ตอนที่ 803 นี่คือจิ่วจิ่ว
กู้ฮอนขับรถไปด้วย แล้วยิ้มไปด้วย
นี่แหล่ะชีวิต: เด็กสามคนร่าเริงแจ่มใสในรถ และยังมีคนสูงวัยสามคนที่ดูเป็นมิตร
สำหรับเป่หมิงโม่…
***
ราบรื่นตลอดทาง ในไม่ช้ารถก็มาถึงหน้าทางเข้าโรงพยาบาล
กู้ฮอนพาเด็กๆ เข้าไปเลือกดอกไม้ที่ร้านดอกไม้ก่อน เด็กๆ ทุกคนถือดอกไม้ไว้คนละสองช่อ มีทั้งช่อใหญ่และช่อเล็ก ตัวเธอเองก็ได้เลือกแล้วสองช่อ
สิ่งเหล่านี้เป็นน้ำใจของตัวเองและพวกเด็กๆ ที่มีต่อคุณยายและคุณย่า
“แม่ ตอนนี้ถึงเวลาที่ควรเล่าเรื่องของคุณย่าแล้วใช่ไหม” หยางหยางที่อยู่ข้างๆ กู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะถาม
กู้ฮอนมองหยางหยาง: “ใจร้อนทำไม เดี๋ยวก็ได้คำตอบ”
“แม่ ฝึกเป็นคนมีลับลมคมในตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ไม่นานแม่ลูกทั้งสี่คนก็เดินมาถึงหน้าห้องของลู่ลู่แล้ว เธอค่อยๆ เปิดประตูออก
ลู่ลู่ในตอนนี้ กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น หันหน้าไปทางหน้าต่าง หันหลังให้ประตูเพื่ออาบแดด
“แม่ พวกเรามาแล้ว” กู้ฮอนยิ้มพร้อมกับพูด จากนั้นก็พาพวกเด็กๆ เดินเข้าไป
ลู่ลู่หันมามอง ทันใดนั้นใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา: “พวกเธอมากันแล้ว เฉิงเฉิง หยางหยาง…” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอได้เห็นจิ่วจิ่วที่ยืนอยู่ข้างกายของลูกสาว
เธออึ้งเล็กน้อย
กู้ฮอนเห็นว่าปฏิกิริยาของคุณแม่แปลกไปเล็กน้อย แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะแนะนำจิ่วจิ่ว เธอพูดกับเด็กๆ ว่า: “รีบเอาดอกไม้ไปให้คุณยาย”
ในมือของเด็กทั้งสามคนมีดอกไม้สองช่อ ระหว่างทาง กู้ฮอนได้บอกกับพวกเขาแล้วว่า ช่อหนึ่งมอบให้คุณยาย อีกช่อมอบให้คุณย่า
แม้ว่าใบหน้าของลู่ลู่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมายิ้มเหมือนเดิม: “เป็นเด็กดีกันหมดเลย” จากนั้นก็โน้มตัวลง เอื้อมมือไปรับดอกไม้จากมือของเด็กๆ
“แม่ หนูจะไปเรียกคุณโม้และหวีหรูเจี๋ยมาด้วย” กู้ฮอนพูดจบ ก็หมุนตัวเดินออกจากห้องผู้ป่วย
ไม่นาน โม้จิ่งเฉิงพยุงหวีหรูเจี๋ยมาห้องผู้ป่วยของลู่ลู่ และมีกู้ฮอนที่เดินตามหลังมา
เธอและโม้จิ่งเฉิงหยิบเก้าอี้มาวางไว้ข้างรถเข็นของลู่ลู่ จากนั้นก็ให้หวีหรูเจี๋ยนั่งลง
