ตอนที่ 583 คนไร้เหตุผล? ทำตัวเป็นเด็กๆ ?
หันกลับมามองตัวเอง ที่ไม่มีลูก ที่จริงแล้วมันน่าจะมีได้ แต่แม่ไม่มีวาสนานี้ จึงทำให้พลาดโอกาสไปต่อหน้าต่อตา แม้แต่สามี…
เฮ้ย…ไม่ต้องคิดถึงคนเลวก็พอ
เธอหันกลับมา ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มแฝงไปด้วยความขมขื่นในชีวิต
กลับมาที่ห้องนอนที่กู้ฮวนจัดเตรียมไว้ให้เธอ ปิดประตูเบาๆ
เธอทิ้งตัวลงนอนไปเตียง เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าของตัวเองอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตอนนี้เธอต้องเริ่มต้นจากศูนย์
หลังจากที่กู้ฮวนเล่นกับเด็กๆ อยู่สักพัก ก็ไม่เห็นแอนนิแล้ว
“พอแล้วเด็กๆ ตอนเที่ยงต้องนอนกลางวันแล้ว” ขณะพูดเธอกอดจิ่วจิ่วไว้ แล้วดึงเฉิงเฉิงมาที่ห้องนอนตัวเอง
เด็กทั้งสองมานอนที่เตียงอย่างเชื่อฟัง เฉิงเฉิงหยิบผ้าห่มมาห่มให้จิ่วจิ่วและตัวเอง : “แม่ แม่ไปดูคุณน้าแอนนิเถอะ หนูว่าเธออารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร”
เดิมทีแอนนิคิดว่าเป็นการดีที่จะปกปิดความโศกเศร้าของตัวเธอเองไว้ แต่กลับถูกเฉิงเฉิงรู้จนได้
กู้ฮวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอพยักหน้า : “เด็กน้อย หนูดูแลน้องให้นอนหลับ แม่จะไปดูเธอ” ขณะพูด เธอบรรจงจูบลงที่หน้าผากของเด็กน้อยทั้งสอง
***
แอนนิกลับมาที่ห้องนอน หันหน้าไปทางหน้าต่าง นั่งอยู่บนขอบเตียง
นอกหน้ามีเมฆบางๆ ลอยอยู่บนท้องฟ้าสีฟ้าสดใส
ใกล้หน้าต่างมีลมพัดแรง ทำให้เกิดเสียง “ซาซา” ดังขึ้น
บางครั้งก็มีนกคู่หรือสองคู่มาเกาะที่คอนกรีตขอบหน้าต่าง กระโดดไปมาส่งเสียงร้องเจี๊ยวจ๊าว
กู้ฮวนส่งเด็กน้อยเข้านอนตามเวลาแล้ว เธอก็ออกมาจากห้องนอนตัวเอง ปิดประตูเบาๆ
หันกลับไปเคาะประตูห้องแอนนิอย่างเบามือ
แอนนิสงบอารมณ์ตัวเอง ใช้มือเช็ดน้ำตาที่เกือบจะไหลออกมาจากดวงตา
จากนั้นพูดว่า : “เข้ามา”
กู้ฮวนผลักประตู หลังจากเดินมาพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วหันกลับไปปิดประตู
เธอมองแอนนิที่หันหลังให้ตัวเธอเอง ไม่ได้หมายความว่าจะหันหลังกลับมา”
“แอนนิ?” กู้ฮวนเรียกเธอเบาๆ จากนั้นเดินไปที่ตัวเธอเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่แอนนิเบาๆ “ทำไมคุณถึงนิ่งเงียบแล้วมาหลบซ่อนอย่างนี้?”
แอนนิหันมามองกู้ฮวน ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า : “ไม่มีอะไร เห็นครอบครัวของพวกคุณอยู่ที่นี่พูดคุยหัวเราะ ฉันไม่อยากมารบกวนพวกคุณ อีกอย่างนั่งเครื่องบินมาตั้งแต่เช้า จนถึงตอนนี้เลยรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”
กู้ฮวนจิตใจคล้อยตาม เธอเข้าใจดีว่าทำไมแอนนิถึงทำแบบนี้
เพราะเธออยู่ที่นี่ เห็นลูกๆ ตัวเธอเองอยู่ที่นี่ เป็นครอบครัวที่มีความสุข แต่เธอกับโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว
กู้ฮวนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนเธออย่างไรดี ถ้าจะบอกกับเธอว่า “ทุกอย่างจะดีเอง คุณจะค้นพบความสุขของตัวเอง” อะไรทำนองนี้ นั่นก็ดูจะจืดชืด ไร้ชีวิตชีวาเกินไป
สิ่งที่เธอทำได้ มีเพียงนั่งเป็นเพื่อนเธอที่ขอบเตียง นั่งมองเมฆสีขาวที่ลอยอยู่นอกหน้าต่าง ต้นไม้ ยังมีนกที่บางครั้งบินลงมาพักเหนื่อย
*
เป่หมิงโม่สีหน้าเย็นชานั่งในรถที่ฉิงฮัวขับออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลเป่หมิง
“เจ้านาย พวกเราจะไปไหนกัน?” ฉิงฮัวมองออกว่า เจ้านายกับคุณเฟยเอ๋อมีเรื่องกระทบกระทั่งกันจนไม่มีความสุขทั้งสองฝ่าย
เป่หมิงโม่หันออกไปมองนอกหน้าต่าง จู่ๆ ก็อยากดื่มสักสองแก้ว เขาหยิบโทรศัพท์โทรหาชูหยุนเฟิง
หลังจากที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นสองสามครั้ง ปลายสายโทรศัพท์มีเสียงดังโวยวาย แล้วยังมีเสียงชูหยุนเฟิงซึ่งดูเหมือนจะเป็นเสียงเมา :
“เหอเหอ เป่หมิงมันยากมากที่จะโทรศัพท์หาฉันในขณะที่งานยุ่ง รู้สึกเป็นเกียรติของผมเลย”
ชูหยุนเฟิงที่อยู่สายโทรศัพท์ กำลังนั่งอยู่ที่ห้องวีไอพีโกล์วไนท์คลับ ด้วยท่านั่งไขว่ห้าง มือยกแก้วไวน์แดง กำลังนั่งชื่นชมนักร้องสาวที่เพิ่งเซ็นสัญญา กำลังดื่มด่ำกับเพลงไพเราะ
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว พูดด้วยเสียงเย็นชา : “ให้มาถึงที่เก่าภายในเวลาครึ่งชั่วโมง”
ชูหยุนเฟิงได้ยินว่าเจอกันที่เก่า รีบทำไม้ทำมือให้นักร้องสาวหยุดร้องเพลงทันที และส่งสัญญาณให้ปิดเสียงทุกอย่างลงให้หมด
จากนั้นเขาลุกขึ้นยืนแล้วออกไปทางประตู “รู้แล้ว” จากนั้นวางสายโทรศัพท์
เป่หมิงโม่ครั้งนี้ก่อนที่ตัวเองจะวางสายโทรศัพท์ ก็ถูกแย่งวางสายโทรศัพท์ เขากดปุ่มโทรกลับไปอีกครั้ง ชูหยุนเฟิงยังไม่ทันได้พูด เขาก็ชิงพูดก่อน : “บอกคุณไว้ก่อน ฉันยังไม่วางสายโทรศัพท์ ใครก็อย่าวางสายโทรศัพท์” พูดจบก็กดปุ่มวางสายโทรศัพท์
ส่วนชูหยุนเฟิงหยิบโทรศัพท์ เดินออกไปข้างนอกพร้อมกับฟังโทรศัพท์
หลังจากที่เป่หมิงโม่วางโทรศัพท์แล้ว เขาก็มองโทรศัพท์ของตัวเอง แล้วปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก จากนั้นส่ายหัวเบาๆ : “เป่หมิงเอ้อ ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเป็นคนไร้เหตุผล หรือว่าทำตัวเป็นเด็กกันแน่ แค่เรื่องโทรศัพท์ยังคิดเล็กคิดน้อย”
***
ขณะที่ฉิงฮัวขับรถ ตอนที่ได้ยินเจ้านายพูดกับชูหยุนเฟิงทางโทรศัพท์พูดถึงที่เก่า เขาก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน
เขาขับรถตรงไปยัง บาร์ Zeus.ของป่ายมู่ซี
ในช่วงกลางวัน ร้านบาร์ทั้งหลายส่วนใหญ่จะปิดให้บริการ ช่วงกลางคืนถึงจะเป็นช่วงเวลาทองแห่งการทำธุรกิจร้านบาร์
แต่ยกเว้นบาร์ Zeus.ของป่ายมู่ซี จะเปิดเหมือนร้านสะดวกซื้อบนถนนในเมืองคือเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
เพียงแต่ป่ายมู่ซีจะไม่ได้อยู่ที่นี่ทั้งวัน
ฉิงฮัวขับรถมาจอดที่หน้าประตูบาร์ Zeus.อย่างช้าๆ หลังจากที่เป่หมิงโม่ลงจากรถ ก็เดินตรงเข้าไปข้างใน
บริกรที่ทำความสะอาดกำลังอยู่ในช่วงพักต่างรู้จักเป่หมิงโม่ โค้งคำนับให้เขาด้วยความเคารพ : “สวัสดีครับคุณเป่หมิง”
เสียงเพลงจากลำโพงในบาร์ตอนนี้ลอยออกมา แต่ไม่ได้ทำให้จิตใจคนเราพลุ่งพล่าน ทำให้คนอยากเต้นรำได้ตลอดเวลา แต่เป็นเพลงสบายๆ ผ่อนคลาย มีเพียงร้านกาแฟหรือร้านอาหารฝรั่งเศสเท่านั้นที่มีเพลงพวกนี้
เป่หมิงโม่กวาดตามองไปรอบๆ ภายในบาร์ นอกจากเห็นคนที่นั่งเมาอยู่ที่เคาน์เตอร์และเปิดห้องส่วนตัวแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เงาของป่ายมู่ซี
เป่หมิงโม่พาฉิงฮัวไปที่ห้องพิเศษ VIP ที่พวกเขาไปนั่งอยู่บ่อยๆ
บริกรนำเมนูเครื่องดื่มเดินเข้าไปหา : “คุณเป่หมิง คุณต้องการดื่มอะไร?”
ฉิงฮัวโบกมือ แสดงว่ายังไม่ต้องการในเวลานี้
บริกรถอยหลังออกไป จากนั้นปิดประตูเบาๆ
ผ่านไปสักครู่ บริกรผลักประตูเข้ามาอีกครั้ง ส่งจานผลไม้สองจาน ยังมีชาที่ชงอย่างประณีต
“เชิญทั้งสองตามสบาย” หลังจากพูดจบก็ถอยหลังออกไป
เป่หมิงโม่นั่งอยู่บนโซฟาหนัง สูบบุหรี่ซิการ์อยู่ในปาก
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาป่ายมู่ซี
“เฮ้…เป่หมิงเอ้อ คุณมาเรียกฉันแต่เช้าทำไมกัน เมื่อคืนฉันยังไม่นอนมาทั้งคืน”
โทรศัพท์ปลายสายมีเสียงขี้เกียจของป่ายมู่ซี ดูท่าตอนนี้เขายังนอนอยู่บนเตียง
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ตอนนี้คุณดูซิกี่โมงแล้ว ฉันให้เวลาคุณครึ่งชั่วโมงมาที่นี่ ไม่อย่างนั้นคุณรอรับก้อนอิฐบนซากปรักหักพังขว้างใส่หัว”
ป่ายมู่ซีเบิกตากว้างขึ้นในทันที พลิกตัวลุกขึ้นมานั่ง : เป่หมิงเอ้อ อย่าอย่า….ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ได้ไหม”
เขากำลังพูดจบ ก็ได้ยินเสียงสายไม่ว่างกลับมา
ป่ายมู่ซีรู้ว่า ในเมื่อเป่หมิงโม่พูดออกไปแล้ว ถึงเวลาแล้วตัวเองยังไม่ปรากฏตัว เขาก็จะทำอย่างนี้
เขารีบใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ส่องกระจกจัดการผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงให้เรียบร้อย
ผู้ชายที่ที่มีสไตล์เช่นนี้ บางครั้งก็เหมือนผู้หญิง ก่อนออกไปข้างนอกทำไมจะไม่ดูแลตัวเองให้ดี
แต่ตอนนี้เหมือน “มีมีดจ่ออยู่ที่คอ” เขาไม่มีความสามารถมากพอจะมาจัดการ
เขากระโดดขึ้นรถปอร์เช่ 911 สีแดง ทันทีที่เขาเหยียบคันเร่ง เครื่องวัดความเร็วชี้ไปที่หลักร้อย
โชคดีที่ที่เขาอาศัยอยู่ห่างไม่ไกลจากบาร์ของเขา จากที่เขาวางสายโทรศัพท์ถึงตอนที่รถของเขามาจอดต่อจากรถของเป่หมิงโม่ที่หน้าประตู ใช้เวลาเพียง 2007 วินาที
เห็นบาร์ที่อยู่ตรงหน้ายังอยู่ในสภาพเรียบร้อย เขาก็มีรอยยิ้มปรากฏออกมาให้เห็น
ขณะเดียวกัน เสียงคำรามของรถยนต์ในระยะไกลออกไป ชูหยุนเฟิงขับรถแลมโบกินี รีเวนตัน ด้วยความเร็วสูงถึงประตูบาร์
ชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีหันมายิ้มให้กัน จากนั้นเกือบจะพูดพร้อมกัน : “เป่หมิงเอ้อคนนี้น่ารำคาญจริง”
***
ชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีถูกเป่หมิงโม่ให้มาที่บาร์ Zeus.เหมือนอย่างสิ้นคิด
ทั้งสองคนมาถึงห้อง VIP ที่พวกเขานั่งอยู่เป็นประจำ
เมื่อผลักประตูเข้าไป เห็นเพียงเป่หมิงโม่นั่งไขว่ห้าง ปากสูบบุหรี่ซิการ์ ส่วนฉิงฮัวยืนอยู่ข้างกายเป่หมิงโม่
เขาเห็นทั้งสองคนเข้ามา ชี้ให้สองคนนั่งข้างๆ
ท่าทางเช่นนี้ ดูท่าเขาเป็นเถ้าแก่ของที่นี่ แต่ป่ายมู่ซีและชูหยุนเฟิงเป็นเพียงลูกจ้างสองคนเท่านั้น
หลังจากที่ป่ายมู่ซีนั่งลงก็เริ่มพร่ำบ่นกับเป่หมิงโม่ : “เป่หมิงเอ้อ คุณจะมาไม้ไหน อีกสองวันจะแต่งงาน คุณยังจะมาเที่ยวเล่นอะไร ทำไมยังไม่ไปเลือกชุดแต่งงานกับเฟยเอ๋อ”
เมื่อเอ่ยถึงเฟยเอ๋อ ชูหยุนเฟิงนึกถึงอีกคนหนึ่งขึ้นมา เขาโน้มตัวไปข้างหน้า : “คุณแต่งงานครั้งนี้ ฮวนฮวนของพวกเราจะทำอย่างไร?”
เป่หมิงโม่ถลึงตาใส่ชูหยุนเฟิง
แต่ชูหยุนเฟิงไม่สนใจตอไม้อย่างเขา จึงพูดต่อ : “เป่หมิงเอ้อ คุณไม่ควรกินในถ้วย แต่มองในกระทะ ฉันว่าคุณแต่งงานกับฮวนฮวนจะดีกว่า ยังไงซะเขาก็เป็นแม่ของลูกคุณ ลูกคุณจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับแม่เลี้ยงทั้งวัน ไม่แน่หากถึงตอนที่คุณไม่อยู่แล้วก็ทำร้ายลูกคุณ”
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว โยนซิการ์ที่จุดแล้วที่อยู่ในมือให้ชูหยุนเฟิง : “ชูเอ้อคุณไม่พูด ก็ไม่มีใครว่าคุณเป็นใบ้”
ชูหยุนเฟิงพุ่งตัวกระฉับกระเฉง จากนั้นยื่นมือไปรับซิการ์ โดยไม่ถูกไฟลวก
ป่ายมู่ซีหยอกล้ออยู่อีกด้าน “โย้โย้ ชูเอ้อไม่ได้เจอกันไม่กี่วันทักษะดีขึ้น ความกล้าก็มากขึ้น ต่อกรกับเป่หมิงโม่ เขาไม่ชอบฟังอะไรคุณก็ยังพูดอย่างนั้น”
เป่หมิงโม่หันกลับมาจ้องมองป่ายมู่ซี
ป่ายมู่ซีฉลาดขึ้นมาทันที : “เตอะ เตอะ เตอะ…เป่หมิงเอ้อไม่อยากฟังพวกเราก็ไม่พูดแล้ว วันนี้พวกคุณถือว่าโชคดี ช่วงนี้ที่นี่มีเหล้าดีๆ เข้ามา เป็นสินค้าชั้นหนึ่ง”
ขณะพูดเขาก็ปรบมือ บริกรคนหนึ่งผลักประตูเข้ามา : “เถ้าแก่มีอะไรให้รับใช้?”
ป่ายมู่ซีเงยหน้าพูดกับเขา : “ไปหยิบเหล้าดีที่เข้ามาเมื่อสองวันนี้มาขวดหนึ่ง”
เป่หมิงโม่เห็นบริกรออกไป ใบหน้าเขาปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน : “ป่ายมู่ซี ครั้งนี้ฉันได้เห็นความใจกว้างของคุณ เมื่อก่อนมีเหล้าดีตัวเองก็เก็บซ่อนไว้ อยากให้ก็หยิบมาแค่ขวดเดียว”
ป่ายมู่ซีหยิบถั่วลิสงบนโต๊ะขึ้นมาใส่ปาก : “เป่หมิงเอ้อ ที่ฉันใจกว้างก็เพื่อคุณ พวกเราสามคนสามารถพูดได้ว่าเป็นราชาเพชร ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ชูเอ้อกับฉัน วันนี้พวกพี่น้องฉลอง Party เดี่ยวให้กับคุณ”
ขณะพูด เห็นบริกรยกถาดไวน์เข้ามาจากด้านนอก ด้านบนมีทั้งหมดเก้าขวด
เขาวางลงบนโต๊ะ หลังจากจัดวางแก้วก้านสามใบแล้วหันหลังเดินจากไป
ชูหยุนเฟิงหยิบขึ้นมาหนึ่งขวด พยักหน้าไม่หยุด : “ไวน์น้ำแข็งยี่ห้อDuhof”