ตอนที่ 748 ให้เขายินดีและกระวนกระวาย
ตอนที่เป่หมิงโม่นั่งอยู่ในห้องหนังสือของเขา เสียงนาฬิกาดังขึ้นสิบครั้ง
แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงได้ไม่มีอาการง่วงเหงาหาวนอนเลย
ตอนนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือของเขาส่งเสียงขึ้นมา
เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นเบอร์โทรศัพท์แปลกหน้าเบอร์หนึ่ง จากนั้นก็เป็นที่อยู่เว็บไซต์ของคลิปวิดีโอที่มีชื่อเสียงในประเทศเว็บไซต์หนึ่ง
เป่หมิงโม่เปิดออกดู
ไม่ช้าก็ปรากฏภาพในโรงแรมขึ้นมา เขามองออกได้อย่างรวดเร็วว่านี่คือคลิปที่ถ่ายในบริเวณหนึ่งของห้องโถงใหญ่โรงแรมแมนดาริน
เหนือคลิปยังมีหัวข้อตัวใหญ่เขียนว่า “ธุรกิจโสมมภายใต้เวลาค่ำคืน”
ตำรวจสองนายควบคุมตัวชายหนึ่งหญิงหนึ่งเดินออกมาจากลิฟต์โดยสาร
เขาขยายรูปภาพให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เขาจึงสามารถเห็นสองคนนี้ได้ชัดเจน
เป่หมิงโม่มองออกอย่างรวดเร็วว่าชายหนุ่มคนนั้นคือหยินปู้ฝัน เขารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง จากความเข้าใจของเขาที่มีต่อหยินปู้ฝัน เขาไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้
ถัดมาเขาก็เบนสายตาไปมองร่างของหญิงสาวที่ก้มศีรษะอยู่ แม้ว่าใบหน้าของเธอจะถูกปิดบังเอาไว้ แต่ดูจากเสื้อผ้าของเธอ ทำไมถึงได้เหมือนกับเสื้อผ้าที่กู้ฮอนสวมใส่เมื่อเช้านี้ชุดนั้น
เมื่อพิจารณามองอย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่ได้มองผิดเลย เป็นกู้ฮอน!
นี่ทำให้เป่หมิงโม่ไม่กล้าเชื่อ กู้ฮอนกับหยินปู้ฝันมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ในจุดนี้เขาไม่ปฏิเสธ
แม้ในตอนแรกหยินปู้ฝันจะขอเธอแต่งงานไม่สำเร็จ
พวกเขาสองคนแม้ว่าวันนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเช่นเคย แต่ก็เป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทเท่านั้น
โดยเฉพาะกู้ฮอนนั้น ยังคงรักษาระยะห่างกับหยินปู้ฝันอย่างเหมาะสมตั้งแต่แรกเริ่มจนจบ
พวกเขาจะไม่ทำเรื่องแบบนี้ออกมาเด็ดขาด บางทีข้างในอาจมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกัน
เป่หมิงโม่เบนสายตาไปมองเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ส่งข้อมูลเหล่านี้มาให้เขาอีกครั้ง
นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ที่แปลกมาก แต่เขาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว แปดส่วนเป็นผลลัพธ์ที่คนส่งคลิปวิดีโอให้ตัวเองคนนี้บงการ
ไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องที่บังเอิญมากขนาดที่ทำให้เขาถ่ายคลิปกู้ฮอนและหยินปู้ฝันได้อย่างไรกัน อีกทั้งยังส่งมาให้ตัวเองได้อย่างถูกต้องแม่นยำมาก
เบอร์โทรศัพท์ของเป่หมิงโม่นั้นไม่ใช่ว่าใครรู้ได้
จะต้องเป็นคนคุ้นเคยของเขาทำอย่างแน่นอน
ปฏิกิริยาแรกของเป่หมิงโม่คิดว่า คงจะไม่ใช่ถังเทียนจื๋อหรอกนะ…….
ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะช่วยกู้ฮอนออกมาจากสถานีตำรวจได้อย่างไรนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
เป็นเบอร์โทรศัพท์แปลกหน้าเบอร์หนึ่ง
เป่หมิงโม่ตั้งสติ “ฮัลโหล…….”
เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากอีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ “คุณชายเป่หมิงใช่ไหมครับ ผมคือผู้อำนวยการสาขาเฉิงหนานสถานีตำรวจ ผมแซ่หวางครับ วันนี้เพื่อนร่วมงานของเราได้จับกุมบุคคลผู้น่าสงสัยว่าจะทำธุรกิจสกปรกภายในโรงแรมแมนดารินของคุณ หนึ่งในนั้นมีผู้หญิงที่ชื่อว่ากู้ฮอน ขอสอบถามครับ ไม่ทราบว่าคุณรู้จักเธอหรือไม่”
เป่หมิงโม่หรี่ตาลงเล็กน้อย “คุณรอผมอยู่ที่นั่น อีกสักพักผมก็ถึง”
เขาเอ่ยจบแล้วก็วางสายโทรศัพท์ ลุกขึ้นยืน เดินอ้อมโต๊ะทำงานออกไปจากห้องหนังสืออย่างเร่งรีบ
เขาไม่ได้เรียกฉิงฮัว แต่ขับรถมุ่งหน้าไปยังสาขาเฉิงหนานสถานีตำรวจด้วยความรวดเร็วภายใต้ความมืดมิดยามค่ำคืน
***
เป่หมิงโม่ขับรถเร็วมาก คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า กู้ฮอนคนที่ไม่เคยสร้างเรื่องยุ่งยากจะทำให้เขาต้องมารับเธอจากสถานีตำรวจถึงสองครั้งในระยะเวลาอันสั้น
ณ สถานีตำรวจ เพื่อป้องกันไม่ให้กู้ฮอนแล้วหยินปู้ฝันสองคนนั้นสมคบคิดให้การเท็จ จึงจับพวกเขาแยกขังไว้คนละห้อง
โดยมีหัวหน้าหลี่ยืนเฝ้าประตูและตำรวจหญิงเสี่ยวหลิวไต่สวน
หยินปู้ฝันนั้นแก้ต่างว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ตลอด ส่วนกู้ฮอนนั้นไม่พูดอะไรสักคำ เพราะเธอรู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ตัวเองนั้นยากที่จะอธิบายให้ชัดเจนได้
หลังจากผ่านการไต่สวนที่ไม่มีความคืบหน้าอะไรไปรอบหนึ่ง จึงให้พวกเขาแจ้งกับคนในครอบครัวตัวเองหรือเรียกทนายความมา
หยินปู้ฝันรู้สึกว่านี่เป็นการเยาะเย้ยอย่างหนึ่ง ตัวเองเป็นทนายความแต่กลับต้องหาทนายความอีกคนหนึ่งมาปกป้องตัวเองในตอนนี้ เขาเอ่ยปฏิเสธทันที
ส่วนกู้ฮอน เธอคิดถึงหลายคน สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจเอ่ยชื่อของเป่หมิงโม่ไป
นี่ทำให้ตำรวจหญิงเสี่ยวหลิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แรกเริ่มเธอคิดว่ากู้ฮอนเล่นลูกไม้อะไร จึงบอกเรื่องนี้ให้กับผู้อำนวยการกรมตำรวจของพวกเขาทราบ
ถึงได้มีภาพเหตุการณ์ที่ผู้อำนวยการกรมสาขาเฉิงหนานสถานีตำรวจต่อสายโทรศัพท์หาเป่หมิงโม่เกิดขึ้น
หลังจากที่เป่หมิงโม่ขับรถมาถึงสาขาเฉิงหนานสถานีตำรวจอย่างรวดเร็วแล้ว เขาไม่ได้ตรงไปหากู้ฮอนในทันที แต่กลับตรงไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการกรมตำรวจแทน
เดิมคดีความเล็กๆแบบนี้ ในฐานะที่เป็นถึงผู้อำนวยการกรมตำรวจท้องถิ่นก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ
แต่เมื่อมีชื่อของเป่หมิงโม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้วก็ไม่เหมือนกัน
เดิมเขากำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่เมื่อได้รับโทรศัพท์จากนายตำรวจ เขาก็กลับมาที่กรมตำรวจท้องถิ่นอีกครั้งเพื่อจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย
เมื่อเป่หมิงโม่เคาะประตูห้องทำงานของผู้อำนวยการกรมตำรวจนั้น เขากำลังเดินไปเดินมาคิดแผนการรับมืออยู่ในห้อง
เขารีบเดินไปเปิดประตู เห็นเป่หมิงโม่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงานของตัวเอง
เขาเผยรอยยิ้มบนใบหน้าในทันที “ประธานเป่หมิง ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับที่ดึกดื่นขนาดนี้แล้วยังรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณอีก”
เป่หมิงโม่หน้ามึนตึง เขาไม่ไว้หน้าเจ้าเนื้อของผู้อำนวยการกรมตำรวจที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้เลยแม้แต่น้อย “คนอยู่ที่ไหน ผมต้องการจะไปดู”
“อยู่ในห้องสืบสวนชั้นล่างครับ ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง สองคน คุณพบแล้ว ถ้าหากไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร พวกเราจะจัดการกับพวกเขาอย่างจริงจัง” ผู้อำนวยการหวางเอ่ยอย่างประจบระหว่างเดินลงไปยังชั้นล่าง
เป่หมิงโม่เอ่ยเสียงขรึมประโยคหนึ่ง “ถ้าหากว่าผมรู้จักล่ะ”
“นี่……” ใบหน้าผู้อำนวยการหวางเผยรอยยิ้มเจื่อน “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นความผิดของพวกเราตำรวจ ถึงเวลานั้นผมจะต้องลงโทษพวกเขาอย่างแน่นอน”
เสียงของพวกเขาเพิ่งจบลงก็มาถึงหน้าประตูห้องสืบสวนแล้ว
เป่หมิงโม่ถูกพาเข้ามายังห้องที่อยู่ด้านข้างห้องไต่สวน ที่นี่มีกระจกบานใหญ่ สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในห้องสืบสวนได้ แต่ภายในห้องไต่สวนนั้นกลับมองไม่เห็นสถานการณ์ของทางฝั่งนี้
นี่คือสิ่งที่ทำขึ้นมาเพื่อให้พยานชี้ตัวนักโทษได้ใช้
เป่หมิงโม่มอง คนที่ถูกขังเอาไว้ในห้องสืบสวนก็คือหยินปู้ฝัน
เมื่อเห็นเขา ในใจตัวเองก็รู้สึกโมโหอย่างแปลกๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไปปรากฏตัวที่โรงแรม ก็คงจะไม่เกิดเรื่องราวเสียหายอย่างในวันนี้
เขาไม่ได้แสดงอะไรออกมา แต่กลับถามออกไปว่า “ผู้หญิงคนนั้นถูกขังไว้ที่ไหน”
“ประธานเป่หมิงตามผมมาครับ”
เป่หมิงโม่เดินตามผู้อำนวยการหวางไปจนถึงห้องที่อยู่ข้างห้องไต่สวนอีกห้องหนึ่ง
เขามองเห็นกู้ฮอนในห้องไต่สวนตั้งแต่แวบแรก เธอนั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะอย่างโดดเดี่ยว มือทั้งสองข้างอยู่ใต้โต๊ะ ไม่รู้ว่าใส่กุญแจมือให้เธอหรือไม่