ตอนนี้ กู้ฮอนยื่นมือชี้ไปทางหวีหรูเจี๋ย แล้วพูดกับเด็กๆ อย่างเคร่งขรึมว่า: “ลูกรัก คนนี้คือคุณย่าของพวกหนู”
คุณย่า? เด็กทั้งสามคนมองหน้ากัน เนื่องจากคนตรงหน้าของพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า จึงทำให้ลังเลเล็กน้อย
แต่เฉิงเฉิงเป็นตัวอย่างของคนเป็นพี่ชาย เขาเป็นคนเริ่มยื่นมือของตัวเองส่งดอกไม้ไปตรงหน้าให้หวีหรูเจี๋ยก่อน
หลังจากหวีหรูเจี๋ยได้เห็นเด็กๆ ทั้งสามคน น้ำตาก็ไหลด้วยความตื้นตันใจ เพียงแต่มือของเธอในตอนนี้ไม่สามารถรับดอกไม้ของเด็กๆ ได้
ตอนนี้ โม้จิ่งเฉิงเดินไปข้างๆ ของหวีหรูเจี๋ย รับดอกไม้แทนเธอ
ตามมาด้วยหยางหยางและจิ่วจิ่วก็ส่งดอกไม้ในมือไปให้
ตอนนี้ กู้ฮอนเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว จึงพูดกับหวีหรูเจี๋ยว่า: “หวีหรูเจี๋ย นี่ก็คือเฉิงเฉิงและหยางหยาง”
หวีหรูเจี๋ยมองเด็กฝาแฝดทั้งสองคน พยักหน้าทั้งน้ำตา จากนั้นก็พูดว่า: “พวกเขาเหมือนโม่ตอนเด็กๆ มากจริงๆ”
กู้ฮอนเอื้อมมือจับจิ่วจิ่วแล้วมองไปทางลู่ลู่ มองคุณแม่อย่างขอโทษพร้อมกับพูดว่า: “แม่ หนูขอโทษ ที่ก่อนหน้านี้พูดโกหก ที่ก่อนหน้านี้พูดโกหก จิ่วจิ่วไม่ใช่ลูกของแอนนี่ แต่เป็นลูกสาวของหนูกับเป่หมิงโม่ เพียงแต่ตอนนั้นหนูเห็นว่าคุณกำลังโกรธ จึงไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับคุณ ช่วยยกโทษให้หนูด้วย”
หลังจากพูดจบ เธอมองแม่ด้วยความเครียด
เห็นสีหน้าของลู่ลู่ตกใจ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลังจากเงียบไปสักพัก กลับเห็รใบหน้าของลู่ลู่ค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มออกมา: “ฮอน เธอพาจิ่วจิ่วมาตรงนี้”
ซึ่งทำให้กู้ฮอนงุนงงไปหมด แต่แม่เรียกให้เธอไป เธอจึงทำได้เพียงพาจิ่วจิ่วไปตรงหน้าของลู่ลู่
***
ลู่ลู่มองลูกสาวกับหลานสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ในใจของเธอมีหลากหลายความรู้สึก
เธอเข้าใจดี ในสิ่งที่ลูกสาวทำไปทั้งหมด เป็นสาเหตุมาจากคำพูดของเธอในตอนนั้น
“จิ่วจิ่ว หนูมาตรงนี้” ลู่ลู่กวักมือเรียกจิ่วจิ่วเบาๆ
จิ่วจิ่วมองลู่ลู่ จากนั้นก็หันไปมองคุณแม่ที่อยู่ข้างกาย แม่ว่าคุณยายที่อยู่ตรงหน้าจะเคยอยู่กับตัวเองได้สักพักแล้ว แต่วันนี้เธอก็ดูออก เหมือนว่าคุณแม่จะค่อนข้างกลัวเธอ แล้วตัวเองจะไปหาดีหรือเปล่า?
กู้ฮอนยิ้มให้จิ่วจิ่วเล็กน้อย: “ทารกน้อย คุณยายเรียกหนูไปหา”
เมื่อคุณแม่อนุญาต จิ่วจิ่วจึงเดินไปตรงหน้าของลู่ลู่อย่างระมัดระวัง
เธอเรียกอย่างนอบน้อม: “คุณยาย”
ลู่ลู่มองเธอมุมปากก็โค้งงอขึ้นเล็กน้อย: “จิ่วจิ่วเด็กดี ฉันว่าแล้ว ตอนแรกที่เห็นเธอ ก็รู้สึกว่าเธอเหมือนฮอนตอนเด็ก แม้ว่าฉันจะไม่เคยเห็นตอนเธอโต แต่ฉันก็เดาได้”
พูดจบลู่ลู่ก็มองไปทางกู้ฮอน: “ฮอน เธอมาตรงนี้”
กู้ฮอนเห็นว่าคุณแม่ไม่ได้โกรธตามที่เธอคิดไว้ ก็รู้สึกสบายใจขึ้น เธอเดินไปข้างกายของคุณแม่ แล้วก้มศีรษะลงเหมือนนักเรียนที่กำลังทำความผิด
ลู่ลู่เอื้อมมือไปจับมือของลูกสาวไว้: “ความจริงแล้วเรื่องของจิ่วจิ่วฉันรู้มานานแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้กู้ฮอนค่อนข้างประหลาดใจ ตัวเองไม่เคยพูด แอนนี่และลั่วเฉียวก็ปิดปากสนิท
“ไม่ต้องเดาแล้ว เธอรู้ไหม บางครั้งความรู้สึกแรกก็แม่นยำ แวบแรกที่ฉันเห็นจิ่วจิ่วก็รู้สึกเอะใจ แน่นอน ต่อมาเธอและหรูเจี๋ยก็ได้เอ่ยออกมา ฮอน ไม่ใช่ว่าฉันต้องยกโทษให้เธอ แต่เป็นเธอที่ต้องยกโทษให้แม่ หากไม่ใช่ว่าก่อนหน้านั้นฉันไม่ยอมรับเป่หมิงโม่ บางทีเธอก็ไม่ต้องปกปิดฉันเป็นเวลานานขนาดนี้”
ในตอนนี้ หวีหรูเจี๋ยมองกู้ฮอนด้วยความรู้สึกผิดแล้วพูดว่า: “ฮอน ขอโทษที่ฉันไม่สามารถเก็บความลับนี้ของเธอไว้ได้ ฉันคิดว่าแม่ของเธอควรรู้เรื่องของจิ่วจิ่ว”
คำพูดของคุณแม่ ทำให้กู้ฮอนรู้สึกอุ่นใจขี้นทันที เธอจึงยิ้มให้หวีหรูเจี๋ย: “หวีหรูเจี๋ย ฉันต้องขอบคุณคุณเช่นกัน เป็นคุณที่ทำให้ฉันมุ่งมั่นในการตัดสินใจนี้”
เธอโน้มตัวอุ้มจิ่วจิ่วขึ้นมาแล้วไปตรงหน้าของคุณแม่: “จิ่วจิ่ว นี่เป็นคุณแม่ของแม่เอง และก็เป็นคุณยายของหนูรู้ไหม”
จิ่วจิ่วพยักหน้า
“มา ให้ฉันอุ้มจิ่วจิ่ว” ตอนนี้ลู่ลู่อารมณ์ดีมาก เอื้อมมือรับจิ่วจิ่วมาจากมือของกู้ฮอน
เธอหันไปยิ้มให้หวีหรูเจี๋ยที่นั่งอยู่ข้างๆ : “หรูเจี๋ย แม้ว่าฉันจะไม่เคยอุ้มกู้ฮอนตอนตัวเท่านี้ แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงร่างของฮอนในตอนนั้นได้ เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ ชั่วพริบตาฮอนก็มีลูกสามคนแล้ว เธอและฉันได้กลายเป็นคุณย่าและคุณยายกันแล้วฮ่าๆๆ”
หวีหรูเจี๋ยหยักหน้าแล้วยิ้ม: “ใช่ พริบตาเดียวก็ผ่านไปยี่สิบกว่าปีแล้ว เหมือนเป็นฝันที่ช่างยาวนานเหลือเกิน”
ในตอนนี้กู้ฮอนขยิบตาให้เฉิงเฉิงและหยางหยาง พวกเขาได้ไปอยู่ตรงกลางระหว่างหวีหรูเจี๋ยและลู่ลู่อย่างเชื่อฟัง เรียกคุณย่า และคุณยาย
