ตอนที่ 595 นายรู้ได้อย่างไรกัน
เป่หมิงยันนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟา “แม่ครับ นี่เป็นการตัดสินใจของเป่หมิงเอ้อ แม่ก็ทำตามความต้องการของเขาก็พอแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต เขามีเรื่องอะไรก็เล่นตามแผน งานหมั้นใหญ่โตครั้งที่แล้วเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่ากลายเป็นตัวตลกหรอกหรือ”
เจียงฮุ่ยซินมองลูกชายที่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ยันยัน เมื่อไหร่ลูกจะทำให้แม่วางใจได้อย่างจริงจังนะ หาลูกสะใภ้และคลอดหลานชายดีๆสักคนเถอะ”
เป่หมิงยันได้ยินแล้วก็เบื่อหน่าย “คุณแม่ พูดถึงเรื่องแต่งงานปุ๊บ คุณแม่ก็มักจะดึงผมเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วย บอกคุณแม่ไปกี่ครั้งแล้วว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่งานของผมกำลังไปได้ด้วยดี ยังไม่มีเวลาว่างมาคิดเรื่องนี้หรอกครับ”
*
เฟยเอ๋อเมื่อกลับถึงห้องของตัวเองก็เห็นถุงกระดาษที่ใส่ชุดแต่งงานวางอยู่บนเตียงของเธอ
เธอเดินไปถึงหน้าเตียง เปิดดูชุดแต่งงานที่อยู่ในถุง กลิตเตอร์แวววาวเป็นประกาย ประดับตกแต่งด้วยคริสตัลเม็ดเล็กๆ ภายใต้แสงไฟนั้นแพรวพราวมากเป็นพิเศษ
เธอไม่ได้คิดจินตนาการถึงวันนี้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังคาดหวังรอคอยสถานการณ์นี้มาหลายปีแล้ว เสียเวลาเปล่าประโยชน์ไปหลายปีเช่นกัน
และก็ได้จ่ายค่าตอบแทนที่เจ็บปวดทุกข์ทรมานของตัวเองเพื่อสิ่งนี้
ในที่สุดก็รอคอยจนถึงวันนี้
ในเวลาเดียวกันกับที่เธอรู้สึกดีใจที่สุดท้ายแล้วก็ได้เป่หมิงโม่มาครอบครอง ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนกตกใจ
ตอนที่เธอรู้ว่าเป่หมิงโม่เปลี่ยนสถานที่จัดงานแต่งงานจากโรงแรมแมนดารินเป็นสวนส่วนตัวของตระกูลแล้วนั้น ใจเธอก็อดสั่นเทาไม่ได้
เปลี่ยนสถานที่กะทันหันนั้นหมายความว่าอะไร ก่อนหน้านี้สิ่งที่เธอถูกคนคนนั้นบีบบังคับให้ทำทั้งหมดที่โรงแรมแมนดารินไม่มีประโยชน์ใดๆเลยแม้แต่น้อย
ไม่ได้ ต้องรีบโทรศัพท์ไปหาไอ้บ้านั่น ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ อีกทั้งหากเรื่องราวถูกเปิดเผยออกมาตัวเองก็ขว้างงูไม่พ้นคอ หนีจากความรับผิดชอบนี้ไปไม่ได้เช่นกัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาต่อสายหาคนคนนั้นอย่างเร็ว แต่ว่าเสียงที่เธอได้ยินในลำโพงโทรศัพท์ก็คือสายไม่ว่าง
แบบนี้จะทำอย่างไรดี จัดการทำเรื่องราวไม่สำเร็จ ไอ้บ้านั่นจะบอกเรื่องราวของเธอให้กับเป่หมิงโม่ได้รับรู้ภายใต้ความโกรธหรือไม่
ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นล่ะก็ โม่ไม่เพียงแต่ไม่แต่งงานกับเธอ ทั้งยังจะเกลียดตัวเธอมากยิ่งขึ้น กระทั่ง……
เธอรู้สึกไม่กล้าจินตนาการอยู่บ้าง
ชุดแต่งงานชุดนี้ ถูกวางอยู่บนเตียงของเฟยเอ๋ออย่างเงียบๆ เธอไม่มีอารมณ์ใดๆที่จะลองสวมชุดนี้แล้ว
ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างยาวนานมาก เฟยเอ๋อนอนอยู่บนเตียง ดวงตาสองข้างมองตรงขึ้นไปบนเพดาน
เธอในตอนนี้ไม่มีความตื่นเต้นดีใจที่จะได้แต่งงานหลงเหลืออีกแล้ว
สมองของเธอในตอนนี้มีเพียงแค่ความกังวลใจ ทั้งยังรู้สึกหวาดกลัวต่อเรื่องราวที่ตัวเองไม่สามารถหยุดยั้งได้ด้วย หวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง…..
