ตอนที่ 598 แพะรับบาป
เจียงฮุ่ยซินรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมากะทันหัน เธอจึงจับแขนของเป่หมิงยันอย่างแรงอีกครั้ง “รีบพูดสิ คุณพ่อของลูกอยู่ที่ไหนกันแน่!”
เป่หมิงยันในตอนนั้นหน่วยตาแดงระเรื่อ เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือชี้ไปทางห้องลิฟต์โดยสาร
เจียงฮุ่ยซินล้วนเข้าใจหมดแล้ว นัยน์ตาของเธอพลันมืดลงหมดสติสลบลงไปบนพื้น
“ท่านนางเป่หมิง!”
เป่หมิงยันเห็นคุณแม่ล้มลงบนพื้นก็รีบพยุงเธอขึ้นมา
จากนั้นก็เอ่ยกับเหล่าลี่ว่า “รีบส่งคุณแม่ผมไปโรงพยาบาลเร็วเข้า!”
*
เมื่อเป่หมิงยันและพวกเขาจากไปไม่นานนัก รถตำรวจและรถพยาบาลก็เปิดไซเรนวิ่งมาถึง
รถหลายคันขับตรงเข้าไปในชั้นใต้ดินที่สองของลานจอดรถที่เป็นสถานที่เกิดเหตุในทันที
ฉิงฮัวพาเหล่าตำรวจมาจนถึงห้องลิฟต์โดยสาร
ไม่นาน ประตูก็ถูกแงะให้เปิดออก
ฉิงฮัวเดินออกมาด้วยท่าทางจริงจัง เขามองเป่หมิงโม่ พลางเอ่ยว่า “เจ้านาย คุณท่านเป่หมิงที่อยู่ด้านในนั้นเสียชีวิตแล้วครับ”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเป่หมิงโม่ในตอนนั้นอดกระตุกไม่ได้ เขาหมุนตัวอย่างต้องการจะเข้าไปในลิฟต์โดยสาร
แต่ว่าถูกตำรวจสองนายห้ามเอาไว้ให้อยู่ด้านนอก “ขอโทษด้วยครับ ตอนนี้พวกเรากำลังรักษาหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ กรุณาอยู่ไกลๆหน่อยครับ”
เอ่ยจบ ตำรวจอีกนายหนึ่งก็เริ่มล้อมรอบลิฟต์โดยสารด้วยเชือกเตือน
ฉิงฮัวเข้าใจเจ้านายว่าต้องการจะพบหน้าคุณท่านเป่หมิงครั้งสุดท้าย เขาเอ่ยกับตำรวจที่หยุดยั้งเป่หมิงโม่ว่า “พวกเราเป็นครอบครัวของผู้เสียหาย พวกเราต้องการจะพบหน้าคุณท่านเป็นครั้งสุดท้ายครับ”
แต่ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร ตำรวจก็ไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้าไปให้ลิฟต์โดยสารแม้แต่ครึ่งก้าว
เมื่อเหล่าตำรวจพิจารณาคดีและถ่ายรูปหลักฐานอย่างรวดเร็วเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทีมแพทย์เข้าไปจัดการกับศพ
เมื่อศพของเป่หมิงเจิ้งเทียนที่คลุมด้วยผ้าสีขาวถูกทีมแพทย์ยกออกมา เป่หมิงโม่ก็รีบพุ่งเข้าไปในทันที
ฉิงฮัวยื่นมือไปหยุดคุณหมอเอาไว้ “พวกเราเป็นครอบครัวของผู้เสียหาย กรุณาให้พวกเราได้พบหน้ากับคุณท่านเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถอะครับ”
คุณหมอคิดอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็พยักหน้าให้
เป่หมิงโม่มาถึงหน้าเปลหามคนเจ็บ มองร่างศพของบิดาที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว ใจก็สั่นในทันที
เขายื่นมือออกไปเลิกผ้าสีขาวที่คลุมอยู่บนใบหน้าของบิดาออก เห็นเพียงแค่ดวงตาทั้งคู่ที่เบิกค้างเอาไว้ เป่หมิงโม่ยื่นมือลากผ่านแก้มเขาเบาๆเพื่อให้นัยน์ตาทั้งคู่ของเขาปิดลง
***
เป่หมิงโม่พาฉิงฮัวไปทำบันทึกสอบปากคำกับทางตำรวจเสร็จ กลางวันถึงได้ออกมาจากสถานีตำรวจ
จากการพิจารณาคดีในเบื้องต้นสายสลิงของลิฟต์โดยสารขาดจึงทำให้ลิฟต์โดยสารร่วงลงมา
เป่หมิงเจิ้งเทียนและคนที่ไปเป็นเพื่อนเขา พนักงานสองคนที่ทำงานในโรงแรมก็ถึงแก่ชีวิตด้วยสาเหตุนี้
เมื่อเข้ามานั่งในรถแล้ว ฉิงฮัวก็เอ่ยถามเป่หมิงโม่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่า “เจ้านาย ทำไมถึงไม่พูดถึงรถยนต์ที่เห็นในลานจอดรถใต้ดินคันนั้นหรือครับ”
เป่หมิงโม่เหลือบตาขึ้นมองฉิงฮัว “นายคิดว่าพูดไปแล้วจะมีประโยชน์มากแค่ไหนกัน รถยนต์ที่ไม่มีทะเบียน พวกเขาจะตรวจสอบอย่างไร”
“อย่างนั้นเจ้านายแน่ใจว่าถังเทียนจื๋อเป็นผู้กระทำหรือครับ”
เป่หมิงโม่พยักหน้า ฉันคุ้นเคยกับเสียงของเขามาก อีกอย่างยังมีใบหน้าที่เราเห็นในชั้นใต้ดินนั้นด้วย
ฉิงฮัวขมวดคิ้ว “ในเมื่อตอนนี้ทางฝ่ายตำรวจยังไม่มีบทสรุปคดีความอื่นๆ ผมว่าพวกเราตรวจสอบด้วยตัวเองก็ได้นะครับ”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ฉิงฮัวก็รู้สึกว่าค่อนข้างยากอยู่บ้าง แม้ว่าพวกเขาจะเชื่อว่าถังเทียนจื๋อเป็นคนทำ แต่ว่าตอนนี้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับถังเทียนจื๋อนั้นน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยเสียอีก
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น กระทั่งรูปถ่ายใบหนึ่งยังไม่มีเลย
สุดท้ายฉิงฮัวก็ตัดสินใจโทรหาผู้ใต้บังคับบัญชา ให้พวกเขาขอไฟล์บันทึกของกล้องวงจรปิดของโรงแรมแมนดารินมาดูว่าวันนี้มีบุคคลน่าสงสัยเข้าออกที่นี่บ้างหรือไม่ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรถออดี้A6 ที่ไม่มีป้ายทะเบียนคันนั้น
ส่งมอบภารกิจเรียบร้อยแล้ว ฉิงฮัวก็ขับรถพาเป่หมิงโม่มุ่งหน้าไปยังทิศทางของบ้านใหญ่ตระกูลเป่หมิง
ระหว่างทางก็ได้รับโทรศัพท์จากเป่หมิงยันว่า เจียงฮุ่ยซินเป็นลมหมดสติไป และได้นำส่งโรงพยาบาลกลางแล้ว
สุดท้ายแล้ว เป่หมิงโม่ก็มาปรากฏตัวที่โรงพยาบาลกลาง
ภายใต้การนำทางของฉิงฮัว เป่หมิงโม่ก็มาถึงห้องพักผู้ป่วย VIP ที่เจียงฮุ่ยซินพักอยู่
พวกเขาสังเกตสถานการณ์ภายในห้องผ่านกระจกที่กั้นอยู่ก็เห็นว่าเจียงฮุ่ยซินนอนหลับตาอยู่บนเตียงผู้ป่วย
เป่หมิงโม่คิ้วขมวดเล็กน้อย หมุนตัวหันกลับมาถามเป่หมิงยันว่า “ตอนนี้อาการของป้าซินเป็นอย่างไรบ้าง”
เป่หมิงยันถอนหายใจยาว “จะเป็นอย่างไรไปได้ พอคุณแม่ของฉันรู้ข่าวว่าคุณพ่อเกิดเรื่องแล้วก็ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจจนหมดสติไป ผ่านการตรวจจากคุณหมอแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร เพียงแค่ต้องรอให้เธอฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกพักหนึ่ง”