ภายในห้องผู้ป่วยเกิดบรรยากาศที่อบอุ่นขึ้นมาทันที
กู้ฮอนใช้โอกาสนี้ พูดกับคุณแม่ว่า: “แม่ ยังมีอีกเรื่องที่หนูปิดบังคุณ ก็คือหนูได้ยอมรับคุณโม้เป็นพ่อบุญธรรมแล้ว เขาได้ช่วยชีวิตหนูไว้ตอนที่ลำบากมากที่สุด”
***
ลู่ลู่เหลือบมองลูกสาว จากนั้นก็หันไปพูดกับโม้จิ่งเฉิงว่า: “จิ่งเฉิง ต้องขอบคุณคุณมากจริงๆ ที่ช่วยเหลือกู้ฮอนในช่วงเวลาที่ยากลำบาก”
โม้จิ่งเฉิงยิ้มเล็กน้อย: “ลู่ลู่ คุณอย่าพูดแบบนี้ ฉันช่วยฮอนเป็นเพราะเหตุบังเอิญ อีกทั้ง ตอนนั้นฉันกับหรูหวีเจี๋ยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นลูกสาวของคุณ ดังนั้นไม่ต้องเกรงใจ”
“เหมือนอย่างที่คุณพูดไว้ มันเป็นเหตุบังเอิญ เรามีวาสนาต่อกัน ตอนนั้นที่สูญเสียฮอนไป จากนั้นก็พบว่าโม่มีลูกแล้ว หลังจากนั้นโม้จิ่งเฉิงได้ช่วยเธอไว้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก…ครอบครัวเราสองคนไม่ได้แยกจากกันไปไหนเลยฮ่าๆ”
กู้ฮอนในตอนนี้ ทันใดนั้นก็คิดได้ว่ายังมีของอยู่ในรถของตัวเอง
เธอพูดกับโม้จิ่งเฉิงว่า: “พ่อบุญธรรม ในรถของฉันยังมีของบางอย่าง คุณช่วยไปเอามันขึ้นมากับฉันหน่อย”
ผ่านไปสักพัก กู้ฮอนและโม้จิ่งเฉิงได้หยิบของขึ้นมาจากชั้นล่างมากมาย พวกเขาสองคนหยิบมาไม่หมด และยังได้เจาะจงเรียกพนักงานของโรงพยาบาล จึงได้นำของเหล่านี้ขึ้นมาได้ในคราวเดียวกัน
“แม่ หวีหรูเจี๋ย พวกนี้เป็นของบำรุงและผลไม้ที่คุณป้าซินเอามาให้พวกคุณ”
กู้ฮอนชี้ไปที่มุมห้องผู้ป่วยที่มาของกองอยู่ ของหลากหลายที่บรรจุไว้อย่างสวยงามประณีต และยังมีตะกร้าผลไม้สองตะกร้า
“หลิงหลิงนี่จริงๆ เลย สิ้นเปลืองแบบนี้ มีเงินก็ไม่ควรใช้จ่ายไปเรื่อย” ลู่ลู่บ่น แต่ไม่นานก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เธอมองหวีหรูเจี๋ยอย่างขออภัย: “หรูเจี๋ย ต้องขอโทษด้วย เมื่อกี้ฉันไม่ได้คิดถึงคุณ…”
หวีหรูเจี๋ยมองแล้วยิ้มให้ลู่ลู่: “ไม่ต้องขอโทษฉัน ฉันไม่ใช่คนแปลกหน้าของตระกูลเป่หมิง”
“แม่ หวีหรูเจี๋ย เป่หมิงโม่รู้ว่าวันนี้เราจะมา ให้ฉันนำของพวกนี้มาให้พวกคุณ” พูดแล้วเธอก็ชี้ไปที่กล่องยาวที่วางอยู่บนพื้น
เมื่อหวีหรูเจี๋ยได้ยินว่าเป็นของที่ลูกชายตัวเองส่งมาให้ตัวเอง ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แม้แต่โม้จิ่งเฉิงก็ประหลาดใจ แต่เมื่อนึกถึงฉากตอนที่เขาส่งแม่ของเธอมาที่โรงพยาบาล จึงพูดออกมาด้วยความรู้สึกว่า: “เด็กคนนั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ”