ตอนที่ 588 จุดสำคัญ
เห็นเป่หมิงโม่กำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ใบหน้าเย็นชาของเขาปราศจากการแสดงออกใดๆ ดวงตาที่เหมือนนกอินทรีจ้องเขม็งมาที่เธอ
ทำให้เฟยเอ๋อตัวสั่นงันงกไปทั้งตัว
“โม่ คุณหาฉันมีเรื่องอะไร?” น้ำเสียงของเฟยเอ๋อฟังแล้วดูหวาดกลัวแต่อ่อนกำลัง
“เชิญคุณเฟยเอ๋อเข้าไปคุยกับเจ้านาย” เสียงของฉิงฮัวที่อยู่ด้านหลังเหมือนภูตผีมากระซิบที่ข้างหูเธอ
เฟยเอ๋อก้าวเท้าทีละก้าว ทีละก้าวเข้าไปในห้องหนังสือ
บรรยากาศภายในห้องหนังสือหนาวเหน็บเหมือนน้ำแข็ง หนาวจนเธอรู้สึกว่าตัวเองจะหายใจออกมาเป็นหมอกขาว
“แก๊ก….”
เสียงปิดประตูทำให้หัวใจของเฟยเอ๋อเริ่มเต้นแรงไม่หยุด
เห็นท่าทางด้านหน้าของเป่หมิงโม่ เธอดูเหมือนจะมีลางสังหรณ์ไม่ดี
เธอกำลังสงสัย ว่าเป่หมิงโม่ไปเจออะไรมา? แต่ความคิดนี้ถูกตัวเธอเองปฏิเสธทันที
“โม่ คุณหาฉันมีเรื่องอะไรไหม?” เฟยเอ๋อเดินไปที่หน้าโต๊ะอย่างช้าๆ ถามเขาด้วยความระมัดระวัง
เป่หมิงโม่มองเธอ จากนั้นพูดด้วยเสียงเย็นชา : ได้ยินป้าซินพูดว่าตอนบ่ายคุณไม่ค่อยสบาย ไม่ได้ลงมากินข้าว”
เฟยเอ๋อพยักหน้า : “ฉันรู้สึกปวดท้องนิดหน่อย แต่ตอนนี้หายแล้ว”
“ในเมื่อคุณปวดท้อง งั้นเมื่อตอนบ่ายออกไปทำอะไร? แล้วคุณยังมายุ่งกับคอมพิวเตอร์ของฉัน” ขณะที่เป่หมิงโม่พูด วางมือข้างหนึ่งไว้บนโต๊ะ นิ้วมือเคาะโต๊ะ
“ติ๊ก…ติ๊ก…ติ๊ก…”
เสียงนี้เปรียบเหมือนเสียงนาฬิกานับถอยหลังแขวนอยู่บนศีรษะของเฟยเอ๋อ
สีหน้าของเฟยเอ๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าโดยไม่รู้ตัว กำ USB แน่น จากนั้นพูดตะกุกตะกัก : “ฉัน ตอนบ่ายฉันรู้สึกดีขึ้น พอดีมีเพื่อนเรียกฉันออกไป ส่วนเรื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ….”
ดวงตาของเธอหันกลับมา “นั่นเป็นเพราะฉันอยู่บ้านคนเดียวน่าเบื่อ พอดีได้ยินเพื่อนพูดว่าช่วงนี้วิดีโอในอินเทอร์เน็ตกำลังมาฮิต ดังนั้นฉันจึงอยากดูสักหน่อย”
***
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว “โอ๊?” เฟยเอ๋อเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋า แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของเขาไปได้
“ในกระเป๋าของกคุณใส่อะไรไว้?”
คำพูดนี้ของเป่หมิงโม่ ทำให้สีหน้าของเฟยเอ๋อเปลี่ยนไป ดูเหมือนเธอรู้สึกว่ามีเหงื่อออกที่หน้าผาก
ได้แต่ก้มหน้า : “เปล่า ไม่ได้ใส่อะไรไว้ เป็นเพียงแค่ของเล่นเล็กๆ ธรรมดา”
เฟยเอ๋อยิ่งแสดงอย่างนี้ เป่หมิงโม่ก็ยิ่งรู้สึกว่าในใจเธอผิดปกติ แต่เขายังคงจงใจพูดอย่างผ่อนคลาย : “ในเมื่อเป็นของเล่นเล็กๆ ธรรมดา ก็หยิบออกมาให้ดู”
ขณะพูด เขาแสดงสีหน้าไปทางฉิงฮัวที่ยืนอยู่ด้านหลังเฟยเอ๋อ ฉิงฮัวพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เขาเดินไปถึงตัวเฟยเอ๋อ แล้วแบมือออกมา : “คุณเฟยเอ๋อ มีอะไรก็ส่งออกมาเลย”
ตอนนี้ใจเฟยเอ๋อพลิกไปอีกด้าน เธอรู้สึกเสียใจทำไมถึงต้องเอา USB มาไว้อยู่กับตัวด้วย แล้วหลังจากที่ดูวิดีโอจบแล้วไม่ลบมันออก
ตอนนี้สิ่งของเล็กในกระเป๋า กลายเป็นดาบคมที่แขวนอยู่บนศีรษะเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือก จึงต้องหยิบส่งออกอย่างเชื่อฟัง จากนั้นรอการลงดาบจากเป่หมิงโม่
เฟยเอ๋อหยิบ USB ออกมาด้วยความสั่นไหว วางมันลงในมือของฉิงฮัว
ฉิงฮัวนำ USB วางไว้ข้างมือของเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่เอื้อมมือไปหยิบ USB แล้วพลิกหมุนไปมาดูอย่างช้าๆ นี่ก็เป็น USB ธรรมดา
เขาเปิด USB กับคอมพิวเตอร์ ก็เห็นแต่เพียงข้างในมีไฟล์วิดีโอ
เป่หมิงโม่เงยหน้ามองเฟยเอ๋อ เห็นร่างของเธอดูเหมือนจะเริ่มสั่นไหว ไฟล์วิดีโอนี้เนื้อหาข้างในมันคืออะไรกันแน่ ถึงทำให้เธอดูเหมือนจะยั้งสติไม่อยู่เช่นนี้
เสียง “คลิ๊ก คลิ๊ก” สองครั้งดังอย่างรวดเร็ว เปิดโปรแกรมเล่นวิดีโอ แล้วไฟล์วิดีโอนี้ก็เริ่มต้นเล่น
เฟยเอ๋อทนไม่ไหว เธอพูดอย่างร้อนรน : “โม่ เรื่องเป็นอย่างนี้ ฟังฉันอธิบาย….”
พูดมาถึงตรงนี้ ก็เห็น USB ดูเหมือนจะมีประกายไฟ จากนั้นก็มีกลิ่นไหม้จางๆ ออกมา
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว ดึง USB ออกมา เห็นตรงที่เสียบมีรอยไหม้เล็กน้อย
เฟยเอ๋อก็เห็น เธอถึงได้วางใจ
โชคดีที่ตัวเองยังไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ โชคดีที่ตอนนี้ USB พังเสียก่อน
หลังจากที่เป่หมิงโม่ดู USB แล้ว สายตาจ้องเขม็งไปที่เฟยเอ๋อ : “คุณพูดต่อซิ เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่?”
เฟยเอ๋อสบายใจ ไม่มีอะไรที่ต้องละอายใจอีก : “ฉันได้ยินเพื่อนบอกว่าในอินเทอร์เน็ตมีวิดีโอที่น่าสนใจ อยากให้ฉันช่วยดาวน์โหลด ฉันจึงหยิบ USB แต่ฉันไม่มีคอมพิวเตอร์ จึงมาหาที่ห้องหนังสือ คิดไม่ถึงว่าคอมพิวเตอร์ของคุณอยู่ที่นี่ ฉันจึงเปิดใช้โดยไม่ได้ขอก่อน”
พูดมาถึงตรงนี้ เธอแสงสีหน้าขอโทษ : “โม่ ต้องขอโทษจริงๆ ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคุณก็ใช้ของของคุณแล้ว ฉันรับประกันว่า ครั้งหน้าจะไม่มีเรื่องประเภทนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว”
เป่หมิงโม่พยักหน้า : “อืม คุณไม่ต้องโทษตัวเอง ฉันละเลยเรื่องนี้เอง คุณอยู่บ้านทั้งวัน นอกจากโทรทัศน์ก็ไม่มีกิจกรรมยามว่างอื่น เอาอย่างนี้ สองวันนี้คุณไปเลือกคอมพิวเตอร์มาเครื่องหนึ่ง จากนั้นเอาบิลเรียกเก็บเงินมาให้ฉันก็พอ”
เมฆหมอกผ่านไป เฟยเอ๋อเป็นสุขอย่างลับๆ
คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะผ่านไปถึงแม้จะเป็นเรื่องร้ายแรงแต่ก็ไม่อันตราย
***
ดึกมาแล้ว แอนนิตบจิ่วจิ่วเบาๆ เฉิงเฉิงนอนหลับอยู่ข้างๆ
ในที่สุดเด็กๆ ก็กลับมาอยู่บ้านตัวเองอย่างเป็นทางการ นอนหลับอย่างรวดเร็ว
กู้ฮวนกำลังนั่งทบทวนอย่างตั้งใจใต้โคมไฟ แอนนิออกจากห้องนอนเบาๆ จากนั้นปิดประตูเบาๆ
เธอเดินไปที่ห้องครัวเทนมแล้ววางไว้ข้างมือของกู้ฮวน
“ขอบคุณ” กู้ฮวนเงยหน้ามองแอนนิ
“คุณยังต้องมาเกรงใจอะไร พรุ่งนี้คุณต้องสอบแล้ว แต่อย่าอยู่จนดึกเกินไป ฉันไปพักผ่อนก่อนนะ” แอนนิหาว
กู้ฮวนพยักหน้า : “คุณวางใจเถอะ ฉันไม่อยู่ดึก”
*
วันที่สอง กู้ฮวนลุกขึ้นมานั่งอยู่บนโซฟา เมื่อคืนดูเหมือนเธออยู่ดึก ถึงตีห้า เธอจึงนอนอยู่บนโซฟาหลับไปสักงีบ
รุ่งเช้า หยินปู้ฝันนำอาหารเช้ามาที่บ้านของกู้ฮวน หลังจากรอทุกคนกินอาหารเช้า เขาส่งกู้ฮวนไปที่สนามสอบ
*
หลังจากที่เมื่อวานเป่หมิงยี่เฟิงพูดคุยกับชายสวมหมวกเบสบอล ตลอดทั้งคืนวางแผนว่าจะเข้าไปฝ่ายสำคัญของตระกูลเป่หมิงได้อย่างไร
ก่อนรุ่งอรุณ ในที่สุดเขาก็คิดวิธีออกวิธีหนึ่ง
เป่หมิงโม่มาถึงบริษัทตระกูลเป่หมิงแต่เช้า เพราะพรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของเขาและเฟยเอ๋อ วันนี้เขาจึงเรียกประชุมคนที่รับผิดชอบทุกฝ่ายมาที่ห้องประชุมเพื่อจัดการมอบหมายงานสองสามวันนี้ ยังมีปัญหาของฝ่ายออกแบบ ประชุมทุกคนเพื่อดูว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
ประชุมเริ่มได้ไม่นาน ประตูห้องประชุมถูกผลัก
“ประชุมเช้าขนาดนี้ แต่กลับไม่แจ้งฉัน อาเอ้อ ดูเหมือนคุณจะไม่เห็นฉันซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองอยู่ในสายตา” ภายใต้เสียงนี้ เป่หมิงยี่เฟิงเดินเข้ามาในห้องประชุมพร้อมด้วยชายชุดดำสี่คนที่มาปกป้อง
ช่วงเวลานี้ ตอนที่เป่หมิงยี่เฟิงปรากฏตัวอีกครั้ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลเป่หมิงขวางพวกเขาไม่ทัน
เป่หมิงโม่มองเป่หมิงยี่เฟิงด้วยสายตาเย็นชา : “การประชุมวันนี้ปรึกษาหารือเรื่องเล็กๆ ไม่ต้องรบกวนคุณผู้ถือหุ้นใหญ่”
เป่หมิงยี่เฟิงลากเก้าอี้มานั่งเฉียงๆ ตรงข้ามกับเป่หมิงโม่ “ฮาฮา อาเอ้อคุณถ่อมตัวเกินไปแล้ว ฉันก็แค่ทำเรื่องภายในเท่านั้น จะมาเปรียบกับคุณได้อย่างไรกัน ได้ยินว่าพรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของคุณ วันนี้ยังมานั่งใจเย็นอยู่ที่นี่ รู้ว่าคือความขยันของคุณ แต่ไม่รู้ว่า สิ่งที่คาดคิดไว้คุณกับอาซ้อรองในอนาคตมีเรื่องขัดแย้งอะไรกัน นี่ถ้าหากสื่อมวลชนรู้เข้า ก็จะมีเรื่องที่พวกเขาพูดได้”
เป่หมิงโม่ยิ้มอย่างเย็นชา : “ยังดูไม่ออกว่าคุณสนใจหน้าตาของฉัน”
“ฮาฮา ฉันไม่ได้สนใจหน้าตาของคุณ แต่สนใจกระเป๋าเงินของฉัน ถ้าคุณมีข่าวอื้อฉาว ราคาหุ้นของตระกูลเป่หมิงก็จะตกลง คนที่เสียหายก็คือผู้ถือหุ้นอย่างพวกเรา ยังมีผู้ถือหุ้นรายย่อยที่น่าสงสาร” ขณะเป่หมิงยี่เฟิงพูดยกมือขึ้น
คนชายชุดดำคนหนึ่งที่อยู่หลังเขาหยิบบุหรี่ออกมา วางไว้บนมือของเป่หมิงยี่เฟิง จากนั้นหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดบุหรี่
เป่หมิงยี่เฟิงสูบบุหรี่ จากนั้นพูดกับเป่หมิงโม่ : “ครั้งนี้ที่ฉันไม่ใช่เพื่อทะเลาะกับคุณ แต่เมื่อวานฉันเห็นข้อมูลบางส่วนของตระกูลเป่หมิง พบว่าฝ่ายออกแบบมีงานออกแบบหลายรายการ ซึ่งยังคงค้างอยู่ สิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของตระกูลเป่หมิง”
เป่หมิงโม่เงยหน้ามองเป่หมิงยี่เฟิง : “ต้องรบกวนคุณที่ต้องมาใส่ใจเรื่องของตระกูลเป่หมิง ในเมื่อคุณรู้สึกว่าฝ่ายออกแบบมีปัญหา งั้นฉันอยากฟังความคิดเห็นของคุณ”
เป่หมิงยี่เฟิงเห็นเป่หมิงโม่ติดกับ จึงยิ้มเล็กน้อย : “ก็ไม่ใช่ความคิดเห็น อันที่จริงวิธีของฉันก็ง่ายนิดเดียว นั่นก็คือเพิ่มกำลังคนเข้าไป ขอเพียงให้มีกำลังคนเพียงพอ ปัญหาคั่งค้างก็จะได้รับการแก้ไข”
***
เป่หมิงโม่ได้ฟังที่เป่หมิงยี่เฟิงพูด เห็นว่ามีเหตุผลมาก
อันที่จริงปัญหาของฝ่ายออกแบบเขาก็ให้ความสนใจตั้งนานแล้ว
เพียงแต่ตอนนี้มีเรื่องมากมาย ขณะนี้ยังไม่มีพลังที่จะไปแก้ไข
ที่จริงความต้องการของเป่หมิงโม่ มันยากมากที่จะหาผู้สมัครที่เหมาะสมในเวลาอันสั้น
ตอนนี้เป่หมิงยี่เฟิงเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา พูดอย่างชัดเจนเขาไม่ได้พูดจามั่วซั่วโดยไม่คำนึงถึงความจริง ไม่ว่าเขาจะมีวัตถุประสงค์อะไรก็แล้วแต่ อย่างน้อยเขาก็ตั้งใจศึกษาปัญหานี้
ในเมื่อเป่หมิงยี่เฟิงพูดอย่างมีเหตุผล แต่เป่หมิงโม่ยังคงแสดงท่าทางไม่สนใจไยดี : “ในเมื่อคุณหาสาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหานี้ได้ ฉันก็อยากฟังความคิดเห็นของคุณ”
เป่หมิงยี่เฟิงหัวเราะเย็นชา : “ไม่สามารถพูดถึงความคิดเห็นได้ เพียงแต่ฉันมีผู้สมัครที่เหมาะสมคนหนึ่ง เพียงแต่….” เขาพูดถึงตรงนี้ แล้วก็ไม่พูดต่อ
เป่หมิงโม่ก็ได้แต่มองเขา ไม่พูดอะไรเช่นกัน
แต่ฉิงฮัวอดไม่ได้ที่จะพูด : “คุณชายเป่หมิง ในเมื่อคุณมีผู้สมัครที่เหมาะสมแล้วทำไมไม่พูด?”
“ฉันพูดแล้วจะเป็นอย่างไร แม้ตอนที่ตระกูลเป่หมิงเจอวิกฤตมากที่สุด บางคนยืนอยู่บนบุญคุณความแค้นส่วนตัว” เป่หมิงยี่เฟิงพูดถึงตรงนี้แสดงท่าทางจนปัญญา
จากนั้นเขาถอนหายใจยาว : “เอ้ย…เป็นลูกชายคนโตเป็นหลานชายคนของคุณปู่ ตอนนี้ฉันไม่มีความสามารถเพียงพอ ได้แต่นั่งดูตระกูลเป่หมิงเดินไปบนเส้นทางขรุขระเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่ ทุกท่านที่นั่งตรงนี้ต้องมีความมั่นใจ เพราะประธานเป่หมิงของพวกคุณไม่ปล่อยให้บริษัทล้มลงต่อหน้าต่อตาได้”
คำพูดของเป่หมิงยี่เฟิง ส่งผลกระทบต่อจิตใจคนที่นั่งอยู่ไม่น้อย
พวกเราเริ่มกระซิบกระซาบกัน
เห็นเป่หมิงโม่ยังคงนิ่งไม่พูด ฉิงฮัวจึงร้อนใจ
เขารู้สึกรักตระกูลเป่หมิงไม่น้อยไปกว่าคนในครอบครัวเป่หมิง : “คุณชายเป่หมิง คุณก็พูดแล้ว คุณเป็นสมาชิกตระกูลเป่หมิง ตอนนี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนที่สองของบริษัท แน่นอนคงไม่อยากเห็นผลประโยชน์ของบริษัทได้รับเสียหาย
“ใช่ ใช่ คุณชายเป่หมิงพูดซิ” คนอื่นที่นั่งอยู่ก็ว่าตามกัน
แน่นอน เป่หมิงโม่ยังคงนิ่ง เขากำลังดูเป่หมิงยี่เฟิงว่าจะเล่นละครอย่างไร