ตอนที่ 734 เป่หมิงเอ้อจะเดินดูหน่อย
แอนนิเห็นกู้ฮอนกลับมาแล้ว ใจที่หนักอึ้งก็สามารถวางลงได้บ้าง: “กู้ฮอน ตอนนี้เธออยู่ที่นี่เป็นเพื่อนจิ่วจิ่วก่อนนะ ฉันลงไปเตรียมอาหารก่อน”
กู้ฮอนพยักหน้า จากนั้นก็พูดกับแอนนิ: “วันนี้คงต้องลำบากเธอแล้ว นอกจากคุณท่านนายเป่หมิงแล้ว ยังมีเป่หมิงโม่แล้วก็ฉิงฮัวด้วย”
“คุณพ่อก็มาเหรอ?” หยางหยางผิดคาดเล็กน้อย
“นั่นสิ เขามาได้ยังไง? หรือว่าพวกเรามีพิรุธอะไร” แอนนิกระวนกระวาย
เพื่อที่จะปกป้องจิ่วจิ่ว หลังจากที่พวกเธอย้ายมาที่นี่ ก็พาเธอออกไปข้างนอกน้อยมาก ส่วนมากจะอยู่แต่ในบ้าน
ในบ้านนี้ที่เดียวที่จะได้รับอากาศบริสุทธิ์ รับแสงแดดได้ก็มีแต่ห้องใต้หลังคานี่แหละ
“ไม่ได้เป็นแบบที่เธอคิด เดี๋ยวพอพวกเขากลับไปแล้วฉันจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียด”
“มะม๊า ด้านล่างคือใครหยอ เมื่อไหร่จิ่วจิ่วจะได้ลงไปเล่นกับพี่เฉิงเฉิงง่า?” จิ่วจิ่วหลบอยู่ด้านบนมานานแล้ว เริ่มจะทนไม่ไหว
กู้ฮอนจะไม่เข้าใจได้ยังไง แต่ว่าตอนนี้ประเด็นคือ จะโผล่หน้าออกไปตอนนี้ได้ยังไง
เธอลูบหัวจิ่วจิ่วอย่างเบามือ: “เด็กน้อย คนข้างล่างหนูจะเจอไม่ได้นะ ไม่งั้นต่อไปหนูคงไม่ได้เจอมะม๊าแล้ว”
จิ่วจิ่วเอียงคอ ทำตาแป๋ว เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเข้าใจความหมาย: “มะม๊า พวกเขาน่ากลัวกว่าผีในห้องน้ำอีกหยอ?”
กู้ฮอนพยักหน้าแรงๆ : “เพราะงั้นหนูต้องเป็นเด็กดีรอมะม๊ากับพี่อยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวมะม๊าจะต้องพาหยางหยางลงไปด้วยกัน”
***
จิ่วจิ่วมองผู้เป็นแม่ เมื่อกี้เธออยู่ที่นี่คนเดียวมาสักพักแล้ว
แต่ก่อนมีแต่คนอยู่เล่นเป็นเพื่อนเธอ ถึงแม้จะเป็นตรงนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าตอนนี้ต้องอยู่คนเดียว เธอก็ยังอิดออดเล็กน้อย
แต่คนเป็นแม่พูดขนาดนี้แล้ว จิ่วจิ่วก็ทำได้แค่พยักหน้า: “มะม๊าต้องรีบขึ้นมารับหนูน้า”
กู้ฮอนยิ้มให้จิ่วจิ่วแล้วพยักหน้า: “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวมะม๊าจะพาเหตุผลขึ้นมาอยู่เป็นเพื่อนหนูเองนะลูก”
พูดจบ เธอก็ยื่นมือไปพยุงหยางหยางที่นั่งอยู่บนพื้นขึ้น: “พวกเราลงไปกันเถอะ”
ไม่นานกู้ฮอนกับหยางหยางก็ลงมาถึงชั้นหนึ่ง
“เด็กคนนี้ ขาเจ็บแล้วยังจะวิ่งไปทั่วอีก ทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงจริงๆ ” กู้ฮอนทำหน้าเอือมระอา
“นั่นคือห้องของลุงหัวฟูต่างหาก” หยางหยางตอบรับคำของคนเป็นแม่
เป่หมิงโม่มองสองแม่ลูก: “อ่อ บ้านดีขนาดนั้นเลยเหรอ? งั้นฉันขอเดินดูหน่อยแล้วกัน”
พูดพลางลุกขึ้นยืน
ฉิงฮัวพูดอย่างเกรงใจ: “เจ้านาย รู้จักล้อเล่นจริงๆ นะเนี่ย บ้านหลังนี้จะเทียบกับบ้านของเจ้านายได้ยังไงล่ะครับ”
ทันใดนั้นกู้ฮอน เฉิงเฉิงและหยางหยางสีหน้าก็เปลี่ยนทันที แม้แต่กู้ฮอนกับหยางหยาง ก็แอบด่าว่าพูดอะไรไม่คิด
แม่ลูกสามคนรู้ว่าเป่หมิงโม่พูดจริงทำจริง พวกเขาต้องคิดหาวิธีขวางเขาไว้ ไม่งั้นเรื่องของจิ่วจิ่วต้องแดงแน่ๆ
เป่หมิงโม่จัดระเบียบเสื้อผ้า แล้วหันไปพูดกับฉิงฮัว: “เธอพาฉันเดินดูรอบๆ หน่อยดีมั้ย? ใช่แล้ว เธอก็เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกสินะ น่าสนใจจริงๆ ”
ขณะนั้น แอนนิก็เดินออกมาห้องอาหาร: “อาหารเที่ยงเตรียมเสร็จแล้ว ทุกคนมากินก่อนเถอะ”
ที่จริงหลังจากที่เจียงฮุ่ยซินมา แอนนิก็รู้ว่าเธอจะกินข้าวที่นี่ จึงเริ่มเตรียมอาหารไว้ ที่นี่มีวัตถุดิบพร้อม แถมเธอก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว แค่เอาลงเตาอุ่นๆ ผัดๆ ก็กินได้แล้ว
ถึงแม้จะมีเป่หมิงโม่กับฉิงฮัวมาเพิ่มสองคน ก็ไม่ได้เป็นปัญหา แถมยังเตรียมเสร็จในเวลาไม่นานด้วย
กู้ฮอนแอบถอนหายใจ ยิ้มแล้วพาลูกเดินไปข้างๆ เจียงฮุ่ยซิน: “ป้าซิน พวกเราไปทานข้าวกันก่อนเถอะค่ะ”
ห้องทานอาหารของบ้านฉิงฮัว ก็ไม่ได้เล็กไปกว่าของบ้านเป่หมิงโม่เท่าไหร่ โต๊ะตัวนึงพอนั่งได้แปดคน อาหารวางเรียงเต็มโต๊ะส่งกลิ่นหอมน่าทาน
“อยู่ที่นี่นายเป็นเจ้าบ้าน นายนั่งตรงนี้เถอะ” เป่หมิงโม่ก็ไม่ลืมว่าตัวเองเป็นแขก รีบชี้ให้ฉิงฮัวนั่งลง
ต่อหน้าเขาฉิงฮัวจะกล้านั่งตรงนั้นได้ยังไง เขารีบปัดมือ: “คุณเป็นเจ้านาย คุณควรจะนั่งตรงนี้ถึงจะถูก”
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว ยื่นมือไปลากให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่นั่งเจ้าบ้าน: “ฉันบอกให้นายนั่ง นายก็นั่งๆ ไปเถอะ”
“พ่อมานั่งตรงนี้สิฮะ” เฉิงเฉิงพูด แล้วเว้นที่ใกล้ๆ กู้ฮอนไว้
เป่หมิงโม่พยักหน้า จากนั้นก็มองเฉิงเฉิงด้วยสายตาชมเชย เป็นลูกที่รู้ใจพ่อจริงๆ
เจียงฮุ่ยซินนั่งลงตรงข้ามพวกเขา ข้างๆ ก็เป็นแอนนิ ขาหยางหยางยังไม่หายดี จึงเว้นที่ว่างไว้ให้เขาวางขาได้สะดวก
เจียงฮุ่ยซินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่: “หลังจากที่คุณท่านเสียไป นานแล้วที่พวกเราไม่ได้มากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน” เธอพูดไปพูดมา น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไร้สาเหตุ เธอรีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา
เป่หมิงโม่กับกู้ฮอนเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกไม่ค่อยดี
แม้แต่เป่หมิงโม่ ที่เป็นนายท่านของตระกูลเป่หมิงตอนนี้ เขาก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอย่างเช่นวันนี้
กู้ฮอนมองเจียงฮุ่ยซิน แล้วก็แอบถอนหายใจ อายุปูนนี้แล้ว นายท่านเป่หมิงเสียไป ก็มีแค่เป่หมิงโม่ที่อยู่ข้างๆ แต่เขาก็ไม่ค่อยได้ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ เธออยู่อย่างเหงาๆ ตัวคนเดียวที่บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง คงทรมานจริงๆ
***
ไม่พูดก็ไม่ได้ว่าฝีมือทำอาหารของแอนนิพัฒนาไปไม่น้อย กลิ่นหอมของอาหารทำให้คนอยากอาหาร
แต่มีแค่กู้ฮอน เฉิงเฉิงและหยางหยางที่กินไม่ค่อยลง
พวกเขาเป็นกังวลว่าจิ่วจิ่วจะทนอยู่ด้านบนได้นานแค่ไหน จะเบื่อมั้ย อาหารที่เอาขึ้นไปจะพอกินมั้ย
“กู้ฮอน เธอกินไม่ลงเหรอ?” เจียงฮุ่ยซินเห็นในชามของกู้ฮอนยังดูสะอาดสะอ้านอยู่
เป่หมิงโม่พูดเสียงเย็นชา: “ทำไม ยังรู้สึกผิดเรื่องเมื่อเช้าอยู่เหรอ? แบบนี้ก็ดี คิดทบทวนให้ดี แบบนี้เป็นผลดีต่อความปลอดภัยของลูกๆ ”
“กินข้าวแล้วยังหุบปากไม่มิดเหรอ?” กู้ฮอนโดนเป่หมิงโม่เอะอะก็บอกให้ทบทวนจนรำคาญแล้ว คนคนนี้จับจุดอ่อนได้ก็ไม่ปล่อยเลย
เป่หมิงโม่เลิกคิ้ว แล้วหันไปหากู้ฮอน แต่ว่าไม่ได้เถียงกลับ
แล้วหันไปคีบน่องไก่ให้เฉิงเฉิงกับหยางหยางคนละชิ้น: “แม่ของลูกทำผิดแล้วสำนึกอยู่ แต่พวกลูกสองคนทำไมไม่กินกันล่ะ”
“……”
เฉิงเฉิงกับหยางหยางเงียบใส่อย่างไม่ได้นัดหมาย
พอกินเสร็จ เจียงฮุ่ยซินก็ชื่นชมฝีมือทำอาหารของแอนนิ:“ ถ้าเธอเปิดร้านอาหารนะ ต้องขายดีแน่นอน”
แอนนิยิ้มอ่อน: “ขอบคุณท่านนายเป่หมิงที่ชอบนะคะ แต่ว่าที่หนูทำก็มีแต่กับข้าวตามบ้านธรรมดาๆ คงสู้ร้านดีๆ ไม่ได้หรอกค่ะ”
เป่หมิงโม่เช็ดปาก แล้วมองไปรอบๆ อีกครั้ง เขาก็ยังไม่ยอมแพ้เรื่องที่จะเดินดูบ้านของฉิงฮัว
ทันใดนั้นกู้ฮอนก็กระวนกระวาย รีบมองไปทางเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่จะมองข้ามกู้ฮอนที่เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง อีกอย่างเห็นเธอเป็นแบบนี้ เป่หมิงโม่ยิ่งอยากจะเดินตรวจดูขึ้นไปอีก
สรุปแล้วบ้านหลังนี้ซ่อนความลับอะไรกันไว้แน่ ถึงทำให้กู้ฮอนกระวนกระวายได้ขนาดนี้
“ฉิงฮัว ข้าวก็กินแล้ว ถ้างั้นนายพาฉันไปเดินดูรอบๆ หน่อย ป้าซิน ป้ามาถึงนี่ก็คงยังจะไม่ได้เดินดูรอบๆ สินะ ถ้างั้นพวกเราไปเดินดูด้วยกันมั้ยครับ? ”
เจียงฮุ่ยซินพยักหน้า: “กินเสร็จแล้วเดินๆ หน่อย”
ถ้าหากบอกว่าเป่หมิงโม่อยากเดินดู กู้ฮอนก็จะหาข้ออ้างมาแย้งได้ แต่ถ้าหากเจียงฮุ่ยซินอยากเดินละก็เธอคงหาเหตุผลยากแล้วล่ะ
แถมเธอก็ไม่ใช่เจ้าของบ้าน ฉิงฮัวกับลั่วเฉียวต่างหากที่เป็นเจ้าของบ้าน ตอนนี้ลั่วเฉียวพักผ่อนอยู่ด้านบน ฉิงฮัวก็ไม่กล้าห้ามเจ้านายหรอก
“ฉันขอขึ้นไปเก็บของก่อน ข้างบนรกๆ ” กู้ฮอนเห็นว่าห้ามไม่อยู่ จึงหาข้ออ้างขึ้นไปก่อน แล้วหาที่ลูกไปซ่อนก่อน
เจียงฮุ่ยซินปัดมือ:“กู้ฮอน คนกันเองทั้งนั้นจะกลัวอะไร” เธอพูดพลางคว้ามือกู้ฮอนไว้
จากนั้นก็เรียกเฉิงเฉิง: “มานี่มา ไปกับย่า”
ดูเหมือนว่าเฉิงเฉิงก็ขึ้นไปเตือนก่อนไม่ได้แล้วเหมือนกัน
กู้ฮอนขมวดคิ้ว หรือว่าเรื่องของลูกจะแตกวันนี้เนี่ย
เธอเดินตามทุกคนขึ้นลิฟต์ด้วยความวิตกกังวล
เป่หมิงโม่กดไปที่ชั้นสาม กู้ฮอนก็กระวนกระวาย แล้วพูดอย่างเบาๆ : “ทำไมไม่ดูจากชั้นสองล่ะ? ”
“ชั้นสองเป็นห้องนอน มีอะไรน่าดูล่ะ”
พูดจบ แม้แต่ข้ออ้างให้พวกเขาเริ่มดูจากชั้นสอง แล้วตัวเองหาโอกาสแอบขึ้นชั้นสามไปซ่อนตัวจิ่วจิ่วก็ไม่มีแล้ว
ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นสาม ประตูลิฟต์ก็เปิดออก เป่หมิงโม่มองไปที่ภาพข้างหน้า แล้วขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว
กู้ฮอนหลับตาปี๋ ไม่กล้ามองภาพที่อยู่ตรงหน้า
“เธอช่วยอธิบายให้สมเหตุสมผลหน่อยได้มั้ย? ” ผู้คนเดินลงจากลิฟต์ เป่หมิงโม่ก็ค่อยๆ พูดขึ้น
***
กู้ฮอนรู้สึกแค่ว่า ฟ้าจะถล่มลงมา
ทันใดนั้นเฉิงเฉิงกับหยางหยางก็ผิดคาด
ชั้นสามถึงแม้จะนับเป็นชั้นนึง แต่ก็มีแค่ห้องใต้หลังคา
บนนี้กว้างมาก ที่ออกแบบมาแบบนี้ เพราะว่าตรงนี้เหมาะแก่การออกกำลังกาย บนหลังคามีหน้าต่างที่เปิดออกได้กว้าง สามารถมองเห็นบรรยากาศข้างนอก พอเปิดหน้าต่างก็จะมีอากาศสดชื่น
ตั้งแต่กู้ฮอนกับลั่วเฉียวย้ายเข้ามาอยู่ ที่นี่ก็เป็นที่ประจำสำหรับพวกเธอ นอกจากเครื่องเล่นและเครื่องออกกำลังกายของเด็กที่ลั่วเฉียวใช้บัตรของฉิงฮัวรูด นอกจากนั้นก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว
พูดอีกอย่างคือ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะซ่อนคนๆ นึง แม้แต่ลูกแมวลูกหมาก็ยังซ่อนไม่มิด
“เฉิงเฉิง งั้นให้หนูอธิบายดีมั้ย? ” เป่หมิงโม่มองไปที่กู้ฮอนที่ทำหน้าร้อนรน
“พ่อฮะ นี่มันก็แค่ของเล่นกับผ้าปูปิกนิกไม่ใช่เหรอฮะ” เฉิงเฉิงตอบอย่างช้าๆ ?
กู้ฮอนชะงักไป เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก็เห็นแค่ห้องโล่งๆ ไม่เห็นเงาของคนตัวเล็ก
ที่กองอยู่ข้างหน้าพวกเขาก็แค่เครื่องออกกำลังกาย แล้วก็ตุ๊กตาที่จิ่วจิ่วเล่นเป็นประจำ ยังมีแยมที่เธอกินเหลือ และจานที่ว่างเปล่า
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว: “นี่ลูกเป็นคนทำทั้งหมดเลยเหรอ?” ให้ตายยังไงเขาก็ไม่เชื่อ ว่าลูกชายของตนจะเล่นของพวกนี้
“ที่จริงของพวกนี้เป็นของเฉียวเฉียว ปกติแล้วเธอมักจะเอาของพวกนี้ขึ้นมาด้วย ขยับแล้วมักจะหิว เพราะงั้นจะขาดของกินไปไม่ได้” กู้ฮอนรีบอธิบาย
ในห้องของผู้หญิงมีตุ๊กตาประดับ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก