั่นคือตอนบ่ายของวันที่สองที่คุณป้าฟางเกิดเรื่องนั่นเอง
และเวลานั้นก็คือระหว่างทางที่พวกเขากำลังกลับมาจาก บ้านพักตากอากาศ
วิดีโอนี้มาจากกล้องวงจรปิดที่ถ่ายตรงมายังห้องผู้ป่วยVIPของท่านปู่เป่หมิง
เร่งความเร็วของวิดีโอ ไม่นานก็มีคนหนึ่งที่ใส่ชุดสูทปรากฏตัวออกมา เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องผู้ป่วย ดูออกได้ว่าเหมือนเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
ผ่านไปห้านาทีคนนี้ก็เคาะและเปิดประตูห้องผู้ป่วยออกมา