เทพปีศาจผงาดฟ้า – ตอนที่ 78

ตอนที่ 78

ตอนที่ 78 มิใช่กฏแห่งการสังหาร

หลงเฉินมองเห็นร่างเปลือยเปล่าของเท็นช่าที่เอนกายพิงพนักเก้าอี้อยู่ ในขณะที่มีร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวชาวเอลเฟียผู้หนึ่งกำลังนั่งคร่อมอยู่บนตักของเขา และสะโพกของนางก็กำลังโยกขึ้นโยกลงอย่างเมามัน หลงเฉินรีบปิดสัมผัสเทวะของตนทันทีที่เห็นภาพลามกเช่นนั้น

จากนั้นจึงยกมือขึ้นเคาะประตูแทน..

“อะ.. อู้ว.. มีอะไร?”

เสียงพูดดังสลับกับเสียงหอบและเสียงครางออกมานอกห้อง..

“ข้าเอง.. ท่านยุ่งอยู่หรือไม่?” หลงเฉินจงใจถามออกไปเช่นนั้น

เสียงตึงตังดังออกมาจากด้านในห้องทันทีที่ได้ยินเสียงพูดของหลงเฉิน..

“ห๊ะ.. ท่านปรมาจารย์หลงเฉิน!! ท่าน.. อีกประเดี๋ยวข้าจะไปเปิดประตูให้ ทะ.. ท่านรอข้าประเดี๋ยว!” เสียงตอบระล้าระลังดังออกมาจากด้านใน

“เจ้ามิต้องรีบร้อน ข้าจักรออยู่หน้าห้อง..” หลงเฉินเอ่ยตอบ

ไม่นานนัก.. เท็นช่าซึ่งสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกมาเปิดประตู

“ดูท่าเจ้าคงจะรักการอ่านตำราเป็นยิ่งนักสินะ? ข้าเห็นเจ้ามักหมกตัวอยู่แต่ในห้องตำราเช่นนี้..” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้าแย้มยิ้มหลังจากที่เข้าไปในห้อง และกำลังเดินวนอยู่รอบๆ

“เอ่อ.. ใช่แล้ว! ข้าชื่นชอบการอ่านตำราเป็นยิ่งนัก ท่านคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า.. ตำราเป็นประตูสู่โลก ในขณะเดียวกันก็เป็นประตูออกจากโลกด้วย ฮ่าๆๆๆ” เท็นช่าเอ่ยตอบพร้อมกับแสร้งทำเป็นหัวเราะด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก

“นั่นสิ.. แล้วแม่นางนั่นกำลังพาท่านออกจากโลกด้วยหรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางสาวใช้ ที่กำลังทำความสะอาดปัดฝุ่นตำราในห้องอยู่

“อ่อ.. นาง.. นางเพิ่งจะเข้ามาเก็บกวาดทำความสะอาดห้องนี้” เท็นช่าเอ่ยตอบทันที

“นางทำความสะอาดอันใดกัน? เวลานี้ข้าเห็นนางกำลังปัดฝุ่นในส่วนที่ดูเหมือนจะผ่านการเก็บกวาดมาก่อนหน้าแล้ว?”

หลงเฉินยกมือขึ้นชี้ไปทางหญิงสาว พร้อมกับแสร้งหยอกเย้าชายที่มีสีหน้าตื่นตระหนก และพยายามที่จะปิดปังกามกิจของตนเองก่อนหน้านี้

แต่ก่อนที่เท็นช่าจะหมดคำแก้ตัว และเรื่องลับภายในห้องเมื่อครู่จักถูกเปิดเผยนั้น หลงเฉินก็ได้พูดต่อว่า..

“เอาล่ะ.. ข้ามิมีเวลาที่จะมาพูดคุยสนุกกับเจ้า ข้ามาที่นี่เพื่อบอกกับเจ้าว่า ข้าจะเข้าไปในอารามฝึกวรยุทธบ่มเพาะสักระยะ ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนข้าภายในอารามโดยเด็ดขาด!” หลงเฉินออกคำสั่งพร้อมกับเดินออกจากห้องตำราไป

“ได้ๆ” เท็นช่ารีบตอบกลับโดยแทบมิต้องไตร่ตรอง

‘แต่เดี๋ยวก่อน.. ข้ามัวแต่ตื่นเต้นเกรงว่าเขาจะจับได้ว่าข้าทำสิ่งใดอยู่ในห้อง จนลืมถามไปว่าเหตุใดเขาจึงกลับมาที่นี่อีก เกิดอะไรขึ้นในเผ่าแบนชีกันแน่?’ เท็นช่านึกขึ้นมาได้จึงรีบวิ่งตามหลงเฉินไปทันที

“ท่านหลงเฉิน!!”

เท็นช่าร้องตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อพบว่าหลงเฉินเกือบจะเดินหายออกไปจากคฤหาสน์ของเขาแล้ว..

“อะไรรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“อภัยที่ข้าต้องรบกวนเวลาของท่าน ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่เผ่าแบนชีงั้นรึ ท่านจึงได้กลับมาเร็วเช่นนี้? ที่เผ่าแบนชีน่าจักโอ่อ่าสะดวกสบายกว่าเผ่าของเรามากนัก อีกทั้งยังมีสิ่งที่ท่านต้องการ มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นรึ?” คำถามมากมายพร่างพรูออกมาจากปากของเท็นช่า

“เหตุใดจึงดูเหมือนว่าท่านอยากจะให้ข้าอยู่ที่เผ่าแบนชีมากกว่าที่นี่?”

หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆ น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความนัยที่ซ่อนอยู่ในคำถามนั้น..

“เอ่อ.. หาใช่เช่นนั้นไม่! ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นที่เผ่าแบนชีเท่านั้น อีกทั้งเป็นท่านเองที่ต้องการไปที่นั่นมิใช่รึ?!” เท็นช่ารีบเปลี่ยนท่าที และตั้งคำถามใหม่อีกครั้ง

“มิมีเหตุอันใดทั้งสิ้น องค์ราชินีปฏิเสธคำขอของข้า นางมิยินยอมให้ข้าเข้าถึงลูกแก้ว อีกทั้งข้าเองก็มิได้ชื่นชอบที่นั่นด้วย และเริ่มคิดถึงเผ่าเอลเฟีย จึงได้ตัดสินใจกลับมาเรียนรู้กับลูกแก้วของเผ่าเจ้าแทนอย่างไรเล่า!” หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ

“ดูเหมือนท่านจงใจจะมิเล่ารายละเอียดให้ข้าฟัง แต่ข้าก็เข้าใจ! เชิญท่านไปที่อารามได้ ข้าจักสั่งทหารอารักขาเฝ้าไว้ และจักมิให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนท่านจนกว่าจะออกมา” เท็นช่าเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

“เจ้าช่างมีเหตุมีผลยิ่งกว่าราชินีนั่นนัก!” หลงเฉินเอ่ยตอบ และเดินจากไปทันที

‘เขาหมายความเช่นใดกันที่ว่า.. ข้ามีเหตุมีผลมากกว่าราชินีแห่งแบนชี?’ เท็นช่าแอบครุ่นคิด

เท็นช่าสั่งทหารให้ไปทำการอารักขาอยู่หน้าอาราม และห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปภายในอาราม ห้ามเข้าใกล้ หรือส่งเสียงดังโดยเด็ดขาด หลังจากที่เหล่าทหารขี่ม้าออกไปแล้ว เท็นช่าก็รีบออกจากคฤหาสน์ของตนเช่นกัน เขากำลังมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของรองหัวหน้าเผ่าซู

หลงเฉินเดินไปได้ไม่นานก็ถึงอาราม และพบว่าเหล่าทหารอารักขาที่ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าเผ่านั้น ได้ขี้ม้าเอลเฟียมาถึงและรออยู่หน้าอารามก่อนแล้ว หลังจาก้าวเข้าไปในอาราม หลงเฉินก็ปิดประตูทันที

“นี่ซูน!!” หลงเฉินเรียกซุนให้ออกมาพบ

“มีอะไรงั้นรึ?!” ซุนปรากฏตัวข้างเขาทันทีพร้อมกับเอ่ยถามออกมา

“ข้าเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก! ในเมื่อข้าคือผู้สืบสายเลือด ส่วนเจ้าก็เป็นวิญญาณนำทางของข้า แม้เจ้าจักไม่สามารถล่วงรู้ความคิดของข้าได้ เว้นแต่ว่าจงใจบอกเล่าให้เจ้าฟัง แต่เจ้าย่อมมองเห็นหรือได้ยิน เหมือนเช่นที่ข้าได้เห็นและได้ยินใช่หรือไม่?” หลงเฉินจ้องมองซุนพร้อมกับเอ่ยถาม

“ถูกต้อง! ข้าย่อมเห็นในสิ่งที่เจ้าเห็น และได้ยินในสิ่งที่เจ้าได้ยิน”

ซุนเอ่ยตอบไปตามความจริง ในขณะที่ศรีษะของนางก็พยักขึ้นๆลงๆอยู่เช่นนั้น

“เช่นนั้น.. เจ้าย่อมเห็นในสิ่งที่ข้าเห็นเมื่อครู่แล้วใช่หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับจ้องมองซุน

“ข้าย่อมเห็นทุกสิ่งที่เจ้าเห็น เจ้าต้องการบอกสิ่งใดกับข้ากันแน่?” ซุนเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง

“ก็สิ่งที่ข้าเห็นจากสัมผัสเทวะอย่างไรเล่า..” หลงเฉินเอ่ยตอบ

“อืมม.. ข้าย่อมเห็น มีอะไรงั้นรึ?” นางยังคงถามด้วยสีหน้างุนงง

“เจ้าสามารถปิดสัมผัสการรับรู้ของเจ้าเมื่อต้องการ เพื่อมิให้เห็นสิ่งภายนอกได้ใช่หรือไม่?” หลงเฉินยังคงถามต่อ

“ถูกต้อง.. ข้าย่อมทำเช่นนั้นได้ เพียงแต่ข้ามิได้ใช้เพราะไม่ชอบความรู้สึกเช่นนั้น” ซุนเอ่ยตอบซื่อๆ

“เจ้าควรต้องทำหัดทำในบางเวลา อย่างเช่นเวลาที่ข้าทำเรื่องส่วนตัว เจ้ายังเด็กเกินไปนัก มิควรต้องรู้เห็นเรื่องอะไรเช่นนี้!” หลงเฉินตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“งั้นรึ? อย่างเช่นเรื่องที่เจ้าทำตอนซ้อนท้ายอยู่บนหลังม้ากับหญิงเผ่าเอลเฟียงั้นรึ?” ซุนเอ่ยถามยิ้มๆ

“อะแฮ่ม.. นั่น.. นั่นเป็นเพียงแค่ปฏิกิริยาทางร่างกายเท่านั้น หาได้มีอะไรลามากหยาบโลนเหมือนที่เราเห็นก่อนหน้านี้ไม่!” หลงเฉินกระแอมพร้อมตอบกลับด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และน้ำเสียงจริงจัง

“นี่เจ้าหนู.. อย่าได้กังวลใจไปนัก! แม้นข้าจักดูอ่อนเยาว์ แต่ความจริงมีอายุมากแล้ว สิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมดนั้น ข้าพบเห็นมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ข้าเคยเห็นเทียนเฉินทำเช่นนั้นกับหญิงที่นางหลงรักมานับร้อยๆครั้ง แต่น่าเสียดายที่…” ซุนเล่าเพียงแค่นั้นแล้วก็หยุดชะงักไปกลางคัน

“ห๊ะ? เจ้ามีอายุแล้ว แต่กลับแอบดูหนุ่มสาวมีอะไรกันนี่นะ?! นี่เจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยรึ? มิหนำซ้ำยังกล่าวหาข้าไร้ยางอายที่ใช้วิธีขโมยลูกแก้ว! ฮ่าๆๆๆ” หลงเฉินได้แต่หัวเราะออกมาเสียงดัง

“เจ้ามิอาจหาคำใดมาแก้ตัวได้แล้ว! ในเมื่อเจ้าเป็นผู้บอกกับข้าเองว่า เจ้าสามารถปิดสัมผัสการรับรู้ได้ แต่กลับแอบดูเทียนเฉินมีอะไรกับคนรักของเขานับครั้งไม่ถ้วน..” หลงเฉินกล่าวยิ้มๆ

“นี่เจ้า!!” ครั้งนี้เป็นซุนที่หน้าแดงก่ำ และพยายามที่จะหาคำมาโต้เถียง

“เอาเถิด.. มิจำเป็นที่เจ้าจักต้องแก้ตัวใดๆอีก เพราะข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าหน้าไม่อาย.. ว่าแต่เวลานี้เจ้าอายุเท่าใดกันแน่?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้น

“เรื่องนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ รู้เพียงแค่ว่าข้าแก่กว่าเจ้าก็พอ!” นางตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เดือดดาล

“นี่.. เจ้าอย่าโมโหไปเลย ข้าแค่หยอกเย้าเจ้าเล่นเท่านั้น! ว่าแต่เจ้าพอจะบอกวิธีร่ำเรียนเรื่องกฏที่ว่านี้ให้ข้าฟังได้หรือไม่? เวลานี้ลูกแก้วกฏแห่งการสังหารก็อยู่ตรงหน้าข้าแล้ว..”

หลงเฉินเปลี่ยนเรื่องทันที พร้อมกับนำลูกแก้วใสออกมาจากแหวนบรรจุของตน..

“นั่นเป็นเรื่องที่ข้าต้องการจะบอกเจ้าตั้งแต่เมื่อครั้งที่อยู่เผ่าแบนชี แต่เป็นเจ้าที่ห้ามปรามข้าไว้ และบอกให้กลับออกไปก่อน!!” ซุนเอ่ยตอบด้วยใบหน้าที่ยังคงแดงก่ำ

“เวลานั้นควรต้องรีบหนีออกมาก่อนมิใช่รึ? หากชักช้าคงต้องมีผู้มาพบเห็นว่าลูกแก้วถูกขโมยไปแล้วเป็นแน่ เอาล่ะ.. เวลานี้เจ้าบอกข้ามาได้แล้วว่าครานั้นเจ้าต้องการบอกสิ่งใดกับข้า?” หลงเฉินตอบกลับไป

“ข้าก็จักบอกว่า.. นั่นหาใช่ลูกแก้วกฏแห่งการสังหารไม่น่ะสิ!!” ซุนเอ่ยตอบด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ

เทพปีศาจผงาดฟ้า

เทพปีศาจผงาดฟ้า

Status: Ongoing

เทพปีศาจผงาดฟ้า เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท