เทพปีศาจผงาดฟ้า – ตอนที่ 75

ตอนที่ 75

ตอนที่ 75 ทำลาย!

หลงเฉินลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินหันหลังจากไปโดยมิเหลียวกลับมามองอีก เขาเดินตรงไปยังกำแพงใสที่ปกคลุมทั่วทั้งบริเวณอยู่..

หลงเฉินโยนหินเข้าใส่กำแพงใสเพื่อทดสอบ หินกระแทกเข้ากับบางสิ่งบางอย่างและตกลงมาบนพื้นดิน มิสามารถพุ่งทะลุออกไปได้ เมื่อพบว่ามิสามารถทะลุผ่านกำแพงใสที่ครอบอยู่นี้ไปได้แน่ หลงเฉินจึงเหลียวกลับมามองเหล่าทหารที่พากันรายล้อมอยู่แทน และแล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่คนผู้หนึ่ง

“เจ้า! มาตรงนี้!”

ทหารผู้นั้นถึงกับเข่าทรุดลงไปกองกับพื้นทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งของหลงเฉิน..

“ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด!! ข้า.. ข้ายังมีลูกเล็กที่รอคอยให้ข้ากลับไปหา!” ทหารนายนั้นถึงกับตัวแข็งและร่ำไห้ออกมา ในขณะเดียวกันก็จ้องมองหลงเฉินด้วยแววตาอ้อนวอน

“อย่าได้ตื่นตระหนกไป ข้ามิได้ต้องการสังหารเจ้า! หากข้าต้องการทำเช่นนั้นจริง ข้าคงมิต้องสั่งให้เจ้ามาหาข้าเป็นแน่ ข้าย่อมสังหารเจ้าได้จากตรงนี้! เจ้าเข้ามาหาข้า..”

หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับถอนหายใจออกมากับคำพูดที่ชวนหงุดหงิดใจของทหารผู้นั้น..

เมื่อได้ยินหลงเฉินสั่งอีกครั้ง เขาจึงได้แต่ลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาหลงเฉินด้วยข้าที่สั่นระริก..

“เจ้ารู้จักกำแพงใสที่ครอบอยู่นี้บ้างหรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถาม

“นี่คือปราการคุ้มครองจักรวรรดิ จักใช้ก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นเท่านั้น อย่างเช่นถูกศัตรูที่แข็งแกร่งกว่ารุกราน พวกเราจึงจำเป็นต้องสะกัดพวกมันไว้ก่อนเพื่อให้มีเวลาได้เตรียมตัว..” ทหารผู้นั้นรีบตอบหลงเฉินกลับทันที

“งั้นรึ.. น่าสนใจมากทีเดียว เจ้าเล่าต่อ!” หลงเฉินสั่งพร้อมกับเหลือบมองทหารผู้นั้น

“แต่.. แต่จักใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งในรอบพันปีเท่านั้น เพราะปราการนี้จักต้องใช้พลังจำนวนมหาศาล และต้องใช้เวลาสะสมนานนับพันปีเลยทีเดียว เมื่อปราการนี้ถูกเปิดใช้แล้ว มันจะคงอยู่เช่นนี้เป็นเวลาเจ็ดวัน แม้แต่จักรพรรดิแห่งเหล่าอสูรกายก็มิอาจพังปราการนี้เข้ามาได้..”

“เจ็ดวันเชียวรึ!! …นี่ข้าจักต้องเสียเวลาอยู่ในนี้ถึงเจ็ดวัน ข้ามิอยากอยู่ในที่นี้ต่ออีกแม้แต่ชั่วอึดใจเดียว ราชินีของพวกเจ้ากล่าวหาข้าเป็นขโมย ทำให้ชื่อเสียงของข้าเสื่อมเสียยิ่งนัก!”

หลงเฉินประกาศกร้าว และจงใจใช้พลังชี่เพื่อให้เสียงที่ตะโกนออกไปนั้นดังมากยิ่งขึ้น

เสียงร้องตะโกนของหลงเฉินได้ยินไปเข้าหูของผู้คน และจากนั้นพวกเขาต่างก็พากันกระซิบกระซาบ..

“นี่คือความจริง?? นี่องค์ราชินีกล่าวหาเขางั้นรึ?” หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น

“นั่นน่ะสิ!! ข้าเห็นองค์ราชินีสั่งให้เขาคืนสิ่งของบางอย่างให้กับพระองค์ และเป็นฝ่ายทำร้ายเขาก่อน มิว่าผู้ใด.. หากถูกกล่าวหาและทำร้ายเช่นนั้น ก็คงต้องตอบโต้เหมือนอย่างที่มนุษย์ผู้นี้ทำ! ต่อให้เป็นท่านปรมาจารย์เทียนเฉินที่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน ก็คงต้องขุ่นเคืองเช่นกันหากมีผู้ใดกล่าวหาเขาเยี่ยงนี้..” อีกคนกระซิบตอบ

“นั่นสินะ! มิมีเหตุผลใดที่เขาจักต้องกล่าวคำเท็จ เขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากต้องการสิ่งใดย่อมสามารถใช้ความแข็งแกร่งแย่งชิงไปได้โดยง่าย คงจักมิต้องใช้วิธีการที่น่าอับอายอย่างการขโมยเช่นนี้!” หญิงสาวนางหนึ่งกระซิบต่อ

หลงเฉินยืนฟังผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา แต่เมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของนาง ก็ถึงกับหน้าแดงพร้อมกับกระแอมออกมาด้วยความเก้อเขิน

“ฮ่าๆๆๆ ข้าบอกให้เจ้าเลือกวิธีการที่กล้าหาญ แต่เจ้ากลับเลือกวิธีการที่น่าอับอาย!!”

ซุนหัวเราะออกมาเสียงดัง นางกระเถิบเข้าไปใกล้หลงเฉิน แต่มีผู้ใดมองเห็น และนางยังคงหัวเราะเสียงใสเช่นนั้นไม่หยุด

“เจ้าไปได้แล้ว!” หลงเฉินสั่งทหารนายนั้น และคร้านที่จะใส่ใจกับเสียงหัวเราะคิกคักของซุน

หลงเฉินก้าวถอยหลังไปเพียงสองสามก้าว และอยู่ในท่าพร้อมจู่โจม..

“เพลงดาบยอดเซียนเจ็ดกระบวน, วิถีที่หนึ่ง คลื่นชำระ!!”

หลงเฉินใช้วรยุทธต่อสู้ของตนทะลายปราการขวางกั้น และทันทีที่พลังโจมตีกระทบเข้ากับปราการนั้น กลับมิมีสิ่งใดเกิดขึ้น ปราการใสยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม มิมีแม้แต่รอยขีดข่วนปรากฏให้เห็น

“ปราการนี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”

หลงเฉินพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ปราการใสซึ่งยังคงมีสภาพดังเดิมมิเปลี่ยนแปลง..

‘อยากจะรู้นักว่าพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า จักสามารถทะลายปรากการนี้ได้หรือไม่? หากยังมิสามารถทำลายได้ ข้าก็จักรอคอยอยู่ในเผ่าอีกเจ็ดวัน’ หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจ และเตรียมพร้อมที่จะจู่โจมอีกครา

“เพลงดาบยอดเซียนเจ็ดกระบวน วิถีที่สี่ – คลื่นวินาศ!“

หลงเฉินตัดสินใจใช้พลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตนในเวลานี้ดู..

แสงสว่างโค้งที่อัดแน่นด้วยปราณดาบพุ่งตรงเข้าใส่ปราการใส และด้วยพลังเยือกเย็นนั้น มิว่ากระทบเข้ากับสิ่งมีชีวิตใดๆ สิ่งมีชีวิตนั้นย่อมต้องแหลกสลายไปสิ้น

ทันทีที่แสงสว่างโค้งปะทะเข้ากับปราการใส แม้ปราการนั้นจักมิแตกสลาย แต่หลงเฉินก็ถึงกับยิ้มออกมาอย่างพอใจ เมื่อพบว่ารอยร้าวบางๆได้ปรากฏขึ้นที่จุดกระทบ

“นึกว่าจักแข็งแกร่งสักปานใด? อยากจะรู้นักว่าจะทานทนได้นานเท่าใด?”

หลงเฉินพึมพำออกมา ก่อนจะใช้กระบวนท่าเดิมพุ่งเข้าใส่ปราการใสในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง และแล้วรอยร้าวบางๆนั้นดูเหมือนจะขยายเพิ่มมากขึ้น หลงเฉินคาดว่าหากเขาใช้พลังโจมตีในระดับเดียวกันนี้ โจมตีในจุดเดิมอีกเพียงแค่สองสามครั้ง ปราการนี้ก็จักทะลายลงในทันที

‘อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้าก็จักสามารถออกไปจากที่นี่ได้!’ หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจ และเริ่มโจมตีปราการใสต่อไป

“เพลงดาบยอดเซียนเจ็ดกระบวน วิถีที่สี่ – คลื่นวินาศ!“

หลงเฉินใช้พลังโจมตีเข้าใส่ปราการใสในจุดเดิมอีกครั้ง ดูเหมือนปราการใสเองก็พยายามที่จะต้านทานพลังโจมตีของเขาอย่างสุดความสามารถเช่นกัน แต่เพียงแค่ห้าอึดใจเท่านั้น ปราการใสก็ได้แตกสลาย เศษแก้วกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่แสงสว่างโค้งยังคงมิหยุดชะงัก กลับพุ่งทะลุออกไปปะทะกับต้นไม้ด้านหน้า ทำให้ต้นไม้ที่ขวางทางอยู่ทั้งหมดสูญสลายหายไปในพริบตา

“หึ.. ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ!”

หลงเฉินพึมพำกับตัวเอง แววตาเป็นประกายระยิบระยับด้วยความสุข ขณะที่หลงเฉินเดินตรงไปยังทางออกนั้น กลับเป็นการกระทำที่สวนทางกับความรู้สึกของผู้คน

หลงเฉินขึ้นไปนั่งบนหลังม้าเอลเฟียที่เซี่ยกับเทอร่าทิ้งไว้ให้เป็นของขวัญ และนั่นจักทำให้เขาสามารถเดินทางกลับเผ่าเอลเฟียได้อย่างสะดวกและง่ายดาย

‘เมื่อครั้งที่เจ้ามอบม้านี่ให้กับข้า เจ้าเอ่ยว่ามิมีสิ่งล้ำค่าจักมอบให้ แต่กลับกลายเป็นว่าม้านี้ช่างเป็นของขวัญที่มีประโยชน์ต่อข้ายิ่งนัก!’

หลงเฉินยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดของเซี่ยที่ได้มอบม้าให้กับตนเป็นของขวัญ ก่อนที่จะเดินทางกลับไปยังเผ่าเอลเฟีย

หลงเฉินควบม้าเอลเฟียออกไปอย่างรวดเร็วเท่าที่จะสามารถทำได้ ไม่นานนักม้าเอลเฟียก็ได้นำหลงเฉินออกจากเผ่าแบนชี จากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่ความสงบดังเดิม

ทหารองค์รักษ์ส่วนหนึ่งได้ไปตามหมอหลวงมาดูอาการขององค์ราชินี แม้ว่ามือทั้งสองข้างของนางจักมิสามารถรักษาได้ แต่อย่างน้อยก็จักสามารถระงับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้..

…..

ราวหนึ่งชั่วยามก่อนที่จะเกิดการต่อสู้ขึ้นในเผ่าแบนชี และตามมาด้วยเสียงระเบิดนั้น อสูรกายตนหนึ่งได้ซ่อนตัวอยู่ในป่าซึ่งอยู่ห่างจากเผ่าแบนชีมาก ร่างของมันคล้ายกับลิงกอริลล่า แต่มีขนสีเขียว และมีเขาข้างหนึ่งงอกออกมากลางหน้าผาก อสูรกายที่เฝ้าจับตาการปรากฏตัวขึ้นของหลงเฉินในเผ่าแบนชี และได้คอยรายงานกลับไปที่เผ่าอสูรกายนี้ก็คือ.. ขุนพลเบกค์

“นี่..!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?! เหตุใดจู่ๆเผ่าแบนชีจึงเปิดใช้ปราการป้องกัน หรือพวกมันจักรู้ว่าข้าแอบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แต่มิน่าใช่.. พวกมันมิควรเปิดใช้ปราการสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้!” ขุนพลเบกค์จ้องมองไปยังปราการใส พร้อมกับพึมพำออกมา

“อะไรนะ…?! เหตุใดจู่ๆจึงแตกสลายเช่นนั้นได้ เท่าที่ข้ารู้ปราการนี้น่าจักต้องปรากฏเป็นเวลาเจ็ดวันมิใช่รึ?! นี่มันเกิดอะไรขึ้นแน่?!”

ขุนพลเบกค์ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆค่ายกลที่แข็งแกร่งก็แตกละเอียดเช่นนั้น!

แต่ไม่กี่อึดใจต่อมา.. ขุนพลเบกค์ก็ถึงกับตกใจเมื่อเห็นหลงเฉินควบม้าออกมาจากเผ่าแบนชีอย่างรวดเร็ว จากนั้นขุนพลเบกค์กับลูกน้องก็ได้แอบติดตามหลงเฉินไปห่างๆ

เทพปีศาจผงาดฟ้า

เทพปีศาจผงาดฟ้า

Status: Ongoing

เทพปีศาจผงาดฟ้า เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท