ตอนที่ 617 ชัยชนะอยู่ในกำมือ
“ยังมีคดีติดตัวอยู่ นายอย่าทำตัวน่าเบื่อได้มั้ย ช่างเถอะ ถามนายไปก็คงไม่ได้คำตอบดีๆ หรอก เพื่อเป็นการตอบแทน ฉันเอาหลักฐานสำคัญของคดีนายมาไว้อยู่ในมือแล้ว” พูดถึงตรงนี้เธอก็ยื่นมือไปหยิบออกมาจากกระเป๋า เป็นเครื่องบันทึกเสียงที่บันทึกเสียงคำสารภาพจากปากของซานหุ่นว่าเขาบงการเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่กะพริบตา จากนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชา “นี่ถือว่าเป็นสิ่งตอบแทนได้ยังไงกัน เธอดำเนินคดีแทนฉัน ฉันจ่ายเงินให้เธอ นั่นเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ”
พอกู้ฮอนได้ยินก็โกรธ “นี่ นายยังมีมนุษยธรรมอยู่มั้ยเนี่ย สถานการณ์เมื่อกี้นายก็เห็นแล้ว ฉันลงทุนไปทุกอย่าง ถึงได้สิ่งนี้มา”
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว หันไปหากู้ฮอนแล้วพูด “อย่างเธอเรียกว่าทำเกินกำลังตัวเอง ไม่คิดให้รอบคอบแม้แต่ผู้ช่วยก็ไม่บอกไม่กล่าว ถ้าหากวันนี้ฉันมาช้าไปก้าวนึง อยากจะรู้ว่าเธอจะจัดการยังไงกับสถานการณ์นี้”
ทันใดนั้นกู้ฮอนก็โดนเขาตอกกลับมาจนพูดไม่ออก ก็จริง ที่เธอทำไปตอนนี้มาคิดๆ ดูก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน
เธอเบะปาก จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ฉิงฮัวขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของกู้ฮอน “ถึงบ้านแล้วครับ”
กู้ฮอนเปิดประตูแล้วลงจากรถ
เป่หมิงโม่ไม่ได้เขาไปกับเธอเพื่อดูเด็กๆ พูดแค่ว่า “ล็อกประตูให้ดี”
จากนั้นก็สั่งให้ฉิงฮัวขับรถออกไป
*
ซานหุ่นพาพรรคพวกของเขา ออกมาจากบาร์อย่างหน้าเจื่อนๆ เขาหันหน้ากลับไปมอง แล้วถุยเลือดในปากเขาออกมาอย่างน่าขยะแขยง “เป่หมิงโม่ แกคอยดู ยังมีคนชื่อเสี่ยวฉันอีกคน ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่”
ขณะนั้นเสี่ยวเช่นก็แสยะยิ้มแล้วเดินมาด้านหน้าของซานหุ่น “อะไรที่เรียกว่าตัณหาจะทำให้ไม่ระวังตัว ตอนนี้นายเข้าใจแล้วใช่มั้ย ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนไหนๆ นายก็จะแตะต้องได้หรอกนะ”
ซานหุ่นมองเสี่ยวเช่นอย่างเย็นชา ไม่พูดอะไรมาก ก็หิ้วเธอพาดไว้บนบ่า
เสี่ยวเช่นตกใจแล้วตีหลงเขาอย่างแรง “เฮ้ย ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนก่อเรื่องไม่ใช่ฉันนะ รีบวางฉันลงนะ!นายบ้าไปแล้วเหรอ ฉันเป็นคนของบรรณาธิการนะ!”
ซานหุ่นไม่ฟังที่เธอพูด ยื่นมือออกไปตีที่ก้นเธอ “ฉันไม่สนว่าเธอจะเป็นคนของใคร วันนี้ฉันจะเอาเธอไประบายอารมณ์!”
พูดไป พลางเดินไปทางรถ เปิดประตูแล้วโยนเธอเข้าไปด้านใน
จากนั้นตัวเองก็เข้ามานั่งฝั่งคนขับ แล้วสตาร์ทรถ “อีกสองวัน ฉันก็จะเป็นคนดีเด่นในบริษัท ถึงแม้จะเป็นบรรณาธิการแก่นั่นก็ต้องทำดีกับฉัน เธออยู่กับฉันไม่ต้องกลัวเสียผลประโยชน์”
พูดจบ เขาก็สลัดคนอื่นทิ้ง แล้วก็ขับรถกลับบ้านของตัวเองไป
*
ฉิงฮัวพาเป่หมิงโม่กลับมาถึงบ้าน ที่ห้องนั่งเล่นว่างเปล่าไม่มีใครสักคน
“เจ้านาย เมื่อกี้เจ้านายยังทานข้าวไม่เสร็จ ให้ผมไปเรียกสาวใช้เตรียมอาหารมาให้ดีมั้ยครับ?”
เป่หมิงโม่ปัดมือ จากนั้นก็เดินเข้าห้องหนังสือไปคนเดียว
*
กู้ฮอนสงบสติอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นก็เข้าบ้านไป
“กู้ฮอน ดึกดื่นป่านนี้ทำไมเพิ่งกลับบ้าน? เธอไปทำอะไรมากันแน่? เธอยังไม่ได้กินข้าวสินะ เดี๋ยวฉันเอาอาหารไปอุ่นมาให้”
แอนนิพูดพลางหยิบกระเป๋าในมือเธอไป จากนั้นก็เข้าครัวไปอุ่นอาหารให้กู้ฮอน
เฉิงเฉิงกับหยางหยางหลับไปแล้ว กู้ฮอนก็ตามเข้าไปในห้องอาหาร นั่งลงบนเก้าอี้ ในที่สุดก็สามารถถอนหายใจได้
ไม่นาน แอนนิก็อุ่นอาหารเสร็จ “กู้ฮอน รีบกินเถอะ”
***
วันขึ้นศาลใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทนายหวังก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น เขาเข้าออฟฟิศมาแต่เช้า
เมื่อวานเขานั่งอ่านสำนวนทั้งวัน แล้วก็เปิดเอกสารประกอบคดีไปไม่น้อย
สุดท้ายเขาก็ยังไม่เจออะไร ที่จะสามารถนำมาชนะคดีนี้ได้
ที่ต่างจากเขาก็คือ กู้ฮอนวันนี้ที่ทำหน้าระรื่น
ข้อมูลที่อยากได้ก็อยู่ในมือแล้ว และก็ไม่จำเป็นต้องไปเป็นสายลับในบริษัทนั้นแล้ว พอนึกถึงไอ้แก่หัวล้านนั่น ก็รู้สึกขยะแขยงจริงๆ
หยินปู้ฝันเดินออกมาจากห้องทำงานของตน “เหอะๆ ดูเหมือนว่าเธอจะประสบความสำเร็จเมื่อวานนี้นี่?”
กู้ฮอนตบไปที่กระเป๋าของตัวเอง “นั่นมันแน่อยู่แล้ว อีกอย่างสิ่งที่ฉันได้มา มีผลกระทบอย่างมากต่อการพิจารณาคดี” เธอพูดพลางใช้หางตากวาดไปที่ทนายหวัง
ขณะนั้น สีหน้าเขาแย่ได้ขนาดไหน ก็แย่ขนาดนั้น
หยินปู้ฝันพยักหน้า “แบบนี้ เธอก็เอาข้อมูลให้ทนายหวังจัดการก็โอเคแล้ว ส่วนที่เหลือพวกเธอสองคนก็ช่วยกันจัดการเถอะ เดี๋ยวฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอกหน่อย”
กู้ฮอนหยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ทนายหวัง
“ทนายหวัง ฉันหวังว่าคุณจะใช้ประโยชน์จากหลักฐานชิ้นนี้ให้ได้มากที่สุด”
ทนายหวังถือเครื่องบันทึกเสียงนี้ไว้ ราวกับกู้ฮอนกำลังดูถูกเขา
*
ดึกมากๆ ซานหุ่นถึงจะพาเสี่ยวเช่นไปที่บริษัทบันเทิงแห่งใหม่
พอเข้ามาก็เห็นบรรณาธิการยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขา สีหน้าจริงจัง
เสี่ยวเช่นก้มหน้าลงอย่างอาย แล้วไปหลบอยู่หลังซานหุ่น
บรรณาธิการเห็นพวกเขาก็โกรธจัด “เมื่อคืนพวกนายไปทำอะไรกันมา? ”
ซานหุ่นที่เคี้ยวหมากฝรั่งอยู่เอียงคอ มองดูไอ้แก่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาแล้วยิ้มอ่อน “บรรณาธิการเฉียน นอกเหนือจากเรื่องงาน ผมคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกคุณนะ”
พูดพลาง ยื่นมือไปคว้ามือของเสี่ยวเช่นที่อยู่ด้านหลัง
พอบรรณาธิการเฉียนเห็นอย่างนั้น ก็กัดฟันกรอด คนในบริษัทต่างรู้ดีว่าเสี่ยวเช่นคือคนของเขา คิดไม่ถึงว่าซานหุ่น จะกล้ามาคุยโวต่อหน้าเขา
ถ้าไม่ใช่ว่ามันเป็นคนสำคัญในตอนนี้ มันคงโดนเขาเก็บไปนานแล้ว
เขาถอนหายใจหนักๆ ไปทีก่อนจะเอ่ยปากพูด “เรื่องตอนกลางคืนของนายกับหล่อน ฉันไม่สนใจที่จะรู้ ฉันแค่ถามว่านายเลิกงานแล้วไปทำอะไรมา อีกอย่าง เสี่ยวฉันนั่นไปไหนแล้ว ทำไมวันนี้ถึงไม่มา?”
พอพูดถึงเสี่ยวฉัน ซานหุ่นก็โมโหขึ้นมา ยกมือขึ้นมาลูบไปที่รอยที่โดนเป่หมิงโม่ต่อยมาเมื่อวาน
“ฉันคิดว่า หล่อนคงไม่กล้ามาแล้วแหละ เมื่อวานฉันพาหล่อนไปบาร์มา คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะเป็นผู้หญิงของเป่หมิงโม่”
บรรณาธิการเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “นายว่าอะไรนะ หล่อนเป็นคนของเป่หมิงโม่ งั้นที่หล่อนมาที่ทำไม?”
ซานหุ่นปล่อยมือของเสี่ยวเช่น แล้วมานั่งตรงที่นั่งของตน “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?”
บรรณาธิการเฉียนพูดตามหลังเขาไป “นายไม่ได้พูดอะไรกับเธอไปใช่มั้ย?”
ซานหุ่นเงยหน้ามองบรรณาธิการเฉียน ด้วยท่าทางขี้เกียจ “พวกเราดื่มกันเข้าไปตั้งเยอะจะรู้ได้ไงว่าพูดอะไรออกไปบ้าง”
บรรณาธิการเฉียนเห็นว่าจะถามอะไรจากปากของเขาไม่ได้แล้ว เขาจึงโมโหแล้วเดินเข้าห้องไป แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เรื่องนี้ทั้งใหญ่แล้วก็เล็ก เป่หมิงโม่ส่งคนเข้ามาที่นี่ คงต้องมีแผนแน่ๆ
โทรไปหาเจ้าของ ปรึกษาดูหน่อยว่ามีวิธีการรับมือไว้มั้ย
“ฮัลโหล นายโทรมามีเรื่องอะไร?” ผู้ชายสวมหมวกเบสบอลรับโทรศัพท์
บรรณาธิการเฉียนพูดอย่างอึดอัด “แย่แล้ว เป่หมิงโม่ส่งคนเข้ามาในบริษัทเรา คนของผมไม่รู้เรื่องไปดื่มเหล้ากับหล่อน ไม่รู้ว่าพวกมันได้หลุดปากเรื่องอะไรไปมั้ย”
***
พอชายสวมหมวกเบสบอลได้ยินก็โมโห เขาลุกขึ้นยืนทันที “พวกนายทำงานกันยังไง กระทั่งคนที่เข้ามาทำงานก็ไม่เช็คดูให้ดี ก็กล้ารับเข้ามา!”
“เอ่อ….. คุณเจ้าของกรุณาใจเย็นก่อน ที่พวกเราทำแบบนี้ ก็เพราะว่าคนน้อย คนไม่พอจริงๆ ” เหล่าเฉียนสีหน้าไม่ดีแล้วพูดไม่ออก
ที่จริงแล้ว ครั้งแรกที่เห็นกู้ฮอน หัวใจที่ผลิบานของเขาเริ่มเคลื่อนไหวไปมา
ความเจ้าชู้ของเขาจะกล้าพูดกับเจ้าของได้ยังไง งั้นไม่ใช่หาเรื่องตายหรอกเหรอ
สิ่งที่ทำให้เขายิ่งพูดไม่ออกก็คือ คนของเขาก็ใจคดและคดโกงด้วยเช่นกัน
ซานหุ่นคนนี้ ผู้หญิงมาก่อน ดื่มไปไม่กี่แก้วปากก็ไม่มีหูรูด
ชายสวมหมวกเบสบอลขมวดคิ้ว ถึงยังไงเรื่องก็เกิดไปแล้ว ในขณะที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้หลักฐานไปละเอียดหรือมากน้อยขนาดไหน ก็ต้องคิดวิธีรับมือไว้ทุกทาง
หลังจากที่เขาคิดอยู่พักหนึ่ง ก็พูดกับเหล่าเฉียนที่ฟังอยู่ปลายสายอีกไม่กี่ประโยค
เหล่าเฉียนฟังจบก็ขมวดคิ้ว “คุณเจ้าของ ทำแบบนี้จะใช้คนมากไปมั้ย?”
ชายสวมหมวกเบสบอลเริ่มโกรธ “นายจะไปเข้าใจอะไร แค่ทำตามที่ฉันบอกก็โอเคแล้ว อย่างอื่นที่ไม่ควรถามก็ไม่ต้องถาม!” พูดจบเขาก็วางสายไป
จริงๆ เลย พวกไม่ได้เรื่อง เรื่องนี้ยังจัดการไม่เรียบร้อย เรื่องอื่นก็โผล่มาแล้ว
ชายสวมหมวกเบสบอลยกมือขึ้นมาดูนาฬิกา ตอนนี้เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องไปทำ นั่นก็คือตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างกู้ฮอนกับลู่ลู่
จากนั้น เขาก็ของจากห้องมา แล้วก็ขับรถอาวดี้คันสีขาวของเขาหายเข้าไปในเมือง
*
ทนายหวังถือเครื่องบันทึกเสียงของกู้ฮอนอยู่ รับไม่ได้จริงๆ มีสิทธิ์อะไรมาทำให้คนที่เป็นทนายเต็มตัวอย่างเขายอมรับว่าความสามารถด้อยกว่าผู้ช่วยคนนึง
เขาเสียบหูฟังเข้าเครื่องบันทึกเสียง แล้วเริ่มฟังเนื้อหาอย่างละเอียด ฟังถึงตอนท้าย เขาก็ขมวดคิ้ว ไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้
เขาเงยหน้าขึ้นมองภายในออฟฟิศอย่างระมัดระวัง
ขณะนั้น ทุกคนได้ออกไปทำงานข้างนอกกันหมด มีแค่หยินปู้ฝันที่อยู่ในออฟฟิศของตน และกู้ฮอนที่อยู่ห่างจากเขาไม่ใกล้นัก
จากนั้นเขาก็หยิบเครื่องบันทึกเสียงของตนออกมา แล้วรีบก๊อบปี้เนื้อหาลงเครื่องบันทึกเสียงของตัวเอง อย่างระมัดระวัง
ต่อมา เขาก็เปิดลิ้นชัก หยิบไขควงที่มีไว้สำหรับไขนอตขาแว่นขึ้นมา จากนั้นก็ไขนอตของเครื่องบันทึกเสียงอย่างเงียบๆ ไม่นานก็เปิดออก
ทนายหวังเงยหน้าขึ้นอีกครั้งมองเห็นกู้ฮอนก้มหน้าก้มตาจัดแจงเอกสาร จากนั้นก็แสยะยิ้ม ไม่มีสิ่งนี้แล้ว มาดูกันว่าหยินปู้ฝันจะสนับสนุนแกได้ยังไง
คิดถึงตรงนี้ เขาก็ก้มหน้าแล้วเริ่มลงมือ จากนั้นก็ไขนอตเข้าไปใหม่ แล้ววางมันลงด้านข้าง
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ทนายหวังก็ทำทีเป็นเก็บของลงแฟ้มเอกสารของตัวเอง
เขาถือเครื่องบันทึกเสียงที่ดัดแปลงแล้ว ไปหากู้ฮอน
“อ่ะ ฉันมีงานต้องออกไปทำ อันนี้ฉันกลับมาค่อยมาฟัง” ชักสีหน้าพูดจบก็ออกจากสำนักงานไป
กู้ฮอนกำลังใช้สมาธิคัดแยกเอกสารที่จะใช้ในศาล รับเครื่องบันทึกเสียงมาก็ยัดมันลงไปในกระเป๋าอย่างลวกๆ
หลังจากที่ทนายหวังลงบันไดไป ยกมือขึ้นมาโบกรถแท็กซี่ หลังจากขึ้นรถก็หยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาเขียนที่อยู่ให้คนขับรถ จากนั้นก็พูด “ไปส่งฉันที่นี่”
***
คนขับรถรับมาแล้วดูอยู่ครู่ จากนั้นก็โยนออกนอกหน้าต่างรถไป
รถก็ได้ขับออกไป
หลังจากรถที่ทนายหวังนั่งมาขับออกไป ก็มีคนมาปรากฏตัวที่ที่พวกเขาจอดรถ เขาก้มลงหยิบกระดาษที่คนขับรถโยนทิ้งไป
แล้วดูที่อยู่บนนั้น แล้วขมวดคิ้ว
*
ไม่นาน รถแท็กซี่มาถึงอาคารสำนักงานซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทบันเทิงแห่งใหม่ แต่ว่าเขาไม่ได้จอดรถ แต่ค่อยๆ อ้อมไปจอดลงที่ด้านข้างตึกที่เขาเขียนบอก
ทนายหวังหยิบกระเป๋าของตนลงจากรถ ทันใดนั้นเขาก็หยิบหมวกเบสบอลออกมาสวม เขากดปีกหมวกให้ต่ำมาก จากนั้นให้สวมแว่นกันแดดที่สามารถปกปิดใบหน้าได้ครึ่งหนึ่ง