นัยน์ตาที่ทำให้เขาใจเต้นคู่นั้น ตอนนี้แดงก่ำเพราะร้องไห้ ใบหน้ากลับขาวซีดและมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่
อารมณ์และสภาพของเธอในตอนนี้ดูแล้วไม่ดีเป็นอย่างมาก
เป่หมิงโม่เห็นแล้ว ในใจก็รู้สึกเป็นทุกข์มากกว่าเดิม เขาพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกอย่างแรง นัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อย “ผมจะเข้าไป”
“เร็ว เสี่ยวหลิว เปิดประตูห้องไต่สวนให้ประธานเป่หมิงเข้าไป” ผู้อำนวยการหวางรีบเอ่ยสั่ง
***
เมื่อเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ใบหน้าของตำรวจหญิงเสี่ยวหลิวก็เปลี่ยนสีเล็กน้อย ในใจของเธอตึงเครียดขึ้นมาชั่วขณะ
คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าเป่หมิงโม่จะรู้จักผู้หญิงคนนี้จริงๆ
หรือว่าจะจับผิดคนจริงๆ
เธอรีบพาเป่หมิงโม่มาที่ประตูห้องไต่สวน หยิบกุญแจที่แขวนไว้ที่เอวออกมาเปิดประตูอย่างมือสั่น
กู้ฮอนนั่งอยู่ในห้องไต่สวนหนึ่งชั่วโมงแล้ว รอบด้านเงียบสงัดไร้เสียง เผชิญหน้ากับกระจกบานหนึ่ง
โทรศัพท์มือถือถูกฝ่ายตำรวจเอาไปแล้ว จึงไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร รู้เพียงแค่ว่าไม่มีใครอยู่ในห้องไต่สวนที่เยียบเย็นแห่งนี้ กระทั่งหนึ่งนาทีหนึ่งวินาทีก็รู้สึกว่ายาวนานและไร้ซึ่งความช่วยเหลือ
ในที่สุดก็ได้ยินเสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้กู้ฮอนมีความหวังเสี้ยวหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง ในที่สุดพวกเขาอาจจะตรวจพบสถานการณ์ได้ชัดเจนแล้ว จึงมาปล่อยตัวเอง
ประตูเปิดออก กู้ฮอนเห็นตำรวจหญิงที่จับกุมตัวเองมาก่อน สีหน้าของเธอมองดูแล้วตึงเครียดเป็นอย่างมาก
ตอนที่มองมาที่ตัวเอง แววตาที่มีความเกรงขามหายไป นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
สุดท้ายแล้วด้านหลังของตำรวจหญิงก็มีเงาร่างที่เธอคุ้นเคยปรากฏกายขึ้น
เรือนร่างสูงและสมส่วน สวมชุดสูทที่ตัดเย็บอย่างประณีตและสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่มีความรู้สึกใดๆปรากฏ
นัยน์ตาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งคู่นั้นมองเธออย่างไม่ให้คลาดสายตา ราวกับว่าจะกลืนเธอลงท้องไปในคำเดียว
นี่ทำให้กู้ฮอนอดตัวสั่นไม่ได้
นี่เหมือนกับฝันอยู่อย่างไรอย่างนั้น ถัดมาเรื่องราวเป็นอย่างไรเธอก็จำไม่ได้แล้ว นอกจากได้ยินเป่หมิงโม่เอ่ยพูดประโยคหนึ่งว่า “ปล่อยเธอเสีย เธอเป็นแม่ของลูกผม”
ผู้อำนวยการหวางที่ได้ยินก็รีบเอ่ยกับตำรวจหญิงว่า “ยังไม่รีบปล่อยคุณนายเป่หมิงอีก”
จากนั้นก็เอ่ยด้วยใบหน้าเสียใจว่า “ประธานเป่หมิง ต้องขอประทานโทษจริงๆครับ ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิดเรื่องหนึ่ง ผมได้รับการร้องเรียนจากฝูงชนว่าที่โรงแรมของคุณมีการทำธุรกิจสกปรก ดังนั้นพวกเราถึงได้ลงมือปฏิบัติการ”
เป่หมิงโม่ไม่มีเวลาจะมาสนใจคำอธิบายของเขา เดินเข้าไปอยู่ข้างกายกู้ฮอน มือของเธอในตอนนั้นถูกถอดกุญแจมือแล้ว
เขายื่นมือออกไปจับมือของเธอ ลูบไปยังรอยแดงบนผิวขาวเนียนที่เกิดจากการถูกรัด
จากนั้นก็ไม่พูดอะไร ถอดเสื้อตัวบนของตัวเองออกมาคลุมบนร่างเธอ
จนกระทั่งเป่หมิงโม่ส่งเธอออกมาจากสถานีตำรวจ ขึ้นรถยนต์แล้ว กู้ฮอนถึงได้สติกลับมา
เธอไม่ได้ยินเป่หมิงโม่เอ่ยตำหนิตัวเอง นี่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง
เพียงแต่เมื่อรถยนต์ติดเครื่องแล้ว ก็เอ่ยพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “พาปู้ฝันออกมาด้วยได้หรือไม่”
แต่เสียงนั้นเบามาก เหมือนกับเสียงของยุงที่บินอยู่ในรถ
ไม่รู้ว่าเป่หมิงโม่ได้ยินหรือไม่ แต่ตัวกู้ฮอนเองนั้นได้ยิน
เป่หมิงโม่มองผ่านกระจกหลังไปที่กู้ฮอนที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังอย่างเย็นชา เขาไม่ได้ดับเครื่องยนต์ แต่กลับเหยียบคันเร่งขับออกไปจากลานหน้าสถานีตำรวจ
เป่หมิงโม่ขับรถตรงไปส่งกู้ฮอนที่บ้านพักของฉิงฮัว เขาไม่ได้ดับเครื่องยนต์หรือลงจากรถ เพียงแต่หลังจากเธอลงจากรถแล้ว ก็ชี้ไปที่ถุงกระดาษบริเวณที่นั่งข้างคนขับ “นี่คือของของคุณ เอาไปด้วย”
กู้ฮอนเม้มริมฝีปาก หยิบถุงกระดาษจากที่นั่งข้างคนขับแล้วก็ปิดประตูลง
“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเขา คาดว่าตอนนี้เขาน่าจะกลับไปแล้ว” เป่หมิงโม่เอ่ยผ่านกระจกรถแล้วก็ขับรถจากไป
กู้ฮอนมองเป่หมิงโม่ที่ขับรถไปไกลแล้ว ตอนนี้เองที่ประตูบ้านพักเปิดออก แอนนิเดินออกมาจากด้านใน “ฮอน ทำไมเธอเพิ่งจะกลับมา ทำไมถึงไม่ได้ขับรถ นี่เป็นเสื้อของใครกัน”
แอนนิเอ่ยถามเป็นชุด ทำให้กู้ฮอนคิดขึ้นมาได้กะทันหันว่าบนร่างของตัวเองยังถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมของเป่หมิงโม่ บนเสื้อผ้ายังแผ่กลิ่นอายเฉพาะตัวของเป่หมิงโม่ออกมา
***
กู้ฮอนก้มหน้าเปิดถุงกระดาษออก ด้านในมีสิ่งที่ทางตำรวจยึดไปจากเธอ
“ฮอน ตอนนี้ก็ดึกแล้ว รีบไปพักผ่อนเร็วเข้า” แอนนิตบไหล่เธอ
เธอพยักหน้า ในเวลานั้นเองที่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
กู้ฮอนก้มหน้ามอง เป็นหยินปู้ฝันโทรศัพท์มา
เดิมหยินปู้ฝันถูกขังไว้ในห้องไต่สวนคนเดียว เวลาของเขานั้นยาวนานกว่ากู้ฮอนไม่น้อย
เขาที่อยู่ในห้องนั้น ยังคงรักษาท่าทางที่ไม่เย่อหยิ่งหรือถ่อมตัวมากเกินไปเอาไว้
จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ประตูห้องไต่สวนก็เปิดออก