เป่หมิงโม่พยักหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบที่เกิดกับคุณท่านอีกครั้ง เป่หมิงโม่จึงให้ฉิงฮัวจัดคนมาที่โรงพยาบาล
ทั้งยังกำชับด้วยว่าไม่ได้รับการเห็นด้วยจากปากเขา ไม่ว่าใครมีเหตุผลใดก็ไม่สามารถพาเจียงฮุ่ยซินออกจากห้องพักผู้ป่วยนี้ได้แม้แต่ครึ่งก้าว
เป่หมิงยันกวักมือเรียกเป่หมิงโม่ จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
เป่หมิงโม่เดินตามออกไป
ภายในห้องพักผู้ป่วยและระเบียงทางเดินสาธารณะนั้นไม่สะดวกจะพูดคุย พวกเขาคนหนึ่งเดินนำหน้า คนหนึ่งเดินตามหลัง ไปจนถึงทางออกฉุกเฉิน
ที่นี่มีคนผ่านมาน้อยมาก เวลาพูดคุยก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก
ร่างกายเป่หมิงยันพิงอยู่ที่ราวบันได มือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง ก้มหน้ามองพื้นใต้เท้า “ตำรวจว่าอย่างไรบ้างกับเรื่องอุบัติเหตุในโรงแรม”
เป่หมิงโม่มองเขา จากนั้นก็หยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วหยิบมวนหนึ่งขึ้นมาคาบไว้ที่ปาก จากนั้นก็หยิบอีกมวนหนึ่งยื่นให้เป่หมิงยัน
เดิมเป่หมิงยันนั้นสูบบุหรี่น้อยมาก แต่ว่าในตอนนี้เขาก็แหกกฎ รับบุหรี่มาใส่ปาก
และเอาไฟแช็คที่อยู่ในมือของเป่หมิงโม่ มาจุดบุหรี่ให้เขาและตัวเอง
เป่หมิงโม่สูบบุหรี่เข้าไปเต็มปอด จากนั้นก็พูดสิ่งที่ทางตำรวจพูดกับเขาให้เป่หมิงยันฟังใหม่อีกครั้งหนึ่ง
เป่หมิงยันได้ยินแล้วก็ส่ายศีรษะเบาๆ พลางยิ้มเยาะ “ลวดสลิงขาด…….”
ต่อมาเขาก็สูบบุหรี่เข้าไปเต็มปอดเช่นกัน จากนั้นก็เงยหน้ามองเป่หมิงโม่ที่ยืนอยู่ตรงข้าม นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
จากนั้นก็ค่อยๆเอ่ยพูดออกมาประโยคหนึ่ง “วันนี้คุณพ่อเป็นแพะรับบาปแทนนาย”
***
น้ำเสียงของเป่หมิงยันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ถัดมาร่างของเขาก็ขยับห่างจากราวบันได เดินเข้ามาอยู่หน้าเป่หมิงโม่ช้าๆ ยื่นแขนที่สั่นระริกคว้าคอเสื้อของเป่หมิงโม่แน่น
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้ปัดมือของเขาออกจากร่างเขาในทันที
เป่หมิงยันจ้องเขม็งไปที่เป่หมิงโม่ นัยน์ตาของเขาแดงก่ำขึ้นมาในทันที “ถ้าไม่ใช่ว่านายเปลี่ยนแปลงที่จัดงานแต่งงานอย่างกะทันหันล่ะก็ วันนี้คนที่ตายควรจะเป็นนาย ไม่ควรจะเป็นเขา! เห็นได้ชัดว่าคนที่ทำเรื่องนี้พุ่งเป้ามาที่นาย”
เป่หมิงโม่ก็มองเขากลับ แววตาเต็มไปด้วยความสงบนิ่งอย่างชัดเจน
ต่อมาเขาก็ยื่นมือไปดึงมือของเป่หมิงยันที่จับคอเสื้อตัวเองอยู่ออก “นายพูดไม่ผิด พวกเขาพุ่งเป้ามาที่ฉัน ถ้าหากไม่ใช่คุณพ่อ คาดว่าตอนนี้ฉันคง……”
“นายมันเลือดเย็นมาก” เป่หมิงยันเกือบจะกัดฟันพูดออกมา
เลือดเย็น สำหรับเป่หมิงโม่นั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขานั้นร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ
แต่ในวันนี้ หลังจากผ่านเรื่องราวเหล่านี้แล้ว คำนี้สำหรับเขา รู้สึกระคายหูอยู่บ้าง
เขาสูบบุหรี่คำหนึ่ง แล้วเอ่ยต่อว่า “เรื่องนี้ แม้ว่าตอนนี้ทางตำรวจจะยังตรวจไม่เจออะไร แต่ฉันจะไม่ปล่อยมันไป ความแค้นของคุณพ่อนั้นฉันจะต้องตอบแทนกลับไปอย่างแน่นอน”
“ฮ่า……” เป่หมิงยันหัวเราะเยาะ “แก้แค้นแทนคุณพ่อ พูดได้สบายๆเลยนะ ในเมื่อคนคนนั้นกล้าทำแบบนี้แล้ว ยังจะโง่เหลือเบาะแสให้ทางตำรวจตรวจพบหรือ”
เป่หมิงโม่เลิกคิ้ว “เรื่องนี้นายไม่ต้องสนใจ ฉันมีวิธีของฉัน สองสามวันนี้นายเลื่อนงานสังสรรค์ที่นัดเอาไว้ออกไปก่อนแล้วอยู่เป็นเพื่อนกับป้าซินดีๆ”
เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็โยนบุหรี่ที่อยู่ในมือทิ้งลงบนพื้น ใช้เท้าขยี้ให้ไฟดับแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากทางออกฉุกเฉิน
เป่หมิงยันก็เดินตามออกมา
เมื่อพวกเขากลับมาถึงห้องพักผู้ป่วยของเจียงฮุ่ยซินได้ไม่นาน เจียงฮุ่ยซินก็ฟื้นขึ้นมาจากอาการหมดสติ
เป่หมิงยันและเป่หมิงโม่รีบเดินเข้าไปข้างเตียงผู้ป่วย ยืนมองเธออยู่ด้านข้างของเตียงผู้ป่วย
เธอเพิ่งจะฟื้นคืนสติ บวกกับจิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักจึงดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด
เธอค่อยๆลืมตาทั้งสองข้าง มองไปยังสภาพรอบด้าน เธอรู้ว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล
จากนั้นก็ยื่นมือที่สั่นระริกออกมาดึงมือของเป่หมิงยัน “ยันยัน เด็กๆล่ะ”
“คุณแม่ คุณแม่วางใจเถอะ ผมให้เหล่าลี่ส่งพวกเขากลับไปที่บ้านใหญ่แล้ว” เป่หมิงยันมองคุณแม่ของตัวเองที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย แม้ว่าโดยปกติแล้วจะชอบต่อปากต่อคำกับเธอ แต่ว่าตอนนี้ในใจของเขารู้สึกแย่มาก
เธอมองไปที่เป่หมิงโม่ที่อยู่ข้างกายเป่หมิงยัน “โม่ คุณพ่อของเธอ เขา……” เอ่ยถึงตรงนี้ ริมฝีปากของเธอก็เริ่มสั่นระริก หยาดน้ำตาไหลรินเป็นทางจากนัยน์ตา และไม่ได้พูดต่ออีกแล้ว
เป่หมิงยันรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาเช็ดน้ำตาให้กับมารดา
เป่หมิงโม่โค้งกายลงมา ยื่นมือไปจับมือของเจียงฮุ่ยซินแน่น “ป้าซิน เรื่องงานฌาปนกิจศพของคุณพ่อ ผมจะจัดการให้เรียบร้อย คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เจียงฮุ่ยซินเอ่ยพูดช้าๆ “ตอนนี้คุณพ่อของเธออยู่ที่ไหน ฉันอยากจะไปดูเขาสักหน่อย”
แม้ว่าเจียงฮุ่ยซินจะเกลียดแค้นเป่หมิงเจิ้งเทียนมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการแบ่งมรดก ที่แม้แต่เงินหยวนหนึ่งก็ไม่มีให้เป่หมิงยัน
แต่ว่าร่วมเรียงเคียงหมอนกันมาหลายปีขนาดนี้ ก็ยังคงมีความรู้สึกลึกซึ้ง การตายของเป่หมิงเจิ้งเทียนสำหรับเธอนั้นสะเทือนใจมาก
“ป้าซิน ตอนนี้คุณต้องบำรุงรักษาร่างกายให้ดีๆ รอจนอาการดีขึ้น ผมจะพาคุณไปหาเขา” เป่หมิงโม่เอ่ยถึงตรงนี้ก็ส่งมือของเธอให้กับเป่หมิงยัน
พูดกับเขาว่า “ตอนนี้นายอยู่เป็นเพื่อนกับป้าซินดีๆ ฉันจะกลับไปจัดการเรื่องฌาปนกิจศพของคุณพ่อก่อน”
เขาเอ่ยจบก็หมุนตัวนำฉิงฮัวออกไปจากห้องพักผู้ป่วย VIP
***
พวกเขาเพิ่งจะออกมาจากห้องพักผู้ป่วย VIP ก็เห็นเงาร่างหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขา
“อารอง สบายดีไหมครับ วันนี้เป็นวันแต่งงานของคุณแต่กลับไม่แจ้งให้ลูกชายคนโตทราบเลย มีเหตุผลอะไรบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้หรือ”
คนคนนี้พูดจาต่ำทรามชั่วร้าย
ไม่ต้องดู แค่ได้ยินก็รู้ว่าเป็นเป่หมิงยี่เฟิง
“คุณชายยี่เฟิง คุณมาที่นี่ได้อย่างไรกันครับ” ฉิงฮัวรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง โดยเฉพาะที่เขาถามเจ้านายอย่างสงสัยเกี่ยวกับงานแต่งงานของเจ้านายว่าทำไมไม่เชิญครอบครัวพี่ชายคนโตด้วย
เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มเยาะ “เรื่องของตระกูลเป่หมิง จะว่าใหญ่โตก็ใหญ่โต จะบอกว่าเล็กน้อยก็เล็กน้อย โดยเฉพาะข่าวที่ผมเพิ่งได้รับมาว่าโรงแรมของอารองเกิดเรื่องขึ้น มีคนได้รับบาดเจ็บ ผมก็เลยแวะมาดูเสียหน่อย”
เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็มองเป่หมิงโม่ พลางเอ่ยว่า “คนที่ได้รับบาดเจ็บคงไม่ใช่อารองหรอกใช่ไหมครับ”
เป่หมิงโม่จ้องเป่หมิงยี่เฟิง “นายมาที่นี่ก็เพื่อดูเรื่องตลกขบขันสินะ”
เป่หมิงยี่เฟิงหัวเราะ โบกไม้โบกมือ จากนั้นก็เขยิบเข้าไปกระซิบเสียงเบาข้างหูเป่หมิงโม่ว่า “ได้ยินมาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงแรมนั้นใหญ่โตมาก ทั้งยังมีคนตาย…….”
ไม่รอให้เป่หมิงยี่เฟิงเอ่ยจบ
“ปึก…….”
ใบหน้าของเขาก็ถูกหมัดของเป่หมิงโม่กระแทกเข้าไปอย่างแรง
หมัดนี้มาอย่างไม่ทันคาดฝัน เป่หมิงยี่เฟิงจึงไม่ได้เตรียมการป้องกันเลยแม้แต่น้อย
เขาถูกต่อยจนถอยไปหลายก้าวจนเกือบจะล้มลง โชคดีที่ถูกชายชุดดำสองคนพยุงเอาไว้
เป่หมิงยี่เฟิงยืนมั่นคงแล้วก็สะบัดสองคนนั้นออกไป
มองไปทางเป่หมิงโม่อย่างดุร้าย
คนข้างกายเขาสองคนนั้นเริ่มม้วนแขนเสื้อเตรียมปะทะกำลังกับเป่หมิงโม่ที่นี่แล้ว
บรรยากาศที่เตรียมพร้อมจะปะทะกันแผ่ออกภายในเสี้ยววินาที ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาล้วนหลบห่างจากพวกเขาอยู่บ้าง