***
ในที่สุดแสงอาทิตย์ยามอรุณรุ่งก็โผล่ขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า วันใหม่มาเยือนเมือง A อีกวันหนึ่ง
วันนี้คนในบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงทั้งหมดล้วนมีบรรยากาศแห่งความยินดีปรีดาเป็นอย่างมาก
เหล่าคนรับใช้ใช้เวลาทั้งคืนในการตกแต่งบ้านใหญ่ตระกูลเป่หมิงขึ้นมาใหม่ คำว่า ‘มีความสุข’ ถูกติดไว้ทุกบานหน้าต่างและบนประตู
บนราวบันไดประดับด้วยผ้าสีแดงและลูกบอลสีแดงมาตกแต่ง
แม้กระทั่งประตูใหญ่หน้าบ้านตระกูลเป่หมิงและกำแพงรอบด้านก็ยังตกแต่งด้วยสีแดง
ท่านนางเป่หมิงนั้นตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เปลี่ยนมาสวมชุดกี่เพ้าสีแดงกุ๊นขอบทอง เย็บปักเป็นลายหงส์
เธอนำคนรับใช้สองคนมาถึงหน้าประตูห้องนอนของเฟยเอ๋อ เคาะประตูเบาๆ
“ก๊อกๆ……”
เฟยเอ๋อเกือบจะไม่ได้นอนทั้งคืน ในตอนที่รู้สึกได้ว่าฟ้าเริ่มจะมีแสงสว่าง เธอก็เปลี่ยนเป็นไม่สนใจอะไรอีกแล้วกะทันหัน
เธอปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
และไม่สนใจว่าหลังจากนี้ไอ้บ้านั่นจะโต้ตอบตัวเองอย่างไร ในตอนนี้เธอเพียงแค่อยากจะเป็นเจ้าสาวดีๆสักครั้ง แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีสั้นๆ แต่สำหรับเธอนั้นคุ้มค่ามากแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องตัวเอง เธอก็รู้ว่าเจียงฮุ่ยซินพาคนมาช่วยเธอทำผมแต่งหน้าแล้ว
ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้น ลากสังขารที่เห็นได้ชัดว่าอ่อนเพลียไปจนถึงประตูแล้วค่อยๆเปิดออก
เจียงฮุ่ยซินนำคนรับใช้ที่ถืออ่างน้ำสีทอง กล่องเครื่องสำอางและของต่างๆเดินเข้ามาข้างใน
เธอเดินไปพลางพูดไปพลาง “เฟยเอ๋อ ตามหลักแล้วเจ้าสาวจะต้องแต่งหน้าทำผมที่บ้านของเจ้าสาวทั้งหมด แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่มีคนในครอบครัวแล้ว แต่ว่าประเพณีพวกนี้ยังคงต้องทำ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่ว่านี่มีความหมายที่ดีอย่างหนึ่ง”
“ขอบคุณค่ะท่านนางเป่หมิง” เฟยเอ๋อเดินตามเจียงฮุ่ยซินอยู่ด้านหลัง
เจียงฮุ่ยซินให้คนรับใช้เตรียมของเรียบร้อยหมดแล้ว เมื่อหันหน้ากลับไปมองเฟยเอ๋อก็ตกตะลึงในทันที “เธอเป็นอะไรไปหรือ สีหน้าดูไม่ดีเอาเสียเลย ทั้งยังขอบตาดำคล้ำอีก เมื่อคืนเธอพักผ่อนไม่เต็มที่สินะ”
เฟยเอ๋อพยักหน้า
คนรับใช้รองน้ำมาเรียบร้อยแล้ว “คุณเฟยเอ๋อคะ เชิญล้างหน้าค่ะ”
รอจนทำผมเรียบร้อยแล้ว เจียงฮุ่ยซินก็ให้เธอเปลี่ยนชุดแต่งงานให้เสร็จ แล้วก็ให้คนรับใช้ที่อยู่ข้างกายแต่งหน้าให้กับเธอ
*
เฉิงเฉิงและหยางหยางสองคนล้วนนอนอยู่ในห้องนอนของเฉิงเฉิง
เช้าตรู่ก็ถูกฉิงฮัวเคาะประตูปลุกให้ตื่น
ลืมตาขึ้นมองก็เพิ่งจะหกโมงเช้า
หยางหยางเดินงัวเงียไปเปิดประตู “ลุงหัวฟู ไม่ใช่ว่าออกเดินทางตอนเก้าโมงหรือ ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงเอง ไม่จำเป็นต้องปลุกพวกเราแต่เช้าแบบนี้หรอกครับ”
ฉิงฮัวรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เขานึกว่าเฉิงเฉิงจะมาเปิดประตู
“คุณชายน้อยหยางหยาง นี่เป็นคำสั่งของเจ้านายที่ต้องการพวกคุณขึ้นตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวให้เรียบร้อย” ฉิงฮัวเอ่ยตอบ
“เอาเถอะ พวกเราตื่นแล้ว” หยางหยางเอ่ยจบก็หมุนตัว จากนั้นก็ยื่นเท้าออกไปเตะประตู
“ปัง…….” ประตูถูกปิดลงแล้ว
หยางหยางก็ฟุบศีรษะลงไปบนเตียงอีกครั้ง หลับตาบ่นพึมพำว่า “พ่อนกสมควรตายจะแต่งงาน แล้วจะวุ่นวายอะไรกับพวกเรา พวกเราไม่ได้จะแต่งงานเสียหน่อย”
ตอนนี้เฉิงเฉิงตื่นแล้ว เขาโดดลงจากเตียง
เปลี่ยนเสื้อผ้าไปพลาง พูดไปพลาง “นายเลิกบ่นได้แล้ว ไม่ใช่เพราะว่านายเล่นเกมส์จนดึกดื่นตีสองหรือ”
หยางหยางใช้มือเล็กๆดันร่างกายให้ลุกขึ้นมา “นั่นมันเพราะว่าฉันโกรธคุณย่าหรอก นายดูท่าทางของเธอเมื่อคืนนี้สิ ตอนที่นายไม่อยู่สีหน้าของเธอเหมือนกับว่าฉันติดเงินเธออยู่สองร้อยหยวนอย่างไรอย่างนั้น”
“เอาน่ะ ใครใช้ให้นายพยายามหาหนทางมาที่นี่กันล่ะ ตอนนี้รู้แล้วล่ะสิว่าบ้านคุณปู่นั้นไม่น่าอยู่เอาเสียเลย” เฉิงเฉิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
หยางหยางเดิมมีท่าทางเซื่องซึมอยู่บ้าง ก็มีสติขึ้นมาไม่น้อย เขามองเฉิงเฉิงอย่างตกตะลึง “นายรู้ได้อย่างไรกันว่าฉันหาหนทางมาที่นี่”
***
เฉิงเฉิงเริ่มทำท่าทางเหมือนกับนักสืบตัวน้อยพลางวิเคราะห์อธิบาย ‘คดีความ’ “ที่จริงแล้วมันง่ายมาก แรกเริ่มที่ฉันได้ป้ายที่เขียนว่า “อยู่” ตอนนั้นก็รู้สึกว่าบางทีอาจจะเป็นลิขิตจากสวรรค์”
เอ่ยถึงตรงนี้เขาก็ยื่นนิ้วชี้ไปทางหยางหยางว่า “แต่ว่าตอนที่ทักษะการแสดงของนายตอนจากไปนั้นแย่กว่าตอนที่อยู่บนเวทีนิดหน่อย ฉันมองออกถึงอาการดีใจที่ปรากฏบนใบหน้าของนาย อีกอย่างนายไม่ได้เปิดแผ่นกระดาษของนายออกมาดูด้วย นับตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็เริ่มรู้สึกว่านายมีปัญหา”
หยางหยางตะลึงค้างไปในทันที จากนั้นก็เถียงอย่างข้างๆคูๆว่า “ฉันจะแอบดีใจได้อย่างไรกัน ฉันอยู่ข้างกายคุณแม่มาจนโตนะ จะจากเธอไปอย่างไม่อาลัยอาวรณ์ได้อย่างไรกัน ยังมีอีก นายรู้สึกว่ามีปัญหาแล้วทำไมไม่ชี้ออกมาในตอนนั้นกันล่ะ”
ตอนนี้เฉิงเฉิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว “ที่จริงแล้วฉันอยากจะเปิดโปงนายในตอนนั้น แต่ทำไมนายถึงอยากมาที่บ้านของคุณปู่นั้นฉันไม่รู้ บวกกับฉันรู้สึกว่าอยู่ข้างกายคุณแม่ก็ดีไม่น้อย นายดูสิว่านี่คืออะไร”
เขาเอ่ยแล้วก็หยิบกระดาษที่ด้านบนเขียนว่า “อยู่” ออกมาจากกระเป๋าเสื้อให้หยางหยาง
“นี่คืออะไร” หยางหยางรับมาแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว “เอ๋”
กระดาษแผ่นนี้ถูกเขาเก็บไว้ในลิ้นชักหัวเตียงอย่างระมัดระวัง แล้วมาอยู่ที่เฉิงเฉิงได้อย่างไรกัน เขานึกถึงเมื่อคืนขึ้นมากะทันหัน ตอนที่เขากำลังเล่นเกมส์อยู่นั้น เฉิงเฉิงนั่งอยู่บนเตียงใช้สมุดโน้ตเขียนโปรแกรมอยู่
อีกอย่างตอนนั้นดูเหมือนว่าเขาจะหาของในลิ้นชักหัวเตียงด้วย คงจะไม่ใช่ว่าถูกพบแล้วหรอกนะ…….
จากนั้นก็เค้นรอยยิ้มออกมามองเฉิงเฉิง “ฮิๆ นายเจอแล้วสินะ ที่จริงแล้วที่ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อตัวนายนั่นแหละ”
เฉิงเฉิงเลิกคิ้วขึ้น “เพื่อฉันหรือ”
หยางหยางเดินมาถึงข้างกายเฉิงเฉิง ยื่นมือโอบบ่าของเขา มองเขาแล้วพยักหน้าอย่างแรง “เป็นอย่างที่ฉันพูดนั่นแหละ ที่จริงแล้วฉันอยู่ข้างกายคุณแม่มาตลอดจนโต ฉันรู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่จะต้องจากเธอไปมาก แต่ว่านายก็เป็นลูกของคุณแม่เหมือนกัน ฉันคิดว่านายอยากจะอยู่กับคุณแม่มากกว่า”
เฉิงเฉิงเอ่ยต่อว่า “ดังนั้นนายเลยแอบเล่นตุกติกกับแผ่นจับฉลาก ทั้งสองใบล้วนเขียนเหมือนกันสินะ”
หยางหยางหัวเราะอิอิ “วิธีการของฉันดีใช่ไหมล่ะ แบบนี้ก็สามารถทำให้นายอยู่ข้างกายคุณแม่ได้อย่างแน่นอน”
หยางหยางกลัวว่าเฉิงเฉิงยังสงสัยอยู่จึงทำสีหน้าลำบากใจพลางเอ่ยว่า “ฐานะของฉันที่นี่ นายก็เห็นแล้ว นอกจากมีคนรับใช้มากกว่าบ้านของคุณแม่ ความอิสระแม้แต่น้อยนิดก็ไม่มี ยังต้องเรียนกวดวิชาทั้งวันอีก”
เฉิงเฉิงเห็นเขาพูดแล้วเข้าท่า จึงเชื่อวิธีการพูดของเขาไปก่อน
“เป่หมิงซีหยาง ขอบคุณนายที่เสียสละอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้ฉันได้อยู่กับคุณแม่” เฉิงเฉิงยื่นมือออกไปโอบไหล่หยางหยาง
หยางหยางเห็นเฉิงเฉิงเชื่อแล้ว ในใจก็รู้สึกยินดีขึ้นมา “ช่างมันเถอะๆ นายก็อยู่ข้างกายคุณแม่แล้วดูแลคุณเธอดีๆ เพียงแต่ว่า…..” เขาลังเล
“เพียงแต่ว่าอะไร” เฉิงเฉิงมองหยางหยางอย่างสงสัย
“เพียงแต่ว่าวันนี้คือวันแต่งงานของพ่อนกสมควรตายกับยายอัปลักษณ์นั่น ครั้งที่แล้วแม้ว่าพวกเราจะสร้างความวุ่นวายในงานหมั้นของพวกเขาได้สำเร็จ แต่วันนี้พวกเรากลับไม่มีความสามารถมากพอแล้ว” หยางหยางปล่อยมือแล้วหมุนตัวไปหยิบเสื้อผ้าของเขาที่วางอยู่บริเวณปลายตู้เสื้อผ้า
เฉิงเฉิงถอนหายใจเบาๆ “ที่จริงแล้วหลังจากนี้ฉันอยากให้คุณพ่อกับคุณแม่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากๆ ถึงเวลานั้นยังมีนาย ฉันแล้วก็น้องสาว ดูท่าว่าความหวังนี้จะถูกทำลายลงแล้ว”
เด็กหนุ่มสองคนเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็กระสับกระส่ายขึ้นมาในทันที
“ก๊อกๆ…….” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
***
ได้ยินเพียงแค่เสียงของฉิงฮัวที่อยู่นอกประตูดังขึ้น “คุณชายน้อยทั้งสอง พวกคุณเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อยแล้วหรือไม่ครับ”
“ใกล้จะเสร็จแล้ว” หยางหยางรับคำ จากนั้นก็เร่งมือเร่งเท้าเปลี่ยนเสื้อผ้า
ผ่านไปชั่วครู่
หยางหยางและเฉิงเฉิงก็เปิดประตูเดินออกมาจากในห้องนอน เงยหน้ามองฉิงฮัว “ลุงหัวฟู พวกเราออกเดินทางได้”
ทั้งสามคนเดินลงมาถึงชั้นล่าง เห็นเพียงแค่เป่หมิงโม่และเป่หมิงยันสองคนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงใหญ่
เป่หมิงโม่นั้นอยู่ในชุดพิธีการที่มีการตัดเย็บอย่างประณีต เป่หมิงยันนั้นสวมชุดสูทแฟชั่น
โทรทัศน์ถูกเปิดอยู่ เป่หมิงยันกำลังหยิบรีโมทขึ้นมาเปลี่ยนช่องไม่หยุด
เป่หมิงโม่คิ้วขมวดมองไปทางเป่หมิงยัน “นายจะเลือกสักช่องแล้วดูสักพักได้ไหม”
เป่หมิงยันหันหน้ากลับมามองเป่หมิงโม่พลางยิ้มเสแสร้ง “ประธานเป่หมิง นี่เพิ่งจะกี่โมง ปลุกพวกเราขี้นมาเช้าตรู่ขนาดนี้ก็เพื่อมานั่งเป็นเพื่อนคุณเฉยๆเท่านั้นเอง คุณดูสิ ช่องโทรทัศน์ยังไม่ถึงเวลาทำงานเลยนะ”
“คุณพ่อ” เฉิงเฉิงเอ่ยเรียกอย่างน่ารัก หยางหยางก็เรียก “คุณพ่อ” ตามเฉิงเฉิงเช่นกัน
เป่หมิงโม่มองไปที่ลูกชายทั้งสองแล้วพยักหน้าให้