ตอนที่ 765 นักเต้นรำท่ามกลาง
“ศัตรูหัวใจ” เป่หมิงโม่หัวเราะเยือกเย็น “ผมคุณว่าเธอจะเหมาะสมกับป่ายมู่ซีมากกว่านี้ เอาล่ะ ฉันไม่อยากจะพูดเรื่องที่ไม่ดีแบบนี้” เป่หมิงโม่ได้ทำลายหัวข้อสนทนานี้ไป
“แล้วตอนนี้พวกเราไปไหน” กู้ฮอนดูลิฟต์ที่ค่อย ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“ชั้นบนสุด”
“ชั้นบนสุด ?” กู้ฮอนตกใจ ใครจะวิ่งขึ้นไปบนชั้นสูงสุดล่ะ ?
เป่หมิงโม่ไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับเธอ สองคนก็ยืนอยู่ในลิฟต์อย่างนิ่ง ๆ
“ติ๊ง”
เสียงของลิฟต์ที่ดังออกมา ก็ถึงชั้นสูงสุดแล้ว
เป่หมิงโม่จับมือกู้ฮอน ออกมาจากลิฟต์ แล้วก็เดินไปตามทางปลอดภัยที่จะไปชั้นบนสุดของโรงแรมแมนดาริน
พอออกมาจากทางเดินปลอดภัย แล้วได้รับลมกระโชกที่แรงและหนาวเลยทำให้กู้ฮอนมีอาการสั่น
กี่เพ้าชุดนี้ค่อนข้างติดร่างกาย เธอไม่ได้ใส่อะไรมากมายเลย ตอนนี้มือทั้งสองของเธอก็ได้กอดตัวเอง
เป่หมิงโม่ได้ถอดเสื้อสูทของตัวเอง เพื่อเอาไปให้กู้ฮอนใส่
พวกเขาได้เดินมาเรื่อย ๆ จนเดินมาถึงขอบระเบียงของตึกใหญ่
เป่หมิงโม่ได้จับระเบียงสีทอง ซึ่งดูเมืองที่ถูกความมืดมิดปกคลุมอยู่
กู้ฮอนอยู่ข้างหลังของเป่หมิงโม่ เพราะเธอไม่กล้าที่จะไปยืนตรงนั้น ทำให้ร่างกายถูกระเบียงกับหน้าผานั้นห่างกัน
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” กู้ฮอนอดทนไม่ได้ที่จะถาม
เพราะว่าเขาเห็นว่าเป่หมิงโม่ยืนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว แล้วก็ไม่ได้ขยับอะไรก็มองไปยังเมืองที่มีแสงไฟระยิบระยับ
เป่หมิงโม่หันกลับมา ดูกู้ฮอน หลังจากนั้นก็ได้ชี้ไปยังเมืองที่อยู่ข้างล่างขาตัวเอง “คุณคิดว่าภาพที่นี่มันสวยไหม ? คุณมาดูสิ”
กู้ฮอนส่ายหัวอย่างเดียว และเธอไม่กล้าที่จะเดินไป แต่กลับถอยก้าวอีก
เป่หมิงโม่หันตัวกลับมา แล้วก็เดินไปหากู้ฮอน แล้วก็ยื่นมือออกมาอีกครั้ง “ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ หากคุณกลัวจริง ๆ ก็สามารถหลับตาได้”
เป่หมิงโม่ทำให้กู้ฮอนรู้สึกถึงความปลอดภัย ถึงแม้ในใจจะเต้นตุบ ๆ ก็ตามที
แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะค่อย ๆ หลับตา
***
เป่หมิงโม่เห็นกู้ฮอนกลับตา เขาก็รู้สึกพอใจแล้วพยักหน้า
หลังจากนั้นก็ได้จับของเธอแล้วเดินไป
กู้ฮอนปิดตาแล้วเดินไปทีละก้าวทีละก้าว แต่กลับรู้สึกว่าระยะทางสิบกว่าเมตรทำไมมันนานขนาดนี้
เธออยากจะรีบเปิดตาตัวเอง แต่ตอนที่สายตาเธอกะพริบ ก็ได้ยินเสียงของเป่หมิงโม่พูดที่ข้าง ๆ หูเธอ “ใกล้จะถึงแล้ว”
“คุณจะพาฉันไปไหนน่ะ ?” กู้ฮอนถาม แต่เธอมั่นใจว่ายังอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมแมนดาริน
เพราะว่าหูของเธอได้ยินเสียงของลมสาดเข้ามา ซึ่งนอกจากนี้ยังรู้สึกถึงความตกใจ
หลังจากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงเท้าที่ชัดเจน “ตึก ๆ ” ซึ่งเสียงนี้กับเสียงเท้าก่อนหน้าไม่เหมือนกัน
“เอาล่ะ คุณสามารถลืมตาได้แล้ว” เป่หมิงโม่ได้พูดตรงข้าง ๆ หูของเธออีกครั้ง
กู้ฮอนค่อย ๆ ลืมตา
สายตาของเธอได้ทอดมองไปยังท้องฟ้าสีฟ้าครึ้ม บนหัวมีดาวมากมาย พระจันทร์ลอยอยู่บนท้องฟ้า ดูแล้วใหญ่เหลือเกิน ห่างจากตัวเองใกล้มาก ๆ เหมือนกับยื่นมือไปก็สามารถจับถึงมันได้
ท้องฟ้ายามราตรีสีฟ้าครึ้มถูกแสงนีออนของเมืองนี้สะท้อนขึ้นไป ซึ่งสามารถได้ยินเสียงรถราของเมืองนี้ และเสียงเพลงของร้านค้า
และได้มองลงไปข้างล่าง ขาของเธอเริ่มรู้สึกอ่อนแรง ซึ่งเห็นขาทั้งสองของเธอได้เหยียบอยู่บนกระจก ในการโอบอุ้มของเป่หมิงโม่ ขานั้นก็รู้สึกเหมือนไม่มีอะไร
โรงแรมแมนดารินในยามราตรี ซึ่งอยู่ห่างจากเธอประมาณสิบกว่าเมตร
กู้ฮอนรู้สึกว่าเหงื่อเย็นออกไปทั้งตัว หากไม่ใช่เป่หมิงโม่อยู่ข้าง ๆ แน่นอนว่าเธอจะต้องล้มเหมือนดินโคลน
แม้นเป็นเช่นนี้ เธอก็ยังจับตรงที่แขนของเป่หมิงโม่อย่างแน่น ๆ ร่างกายก็ยังสั่นอยู่มากมาย
ในสถานที่ที่เป็นแบบนี้ เป่หมิงโม่กลับทำตัวสบาย ๆ “ที่นี่ยังไม่ใช่สถานที่ที่เปิดกว้างเป็นที่รู้จัก สถานที่เต้นรำกลางอากาศ นอกจากฉันแล้ว คุณก็เป็นแขกคนแรกเลยล่ะ ”
“สถานที่เต้นรำกลางอากาศ ?” กู้ฮอนตกใจ แล้วก็ตรวจสอบไปรอบ ๆ ด้าน
นี่คือสถานที่เต้นรำแบบรูปวงกลม สามารถรองรับคู่เต้นรำได้ถึงยี่สิบคนโดยที่ไม่ต้องชนกันเลย และเชื่อมต่อกับนอกตึกใหญ่นี้ด้วย ซึ่งเป็นสะพานกระจก
หากคืนนี้ได้เต้นรำที่นี่ แล้วก็เต็มไปด้วยแสงสี ดูแล้วเหมือนกับเทวดานาเต้นรำอยู่บนท้องฟ้าสวรรค์
เป่หมิงโม่ใช้สัญญาณมือบิดนิ้วหนึ่งที ก็ได้เห็นจากทางที่เดินไปยังสถานที่เต้นรำกลางอากาศ ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีและแสงไฟที่งดงาม
ไฟส่องไปทั่วสามร้อยหกสิบองศา ซึ่งเป็นที่ที่เป่หมิงโม่ยืนอยู่
เป่หมิงโม่ยิ้มให้กับกู้ฮอน “ขอให้คุณมาเต้นรำกับผมสักครั้งได้ไหม ?”
กู้ฮอน ณ ตอนนี้ก็เหมือนกับหุ่นที่ยืนนิ่ง ในใจของเธอก็เต้นอย่างรุนแรง มือและเท้าก็รู้สึกถึงเหงื่อเย็นที่ไหลออกมา
เป่หมิงโม่เห็นเธอไม่ตอบโต้ ก็เลยไปจับมือของเธอด้วยตัวเอง แล้วก็อีกมือหนึ่งไปจับเอวของเธอ
ตอนที่เพลงดังขึ้นมา เขาก็ค่อย ๆ พาเธอเต้นรำไปด้วยกัน
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าโลกนี้หมุนไปติ้ว ติ้ว ติ้ว….
รองเท้าระบำก็เกิดเสียง “ตึก ตึก” เกิดขึ้น ทำให้เธอรู้สึกคิดว่าทุกการกระแทกเหมือนจะทำให้กระจกแตก หลังจากนั้นตัวเองก็ค่อย ๆ เข้าสู้ห้วงแห่งการเต้นรำ
“นี่ คุณ เบา ๆ หน่อยได้ไหม ช้า ๆ หน่อย อย่าทำให้กระจกมันแตกสิ” กู้ฮอนก็ได้พูดออกมา เหมือนกับขอร้องอยู่
***
แต่สิ่งที่ทำให้กู้ฮอนรู้สึกกลัวก็คือ ขณะที่กู้ฮอนร้องขอเขานั้น กลับไม่ได้ช้าลงเลย แต่กลับยิ่งอยู่ยิ่งไว
กู้ฮอนมองไปยังท้องฟ้าและแสงสี แสงสีที่แวววับกลายเป็นแสงที่เป็นเส้น ๆ
เธอรู้สึกขาที่กระทบเวทีเต้นรำกระจก และจังหวะขา ทำให้รู้สึกสั่น
สุดท้าย เรือน้อยก็ไม่อาจจะรองรับการกระทำเช่นนี้ได้
“เพล๊งงงง” กู้ฮอนที่ใช้ขากระแทกลงไป ทั้งคนก็ตกลงไป
“เป่หมิงโม่ช่วยฉัน……” เธอได้ยื่นมือออกไป อยากจะจับอะไรค้ำไว้
แต่เรื่องราวมันเกิดขึ้นไวมาก จะมารอเธอรู้สึกตัว ก็ได้ห่างจากเวทีเต้นรำกระจกนั้นไกลแล้ว
หัวของเธอดิ่งลงข้างล่างอย่างรวดเร็ว ภาพที่เห็นก็รู้สึกรวดเร็วไปหมด
สุดท้าย ในใจก็คิดว่า “ลูก ๆ เอ๋ย ลาก่อนนะ หลังจากนั้นก็หลับตาลง รอช่วงสุดท้ายของชีวิต”
“โอ๊ยยยยยย”
ตอนที่เธอได้ลืมตาขึ้นมา กลับกลายเป็นสีดำมืดมิด แต่ในความมืดมิดก็มีแสงเล็ก ๆ ออกมา
เธอหันไปมองแสงนั้น แล้วก็เห็นแสงที่ขุ่นมัว แล้วก็มีเงาดำ ๆ มายืนอยู่ข้าง ๆ เธอ
ซึ่งเป็นเสียงที่รู้จักและคุ้นเคยมากมาย “ฝันร้ายหรือเปล่า ไม่ต้องห่วงฉันอยู่ที่นี่”
พอพูดเสร็จ แสงแห่งความมืดก็ค่อย ๆ ทดแทนด้วยแสงสีขาว
กู้ฮอนมองเห็นชัดเจนแล้ว เป่หมิงโม่ได้อยู่ข้าง ๆ เตียงของเธอ
สีหน้าของเขาที่ตื่นเต้นมองไปยังกู้ฮอน และเอามือมาลูบบนหน้าผากของเธอ
มืออันเย็น ๆ ของเขาได้สัมผัสบนหน้าผากของเธอ กู้ฮอนก็ที่มีจังหวะหัวใจที่เต้นแรงนั้นก็กลับสู่สภาพปกติ
เป่หมิงโม่ก็ได้ค่อย ๆ พยุงเธอขึ้นมา ร่างกายของเธอที่มีผ้าห่มหนา ๆ ปิดไว้อยู่
แล้วเขาก็ได้เอาแก้วน้ำร้อนมา ค่อย ๆ ให้กู้ฮอนดื่มไป
หลังจากดื่มน้ำ กู้ฮอนก็มองไปรอบ ๆ รู้สึกว่าไม่คุ้นเคยเลย แต่เห็นเพียงห้องที่ตกแต่งหรูหรามากมาย แล้วก็สามารถเดาออกมาได้บ้าง แน่นอนว่าจะต้องเป็นโรงแรมแมนดาริน
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว ?” กู้ฮอนได้พังอยู่บนเตียงแล้วถาม แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากตัวเอง
เป่หมิงโม่มองนาฬิกา “ตอนนี้ตี 1 แล้ว”
“ตี 1” กู้ฮอนก็รู้สึกตกใจ รีบ ๆ เอาผ้าห่มออกแล้วลุกจากเตียง
แต่เป่หมิงโม่กลับจับเธอไว้บนเตียง “วันนี้คุณก็พักผ่อนที่นี่ดีดีเถอะ ฉันโทรศัพท์หาเฉิงเฉิงแล้ว”
ขณะพูดอยู่ เขาก็ได้พยุงกู้ฮอนอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ห่มผ้าให้
กู้ฮอนมองไปยังเป่หมิงโม่ แล้วถามว่า “คุณล่ะ ?”
เป่หมิงโม่มองหน้าเธอ พูดอย่างนอบน้อมว่า “ฉันก็จะอยู่ที่นี่”
แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจก็คือ เป่หมิงโม่ได้เอาเสื้อสูทกลับมาใส่อีกครั้ง หลังจากนั้นก็ปิดไฟตรงนี้
เขาก็ได้ออกจากห้องที่มืดมิดแห่งนี้
มือของกู้ฮอนได้จับปลายผ้าห่มอย่างแน่น แล้วก็ไม่ได้นอนหลับเลย เมื่อสักครู่นี้ความฝันมันเหมือนกับของจริงมาก ๆ เลย
เธอได้ยินเสียงจากข้างนอกสะท้อนเข้ามา หลังจากนั้นทั้งห้องก็ได้เงียบสงบลง
แน่นอนเป็นเป่หมิงโม่ที่สถานที่นอน
เนื่องจากเวลาค่อย ๆ ผ่านไปเลยทำให้กู้ฮอนเกิดความง่วงขึ้น สุดท้ายเธอก็กลับตาลง หลับอย่างสบายใจ
“ติ๊งต่อง ตื๊งต่อง”
เสียงที่แสบหูและชัดเจน ทำให้กู้ฮอนตื่นขึ้นมา
ลืมตาขึ้น ทั้งห้องก็สว่างขึ้นแล้ว
ตอนนี้เป่หมิงโม่ก็ได้นำอาหารกลางวันเข้ามาจากทางประตู
***
“ยังดี เมื่อคืนคุณหลับได้เงียบมาก ไม่งั้นผมคงจะต้องเอาของอะไรบางอย่างมาอุดปากคุณไว้แน่ ๆ เลย ” เป่หมิงโม่น่าจะหมายถึงเสียงของเมื่อคืน
เป่หมิงโม่เลื่อนรถเข้ามาแล้วก็หยุดอยู่ข้าง ๆ มือถือขนมปังหนึ่งชิ้น ใช้มีดไปกักแยมขึ้นมาทาบนขนมปัง แล้วใช้ตะเกียบคีบผักและเบคอนขึ้นมา สุดท้ายก็ปิดด้วยขนมปังอีกหนึ่งชิ้น แซนวิชทำเสร็จเรียบร้อย แล้วก็วางไว้บนรถ
กู้ฮอนก็ลงจากเตียงด้วยความรีบร้อน จึงจะพบว่าชุดกี่เพ้าของตัวเองนั้นได้หายไปแล้ว ซึ่งทั้งตัวมีแต่ชุดนอน
ใบหน้าของเธอไม่เพียงแต่แดง คงไม่ใช่ตอนที่เธอกลับอยู่แล้วมาเปลี่ยนนะ ในเมื่อเสื้อผ้าเปลี่ยนแล้ว ขึงไม่ทำอะไรกับเธอหรอกนะ
“คุณอยู่ที่ตรงคิดอะไรอยู่น่ะ ”เป่หมิงโม่เห็นกู้ฮอนมีลักษณะเช่นนี้ ซึ่งโดยพื้นฐานน่าจะเดาได้เกือบถูก
เขาได้ทำแซนวิชและพูดไปด้วยว่า “คุณอย่าคิดเรื่องอะไรดีดีเลยล่ะ เสื้อของคุณผมให้พนักงานช่วยคุณเปลี่ยนให้แล้ว ซึ่งได้ซักแห้งแล้วล่ะ”
กู้ฮอนหรี่ตา “ใครกันแน่ที่คิดเรื่องดีดียังไม่แน่นอนเลยนะ เสื้อไม่มีแล้ว ฉันจะออกไปยังไงล่ะ”
เป่หมิงโม่ขยิบปากตัวเอง แล้วก็ยิ้มออกมาด้วยการเสียดสี แล้วก็หยุดการทำงานลง แล้วก็มองไปยังเธอพูดว่า “ดูไปแล้วคุณออกไปแบบนี้ก็ดีนะ”
“ออกไป” กู้ฮอนไม่ได้มีอารมณ์ที่จะเล่นกับเขาหรอกนะ ก็เลยหันตัวไปห้องน้ำ
หากพูดถึงความเคยชิน กู้ฮอนหลังจากที่ปิดประตูห้องน้ำแล้ว ก็จะต้องล็อก
เป่หมิงเอ้อคนนี้เมื่อคืนไม่ได้ฉวยโอกาส แต่ไม่ได้หมายถึงว่าตอนนี้จะไม่ทำ